การออมเงิน เป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดชีวิต ฟังดูเป็นหน้าที่และข้อบังคับกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะมนุษย์ “ฟรีแลนซ์” ที่ได้เงินไม่สม่ำเสมอ บางครั้งถามรายได้ต่อเดือนก็ตอบยากอีก ดังนั้นการวางแผนการเงินของมนุษย์ฟรีแลนซ์ต่างจากมนุษย์เงินเดือนตรงที่รายได้ไม่แน่นอน การเก็บออมจึงไม่แน่นอนตามไปด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าฟรีแลนซ์ที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหมือนพนักงานเงินเดือน การเก็บออมจึงเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคง วิธีการเก็บออมจึงขึ้นอยู่กับรายได้เป็นหลัก แล้วแบ่งสัดส่วนรายได้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แบ่งส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนและเก็บออม เหล่านี้เป็นการจัดการด้วยตัวเองทั้งหมด
“ฟรีแลนซ์” ต้องออมแค่ไหน ?
พี่ทุยแนะนำว่าควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 12 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน โดยต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่และผันแปร
- ค่าใช้จ่ายคงที่ ประกอบด้วยหนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือนที่ไม่สามารถปรับลดได้ ยกเว้นรัฐมีนโยบายเพื่อช่วยเหลือในกรณีวิกฤติเศรษฐกิจและเจรจาต่อรองกับสถาบันทางการเงินกรณีขาดสภาพคล่องเป็นรายบุคคล เช่น ค่าบัตรเครดิต เงินกู้ ค่าเช่าที่อยู่อาศัย
- ค่าใช้จ่ายผันแปร ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายที่ตัวที่ปรับเพิ่ม-ลดได้
พี่ทุยมี 2 เทคนิคการออมมาฝากแบบง่าย ๆ สามารถเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองหรือจะใช้ทั้งคู่ประกอบกันก็ได้ เทคนิคนี้มาจากการทดลองเพื่อเข้าใจพฤติกรรมการออมเงินของมนุษย์ เป็นศาสตร์ของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม คือ
- วิธีบัญชีในใจ (Mental Accounting) และ
- วิธีพรุ่งนี้จะออมให้มากขึ้น จากโครงการ Save More Tomorrow
วิธีบัญชีในใจ (Mental Accounting)
โดย Richard Thaler นักเศรษฐศาสตร์ได้รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ปี 2017 จากผลงานวิธีบัญชีในใจ จากแนวคิดที่คนให้มูลค่ากับการจ่ายสินค้าและบริการแต่ละประเภทไม่เท่ากันเพราะคนมีความชอบที่แตกต่างกัน
ดังนั้นแรงจูงใจในการเก็บเงินเพื่อใช้จ่ายในอนาคตก็แตกต่างกันด้วย รูปแบบที่คุ้นเคยก็คือการแบ่งเงินออมออกเป็นหลายส่วนเช่น เงินออมเพื่อการท่องเที่ยว 60% เงินออมเพื่อการศึกษา 35% เงินออมเพื่อบริจาค 5%
วิธีพรุ่งนี้จะออมให้มากขึ้น
จากโครงการ Save More Tomorrow ที่เกิดจาก 2 นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม Richard Thaler คนเดียวกับผู้คิดหลักบัญชีในใจ และ Shlomo Benartzi ที่นำทฤษฎี Life Cycle Theory of Consumption ที่บอกถึงวัฏจักรชีวิตสัมพันธ์กับรายได้และค่าใช้จ่ายแต่ละช่วงเวลาต่างกัน
คือเมื่อวัยเรียน มีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับที่ได้ ทำให้ไม่มีเงินออม แต่เมื่อถึงวัยทำงานรายได้มากขึ้น เงินส่วนเกินก็ควรนำไปออมเพิ่มขึ้น แต่ในชีวิตไม่ใช่แบบนั้นทุกคนเพราะมนุษย์เราจะพยายาม Smooth Consumption หรือรักษาระดับการบริโภคให้เหมือนเดิม เพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นได้แต่ลดลงยาก
เมื่อดูรายรับของฟรีแลนซ์ที่ไม่แน่นอน บางช่วงจังหวะทองที่มีรายได้เยอะก็ควรแบ่งเพื่อออมเยอะขึ้น เช่น แบ่งส่วนที่ต้องออมจากเงินที่ได้รับในแต่ละงวดงานเป็น % และตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เพิ่ม เมื่อมีรายได้เพิ่มก็ต้องออมเพิ่มทุกปี แต่ฟรีแลนซ์ก็ต้องรักษาสภาพคล่องด้วย
พี่ทุยจึงแนะนำให้ตัดรายได้เข้าบัญชีเงินออมอัตโนมัติกับเงินฝากประจำ เพราะในทางพฤติกรรมมนุษย์มักไม่ชอบความซับซ้อน ยุ่งยากหรือในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องคิด (Default Option) การตัดเงินเข้าบัญชีเงินออมเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการยกเลิกบัญชีเงินออมนั้นก็จะทำให้การออมเป็นเรื่องง่ายขึ้น
เงินออมในช่วงที่มีรายได้ส่วนเกินนั้นจะทำให้การใช้ชีวิตไม่เป็นปัญหาในยามวิกฤติและเมื่อพ้นวัยทำงานที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับ
พี่ทุยก็ใช้ทั้ง 2 วิธีในการออมเงินนะ วิธีแรกบัญชีในใจสำหรับเป้าหมายระยะสั้น ส่วนวิธีพรุ่งนี้จะออมให้มากขึ้นพี่ทุยให้เป็นเงินออมระยะยาวเพื่อใช้ในการลงทุนในอนาคต ซึ่งหากใครจะนำไปปรับใช้กับการออมหุ้นแทนก็ได้นะ
พี่ทุยเอาใจช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง และปรับการใช้จ่ายให้ยืดหยุ่นตั้งแต่ต้นเพื่อที่ให้ความรู้สึกที่อยากจะ Smooth Consumption ตลอดเวลาทำอะไรเราไม่ได้ และทำให้การออมเงินเป็นเรื่องง่ายที่ทำได้ตลอดชีวิต
รับชมวิดีโอ ทำไมเราต้องวางแผนการเงิน ได้ที่นี่
Comment