"แจ็ค หม่า" มาไทย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ?

“แจ็ค หม่า” มาไทย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ?

   Money Buffalo

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เมื่อวันพฤหัสที่ 19 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา นายก พล.อ. ประยุทธ์ ได้เปิดทำเนียบฯต้อนรับแจ็ค หม่า ผู้นำของ Alibaba Group บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซจากประเทศจีน ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่แจ็ค หม่า เดินทางมาพบกับนายกของเรา แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ทั้งสองคนเคยพบปะพูดคุยกันแล้ว

แล้ว “แจ็ค หม่า” มาทำอะไรที่ไทย ?

ครั้งแรกที่แจ็ค หม่า เดินทางมาประเทศไทยดูเหมือนจะเป็นการมาสำรวจตลาดว่าไทยของเรานั้นเป็นยังไง ผู้นำประเทศอย่างลุงตู่เรามีวิสัยทัศน์ แนวทางการบริหารประเทศไปในทิศทางไหน ซึ่งพี่ทุยมองว่าหลังจากที่เฮียแจ็ค หม่า แกกลับประเทศจีนไปคราวที่แล้วน่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจ และมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจของ Alibaba ในไทย จึงน่าจะมีการหาแนวทางร่วมงานกันระหว่าง Alibaba กับรัฐบาลไทยมาอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้เกิดการเดินทางมาของแจ็ค หม่าในครั้งนี้

การมาไทยในครั้งนี้ของแจ็ค หม่า ไม่ได้เป็นแค่การพูดคุยปากเปล่าด้านธุรกิจเฉยๆแบบที่ผ่านมาแล้ว ครั้งนี้เอาจริงเอาจังและเป็นรูปธรรมกว่าเดิมเยอะเลย แถมยังมีแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน "แจ๊ค หม่า" มาไทย แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ? โดยมีการลงนามความร่วมมือ บันทึกความเข้าใจ 4 ฉบับระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยกับ Alibaba Group คือ

  1. ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ กรศ. (สำนักงาน อีอีซี) และ บริษัท อาลีบาบา (จีน) จำกัด
  2. ความร่วมมือด้านการลงทุน Smart Digital Hub ในพื้นที่ อีอีซี ระหว่างสำนักงาน อีอีซี กรมศุลกากร และบริษัท Cainiao Smart Logistics Network เพื่อเป็นศูนย์ประมวลข้อมูลโลจิสติกส์รองรับขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV: กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) และไปยังที่อื่นทั่วโลก
  3. ความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านดิจิทัล และการส่งเสริมธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ Alibaba Business School โดยมุ่งพัฒนากลุ่มคนเก่ง(Digital Talent) โดยอาลีบาบาเสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา นำ Platform E-Commerce มาใช้อบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบการ SME
  4. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวผ่านดิจิทัลและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัท Fliggy จัดทำ Thailand Tourism Platform สำหรับประเทศไทย เพื่อนำสินค้าโอท็อป แผนที่ท่องเที่ยวกระจายในระบบออนไลน์แพลตฟอร์ม เชื่อมโยงข้อมูลทางการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน โดยเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวจีน คาดว่ารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซในธุรกิจท่องเที่ยวจะเติบโต 113,400 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2561 เพิ่มเป็น 186,500 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2565 รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับ Internet of Things (IOT) ที่เป็นเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจพร้อมกันนี้จะมีพิธีเปิดการซื้อขายข้าวไทยผ่าน com ด้วย

ซึ่ง Tmall.com เป็นเว็บไซต์ซื้อขายของออนไลน์ในเครือของ Alibaba แบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ปัจจุบันคนไทยก็มีเว็บไซต์ Tmall.com ให้ได้ใช้กันแล้ว

แผนความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซีที่มีมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท แล้วโครงการต่างๆก็จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ แล้วก็รวมถึงการก่อสร้าง Smart Digital Hub น่าจะเปิดได้ประมาณปี พ.ศ. 2562 พี่ทุยเชื่อว่าโครงการที่จะเกิดขึ้นนั้นย่อมต้องใช้เวลาในการสร้างขึ้นมา จะให้ใช้เวลาสั้นๆคงไม่ได้แน่นอน

และที่สำคัญที่สุดเลย คือ พี่ทุยมองว่าเป็นโอกาสดีที่คนไทยเราจะได้พัฒนาตัวเองไปยังตลาดโลกมากขึ้น เพราะมีผู้เชี่ยวชาญอย่าง Alibaba เป็นเทรนเนอร์ฝึกวิชาบู๊ตึ๊งให้ ในมุมมองการทำธุรกิจก็ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีคนได้รับประโยชน์ก็ย่อมมีคนเสียประโยชน์ หรือว่านี่อาจจะเป็นสัญญานแรกที่แจ็ค หม่า เริ่มออกมาเตือนให้กับคนทำธุรกิจในไทยให้ออกมาปรับตัวกันได้แล้วเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอดได้ เหมือนอย่างที่ชาร์ลส ดาร์วิน กล่าวไว้ว่า “หาใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือฉลาดที่สุด หากแต่เป็นผู้ที่สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดต่างหากที่จะอยู่รอด”

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile