บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เราเรียกกันติดปากในชื่อ ‘บัตรคนจน’ เป็นโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลที่เขามุ่งบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผู้มีรายได้น้อย โดยให้ความช่วยเหลือในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านร้านค้าธงฟ้า และมอบส่วนลดค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทางให้
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใครมีสิทธิได้สิทธิบัตรนี้บ้าง
ผู้ที่สามารถสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
คุณสมบัติหลัก
- เป็นบุคคลสัญชาติไทยและมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีรายได้ส่วนบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- มีรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
- มีทรัพย์สินทางการเงินรวมกัน (เงินฝาก, พันธบัตร, ตราสารหนี้) ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และรวมกันทั้งครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินเกินกว่าเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีวงเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่มีวงเงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์เกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคลต่อไปนี้: ภิกษุ, สามเณร, ผู้ต้องขัง, บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์, ข้าราชการ, พนักงานราชการ, ผู้รับบำเหน็จรายเดือน, ผู้รับบำนาญ, ข้าราชการการเมือง, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.), และสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
สิทธิปัจจุบันมีอะไรบ้าง (พี่ทุยอัปเดตล่าสุดจากกรมบัญชีกลาง ม.ค. 2568)
สิทธิพื้นฐานรายเดือน (เริ่ม 1 มกราคม 2568)
- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (ใช้ผ่านบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด)
- ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ม.ค.–มี.ค. 2568)
- ค่าเดินทางขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน ครอบคลุมรถโดยสาร บขส., รถไฟ, ขสมก., รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนร่วมโครงการ
หมายเหตุ : ผู้ที่ยืนยันตัวตนในช่วง 27 พ.ย.–26 ธ.ค. 2567 จะได้รับสิทธิเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2568 เท่านั้น ไม่มีสิทธิย้อนหลัง
สิทธิเพิ่มเติมสำหรับผู้พิการ (20 มกราคม 2568)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้พิการที่ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาท
- เงินโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือบัญชีของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจ
สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ เงินเข้าวันไหน
วันที่จะได้เงินค่าบัตรสวัสดิการจะมี 2 วัน ในเดือนเดียวกัน ตามนี้ฮะ
เงินที่ได้รับวันที่ 1 มิถุนายน 2568
เป็นวงเงินสิทธิถอนเป็นเงินสดไม่ได้ และไม่สะสมเอาไว้ใช้เดือนต่อไปก็ไม่ได้
- วงเงินซื้อสินค้า: 300 บาท/คน/เดือน
- วงเงินส่วนลดก๊าซหุงต้ม: 80 บาท/คน/3 เดือน
- วงเงินค่าเดินทาง: 750 บาท/คน/เดือน (บขส., รถไฟ, ขสมก., รถไฟฟ้า MRT/BTS/ARL/EBM และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วม)
เงินที่ได้รับวันที่ 20 มิถุนายน 2568
เป็นเงินเบี้ยพิการซึ่งจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ไว้ด้วยเลขปชช. 13 หลักของผู้มีสิทธิ หรือผู้รับมอบอำนาจที่รับเบี้ยผู้พิการ 800 บาท
เบี้ยผู้พิการเพิ่มเติม: สำหรับผู้พิการอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีบัตรผู้พิการและยืนยันตัวตนกับธนาคาร (กรุงไทย, ออมสิน, ธ.ก.ส.) โดยจะได้รับเงิน 800 บาท ทุกวันที่ 10 และเงินเพิ่มอีก 200 บาท ทุกวันที่ 20 ของเดือน
- เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย: (ข้อมูลไม่ได้ระบุในส่วนนี้)
ส่วนลดค่าไฟฟ้า (315 บาท/ครัวเรือน/เดือน) สำหรับผู้มีสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
- เงื่อนไข:
- ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน: รับสิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการปัจจุบัน
- ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน แต่ไม่เกิน 315 บาท: ได้รับการสนับสนุนไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
ถ้ามีประกันสังคม ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ไหม ?
สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยและอยู่ในระบบประกันสังคม มีข้อควรทราบเกี่ยวกับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 ตามนี้คับ
สำนักงานประกันสังคมระบุว่า ผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งหมายถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ สามารถลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ และมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือมาตรา 39 จะไม่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิบัตรนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ในการลงทะเบียนรอบใหม่ปี 2568 มีการปรับเกณฑ์คุณสมบัติ โดยเพิ่มการพิจารณารายได้ในระดับครอบครัว เช่น กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นแม่บ้านที่ไม่มีรายได้ แต่สามีมีรายได้หรือทรัพย์สินที่สามารถดูแลครอบครัวได้ เมื่อนำรายได้ครอบครัวมาหารเฉลี่ยต่อคนในครอบครัวแล้ว หากเกินกว่า 100,000 บาทต่อคนต่อปี ผู้ลงทะเบียนจะไม่ผ่านเกณฑ์ แม้ว่าตัวเองจะไม่มีรายได้ก็ตาม
คนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายเดิม ต้องลงทะเบียนใหม่ไหม
ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิม ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ นะฮะ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวหรือสถานะทางรายได้ อย่างไรก็ตาม รัฐจะมีการตรวจสอบและปรับปรุงฐานข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความถูกต้องและความเหมาะสมของสิทธิ
ในกรณีที่ผู้ถือบัตรเปลี่ยนแปลงสถานะ เช่น รายได้เพิ่มขึ้น หรือต้องการแก้ไขข้อมูล ต้องติดต่อสำนักงานที่รับผิดชอบเพื่อแจ้งข้อมูลและอัปเดตสถานะ
สามารถสมัครขอบัตรนี้ได้ทางไหน
ผู้ที่สนใจสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2568 สามารถสมัครได้ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
สมัครผ่านช่องทางออฟไลน์
- ติดต่อสำนักงานคลังจังหวัด, สำนักงานเขต, ที่ว่าการอำเภอ หรือเทศบาลใกล้บ้าน
- ธนาคารของรัฐที่ร่วมโครงการ เช่น ธ.ก.ส., ธ.ออมสิน, ธ.กรุงไทย
- เตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, เอกสารแสดงรายได้และทรัพย์สิน
สมัครผ่านช่องทางออนไลน์
- เข้าไปที่เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ welfare.mof.go.th
- คลิกที่ปุ่ม ‘ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ’
- กรอกข้อมูลบัตรประชาชน และเลข Laser ที่อยู่ด้านหลังบัตรประชาชน
- กรอกข้อมูลส่วนตัว, อาชีพ, รายได้, หนี้สิน และความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ
- สำหรับผู้ที่จดทะเบียนสมรส หรือมีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้เลือกหน่วยรับลงทะเบียนเพื่อยื่นเอกสาร
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกด ‘ยืนยัน’
- หากไม่มีครอบครัว ให้รอผลการตรวจสอบสถานะบุคคล
- หากมีครอบครัว ให้ไปแสดงตัวตนและยื่นเอกสารที่หน่วยรับลงทะเบียนที่เลือกไว้ (เช่น ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, หรือ ธนาคาร ธ.ก.ส.)
ข้อแนะนำ: ควรติดตามประกาศการเปิดรับสมัครและข่าวสารอย่างต่อเนื่องจากเว็บไซต์ทางการ เพื่อไม่พลาดช่วงเวลาการสมัคร
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ
- กองทุนประชารัฐสวัสดิการฯ กระทรวงการคลัง: โทร. 094-858-9794 เวลาทำการ 08:30-16:30 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง: โทร. 02-273-9020 ต่อ 3502, 3503, 3506, 3518, 3536, 3542 หรือเบอร์มือถือ 085-842-7102 ถึง 7108 เวลาทำการ 08:30-16:30 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์
- ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ: โทร. 02-109-2345 เวลาทำการ 08:30-17:30 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์
- ช่องทางออนไลน์: เว็บไซต์: https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ welfare.mof.go.th
- หมายเหตุ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกแห่ง แต่ทุกหน่วยงานจะหยุดให้บริการในวันหยุดราชการ
หรือติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกแห่ง แต่ทุกหน่วยงานจะหยุดให้บริการในวันหยุดราชการ ฉะนั้นวางแผนลางานดี ๆ เด้อ
ติดตามสาระน่ารู้ดี ๆ ได้ที่ Facebook
อ่านบทความเพิ่มเติม