ช่วงกลางคืนของวันที่ 10 พ.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) www.whitehouse.gov (เว็บไซต์หลักในการสื่อสารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ได้ประกาศ “แผนการสู้เงินเฟ้อ” ที่สูงสุดในรอบ 40 ปี ของ โจ ไบเดน
พี่ทุยจะพานักลงทุนไปส่องกันว่าบ้านเขาจะมีแผนรับมือวิกฤติเงินเฟ้ออย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
“ประธานาธิบดีไบเดนมีแผนที่จะจัดการกับเงินเฟ้อ โดยลดต้นทุนค่าครองชีพที่ครอบครัวอเมริกันกำลังเผชิญและลดการขาดดุลของรัฐบาลกลางด้วยการขอให้บริษัทขนาดใหญ่และชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดจ่ายภาษีอย่างยุติธรรม”
ข้อความสรุปข้างต้นได้ระบุไว้ด้านบนของประกาศจากทำเนียบขาวที่ต้องการจะเอาชนะปัญหาเงินเฟ้อโดยเสนอวิธีการ ดังนี้
1. ลดต้นทุนก๊าซและพลังงาน และลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ในแผนการนี้ได้ระบุรายละเอียดไว้หลายอย่าง เช่น เร่งระบายน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ระดมประเทศพันธมิตรให้เร่งการปล่อยน้ำมันเพิ่มอีก 60 ล้านบาร์เรล การกำหนดให้มีค่าธรรมเนียมถ้าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันไม่ทำการผลิต
การเร่งสร้างนวัตกรรมพลังงานสะอาดที่ผลิตขึ้นเอง สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยรัฐจะร่วมลงทุนครั้งใหญ่กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในการเร่งสร้างแท่นชาร์จให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ โดยได้ตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2030 ทุก ๆ การขายรถสองคัน จะมี 1 คันที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแม้แต่นิดเดียว
2. ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
โดยในแผนได้พูดถึงการลดต้นทุนยาตามใบสั่งแพทย์และค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ มีบทลงโทษบริษัทยาที่ขึ้นราคาเร็วกว่าเงินเฟ้อ
ลดราคาอาหารโดยช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เติบโตมากขึ้นและแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สนับสนุนให้เพิ่มการผลิตอาหารในประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตอาหารโลก ลงทุนในอุตสาหกรรมการแปรรูปเนื้อสัตว์ และมอบเงินช่วยเหลือราว 1,000 ล้านดอลลาร์แก่ธุรกิจขนาดเล็กและคนงานเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงโซ่อุปทาน และการผลิตภายในประเทศ เร่งแก้ไขปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานที่ท่าเรือ ผลักดันให้มีการจ่ายค่าตอบแทนที่น่าดึงดูดสำหรับอุตสาหกรรมรถบรรทุก ทำให้สินค้าเข้าสู่ตลาดได้รวดเร็วและถูกกว่า ส่งเสริมการลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะสินค้าที่มีผลสูงต่อการเพิ่มขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ
ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กในระยะยาว ส่งเสริมการลงทุนเพื่อการดูแลเด็กทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ และลดต้นทุนที่อยู่อาศัยโดยการสร้างบ้าน 1 ล้านหลังให้กับประชาชน
3. ลดการขาดดุล
โดยการขอให้บริษัทขนาดใหญ่และชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดจ่ายภาษีอย่างยุติธรรม มีการตั้งเป้าว่าการขาดดุลจะลดลง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ และจะปรับกฎหมายภาษีขั้นต่ำของมหาเศรษฐีให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดได้ทั้งการขาดดุลและภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ด้วย
และนี่ก็คือแผนการทั้งหมดของประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้ประกาศออกมาเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงที่ประชาชนของเค้าต้องเผชิญ ส่วนในประเทศไทยที่เงินเฟ้อก็พุ่งสูงเหมือนกันนั้นจะมีแผนการรับมืออย่างไรจากภาครัฐบ้าง พี่ทุยอยากเห็นแล้วเหมือนกัน…
อ่านเพิ่ม