ตอนนี้ประเทศไทยกำลังจะเริ่มทดลองเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ “ฉีดวัคซีน” แล้ว และมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำ-ปานกลางเข้ามาในประเทศ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับมา
เริ่มจากพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตตามโครงการ Phuket Sandbox ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ แต่หลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มมีโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเหมือนกับไทย ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวแล้ว “ฉีดวัคซีน” ฟรี หรือจัดโปรแบบลดแลกแจกแถมเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวและกลุ่มประเทศที่มีประชากรฉีดวัคซีนแล้วและไม่มีความเสี่ยงสูงมีอยู่จำกัด
พี่ทุยขอพาไปดูว่าแต่ละประเทศมีกลยุทธ์และโปรโมชั่นอะไรบ้าง เพื่อมาดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางกันบ้าง
กลุ่มประเทศที่ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวแถม “ฉีดวัคซีน” ฟรี
1. มัลดีฟส์
จัดแคมเปญ 3V (Visit, Vaccinate, Vacation) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องพักอยู่อาศัยในประเทศเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากต้องการรอให้ประชาชนในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนก่อน โดยมุ่งไปที่กลุ่มคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและโรงแรม ทั้งนี้ วัคซีนที่รัฐบาลมัลดีฟส์ฉีดให้กับประชาชน คือ แอสตร้าเซนาก้า กับ ซิโนฟาร์ม
2. รัสเซีย
เป็นอีกหน่ึงประเทศที่กำลังเตรียมจะเดินตามรอยมัลดีฟส์ โดย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียประกาศว่าจะฉีดวัคซีน Sputnik V ให้แก่ชาวต่างชาติที่มาเยือนรัสเซียโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งนี้ คาดว่าการฉีดวัคซีนดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกรกฎาคม 2564 และเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจเที่ยวรัสเซียไปในตัว โดยสนนค่าใช้จ่ายต่อคนที่ 1,500 – 2,500 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 46,724 – 77,873 บาท) ซึ่งยังไม่นับรวมค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน
อ่านเพิ่มเติม
Vaccine Tourism ธุรกิจท่องเที่ยวที่ฉีด “วัคซีน” ให้นักท่องเที่ยวฟรี มีประเทศไหนบ้าง ?
กลุ่มประเทศที่อัดโปรโมชั่นท่องเที่ยวแบบลดแลกแจกแถม
ถึงแม้ว่าหลายประเทศจะมีข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อน แต่บางประเทศในยุโรปก็ยอมลดเงื่อนไขบางอย่างลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดส แต่ขอเพียงแค่ให้มีผลตรวจว่าไม่มีเชื้อโควิดในระยะเวลาที่กำหนดก็เพียงพอที่จะเข้าประเทศแล้ว
1. ไซปรัส
ไซปรัสจัดหนักกว่าใครเพื่อนด้วยการประกาศว่ายินดีจะออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างการมาท่องเที่ยวทั้งค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ทั้งหมด ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน หากพบว่ามาเที่ยวที่ไซปรัสแล้วเกิดติดโควิด-19 ขึ้นมา อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 3 วันในประเทศของตนเองก่อนเดินทางมายังไซปรัส
2. กรีซ
กรีซไม่น้อยหน้าด้วยการประกาศลดการเก็บภาษีการเดินทางเป็นระยะเวลา 5 เดือน เพื่อทำให้ราคาค่าตั๋วมายังดินแดนอารยธรรมกรีกโบราณมีราคาถูก
3. มอลตา
มอลตาประกาศมอบเงินเป็น Gift Voucher มูลค่า 200 ยูโร (ราว 7,587 บาท) ต่อคนเพื่อให้ใช้จ่ายเป็นค่าที่พักโรงแรม ร้านอาหาร และใช้บริการสปา โดยมีเงื่อนไขว่าต้องจองที่พักอาศัยในประเทศมอลตาอย่างน้อย 1 ห้องเป็นระยะเวลา 3 คืนขึ้นไปในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล ทั้งนี้ จะให้สิทธิพิเศษดังกล่าวเฉพาะนักท่องเที่ยว 38,000 คนแรกเท่านั้นและใช้สิทธิได้เฉพาะวันธรรมดา
4. อียิปต์
อียิปต์ประกาศลดค่าทำวีซ่าเข้าประเทศ รวมทั้งนำเสนอแหล่งโบราณสถานที่เพิ่งค้นพบใหม่เพื่อหวังสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมามาเยือน และเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลอียิปต์เพิ่งจัดขบวนพาเหรดการเคลื่อนย้ายพระศพของฟาโรห์และราชวงศ์สมัยโบราณไปสู่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของอียิปต์แห่งใหม่
กลุ่มประเทศที่จัดโซนพื้นที่พิเศษปลอดเชื้อโควิด-19
การจัดพื้นที่พิเศษปลอดเชื้อ เราเรียกพื้นที่นี้ว่า พื้นที่ปลอดโควิด-19 หรือ Covid Freezone ไม่ว่าจะเป็น
1. หมู่เกาะต่าง ๆ ของกรีซ
ประเทศกรีซเร่งระดมการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในเกาะต่าง ๆ ในทะเลอีเจียน ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดโควิด-19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การเดินทางเข้าประเทศกรีซยังกำหนดให้ผู้เดินทางมาต้องกักตัวอย่างน้อย 7 วัน สำหรับผู้ที่มาจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร อิสราเอล เซอร์เบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจะต้องมีใบรับรองการปลอดเชื้อโควิดภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางมายังประเทศกรีซ
2. โครเอเชีย
โครเอเชียประกาศแนวทางการแบ่งโซนนักท่องเที่ยวกับคนในพื้นที่เพื่อไม่ให้มาปะปนกัน โดยนักท่องเที่ยวที่จะมาจะเดินทางมาโดยเรือสำราญและเข้าพักในที่พัก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ให้ ทั้งนี้โครเอเชียถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นหลังจากใช้เป็นฉากในการแสดงภาพยนตร์ซีรีส์ Game of Throne
3. มอนเตรเนโกร
มอนเตรเนโกร มีพื้นที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน ไม่จำเป็นต้องจัดโซนพื้นที่พิเศษ เนื่องจากเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อต่ำ จึงสามารถนำเสนอว่าเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ปลอดโควิด-19
4. อียิปต์
อียิปต์อนุญาตให้ชายหาด ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสามารถดำเนินวิถีชีวิตได้ตามปกติและไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเคอร์ฟิลในช่วงวันฮารีรายอที่ผ่านมา
5. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นครดูไบ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชายหาด เข้าใช้บริการสระว่ายน้ำของโรงแรม ผับบาร์ และโรงภาพยนตร์ได้ตามปกติ แต่ยังคงมีมาตรการรักษาการเว้นระยะห่างและการบังคับสวมหน้ากากอนามัยอยู่
6. เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์
หนึ่งในประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนซึ่งพึ่งพาแหล่งรายได้จากภาคการท่องเที่ยวสูง ได้จัดทำข้อตกลงรูปแบบการท่องเที่ยวแบบ Bubble Resort เพื่อนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศตนเอง โดยไม่ต้องกักตัว เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการติดเชื้อโควิด-19 อย่างดีด้วยระบบปิด แต่ยังคงต้องการติดตามประเมินผลความเสี่ยงด้านสุขภาพผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการเรือสำราญในทะเลแคริบเบียนเตรียมเปิดให้บริการพานักท่องเที่ยวจากสหรัฐไปยังท่าเรือต่าง ๆ ในหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม บางประเทศเลือกกลยุทธ์ทำการตลาดในลักษณะการขายภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยแทน เช่น มอนเตรเนโกร ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่านนำเสนอว่าเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ปลอดโควิด ส่วนฝรั่งเศสนำเสนอแคมเปญ ExploreFrance โดยเน้นการนำเสนอภาพการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ และการสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวในที่โล่งปลอดโปร่ง เต็มไปด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เก่าแก่ โดยเน้นเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าในทวีปยุโรปด้วยกันเป็นหลัก
บทเรียนสู่ทิศทางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
จากผลกระทบของโควิด-19 หลายประเทศได้ทบทวนความผิดพลาดของแนวทางการท่องเที่ยว ในการประชุมเวทีระหว่างประเทศทั้งสหประชาชาติ ธนาคารโลก และองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แนวทางการท่องเที่ยวแบบเดิมที่เน้นแค่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อีกแล้วในโลกยุคหลังโควิด-19 ทำให้ทุกประเทศต้องหันมาให้ความสำคัญในมุมนี้มากขึ้น
พี่ทุยมองว่าทิศทางการท่องเที่ยวหลังจากนี้ น่าจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าเน้นปริมาณเหมือนที่ผ่านมา เช่น การจำกัดปริมาณผู้เดินทางและการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากหลายคนก็ยังกังวลกับการติดเชื้อ และข้อกำหนดด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น
การหารายได้ทางเดียวไม่ใช่คำตอบของการอยู่รอดในศตวรรษที่ 21 อีกต่อไป
หลายประเทศที่พึ่งพารายได้หลักจากการท่องเที่ยวก็จะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงมากขึ้น อย่างที่พี่ทุยเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็จำเป็นต้องพึ่งพารายได้ทางอื่น การเชื่อมโยงภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ประเทศจาไมกา ที่ปัจจุบันพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโรงแรมสามารถซื้อสินค้าจากเกษตรกรได้โดยตรง รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศเพื่อลดอุปสรรคการค้าและขยายตลาดส่งออก
จากที่พี่ทุยได้เล่าให้ฟังว่าแต่ละประเทศมีกลยุทธ์อะไรกันบ้าง จะเห็นได้ว่าทุกประเทศพยายามดึงจุดแข็งออกมาเพื่อเรียกนักท่องเที่ยวกันอย่างดุเดือด และน่าจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหลังจากนี้เราน่าจะได้เห็นประชากรที่ฉีดวัคซีนมากขึ้น กลุ่มลูกค้า (นักท่องเที่ยว) ก็จะเริ่มกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติอีกครั้ง