“คนเป็นหนี้” ที่มาสอบถามเรื่องของการลงทุนกับพี่ทุย พี่ทุยมักจะแนะนำให้เคลียร์หนี้ให้หมดก่อนเสมอ พอเคลียร์เสร็จเราค่อยมาว่าเรื่องการลงทุน ทีนี้หลายคนก็มีคำถามกลับมาประมาณว่า ถ้าเราเป็นหนี้อยู่เราก็ไม่ควรลงทุนเลยงั้นเหรอ ?
จริง ๆ แล้วโลกเราก็ไม่โหดร้ายขนาดที่เราจะไม่สามารถลงทุนได้เลย สำหรับคนที่เป็นหนี้แล้วอยากลงทุนไปด้วย ลองจัดการ 3 ขั้นตอนตามนี้ได้เลย นั่นคือ
1. ลองกลับมาดูบัญชีหนี้ของตัวเองว่าเป็นแบบไหน
ก่อนอื่นต้องแบ่งหนี้หลัก ๆ ออกเป็น 2 แบบก่อน
แบบที่ 1 คือ หนี้ที่ถ้าเราโปะไปก็ไม่ทำให้ “ภาระดอกเบี้ย” เราลดลงแต่อย่างใด เช่น รถยนต์ ที่โปะแล้วมีส่วนลดน้อย รวมถึงการผ่อนสินค้า 0% ที่ไม่จำเป็นต้องโปะ เพราะการทยอยจ่ายแล้วเอาเงินไปฝากธนาคารนั้นคุ้มค่ากว่ามากเลย
แบบที่ 2 คือ หนี้ที่สามารถโปะได้ เมื่อโปะแล้วจะทำให้เงินต้นลดลง ภาระดอกเบี้ยก็ลดลง พี่ทุยว่าหนี้ตรงนี้แหละที่เราสามารถจัดการอะไรเพิ่มเติมได้
2. เอาหนี้ที่สามารถโปะได้ (แบบที่ 2) มาจัดลำดับ
ลองเอาหนี้ที่เวลาจ่ายเงินต้นแล้วจะลดภาระดอกเบี้ยให้เราได้ (หนี้แบบที่ 2) หรือที่เราเรียกว่า “ลดต้นลดดอก” ลองมาไล่ดูว่าเราเสียดอกเบี้ยตัวไหนเยอะที่สุด เพื่อให้เรารู้ว่าถ้าเรามีเงินสักก้อนนึงเราจะปิดหนี้ตัวไหนก่อนดี
3. ตรวจสอบความสามารถในการลงทุนเทียบกับดอกเบี้ยที่เราจ่าย
ถ้าเอาแบบในอุดมคติของพี่ทุยเลยนะ พี่ทุยว่าถ้าเราสามารถลงทุนแล้วหาผลตอบแทนได้มากกว่าดอกเบี้ยที่เราจ่ายอยู่ พี่ทุยว่าเราก็ไม่จำเป็นต้องไปปิดหนี้ แต่ปัญหาเรื่องนี้ก็คือ การลงทุนมันไม่ได้แน่นอนมีทั้งได้กำไรและขาดทุน ไม่เหมือนกับดอกเบี้ยที่เราจ่าย ดังนั้น ถ้ากลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว พี่ทุยเลยอยากแนะนำว่าถ้าหนี้เรายังเยอะอยู่แล้วดอกเบี้ยที่เสียต่อปียังเกิน 3-4% ต่อปี พี่ทุยว่าโปะก็ดีเหมือนกัน เพราะการโปะหนี้จะช่วยทำให้รายจ่ายเราลดลงไปในตัว
แต่ว่าพี่ทุยก็เข้าใจนะ บางทีถ้ารอให้โปะจนหมดไม่รู้จะได้ลงทุนเมื่อไหร่ พี่ทุยขอแนะนำสูตรที่พี่ทุยเคยใช้ นั่นก็คือ พี่ทุยจะทำการโปะหนี้บ้าน (ซึ่งเป็นหนี้แบบที่ 2) ไปอีกเท่านึงเลย สมมติว่า ถ้าปกติจ่ายหนี้บ้านเดือนละ 10,000 บาท ก็ให้จ่ายปกติไป 10,000 บาท แล้วโปะอีก 10,000 บาทไปด้วย วิธีนี้ถ้ารวมกับการรีไฟแนนซ์เรื่อย ๆ ด้วย จะช่วยทำให้เราโปะบ้านหมดภายใน 8-10 ปีเลยทีเดียว เร็วขึ้นเกือบ 20 ปีเลยนะ
เมื่อเราโปะบ้านในแต่ละเดือนมากกว่าเดิม 1 เท่าแล้ว พี่ทุยว่าเราก็สามารถเอาเงินที่เหลือไปจัดสรรการลงทุน จัดการพอร์ตของเราได้ตามต้องการเลย ถ้าใครรับความเสี่ยงได้สูงก็อาจจะดูหุ้นเป็นทางเลือก แต่ถ้าเสี่ยงได้ไม่มาก ตราสารหนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน หรือเราจะใช้พวกประกันชีวิต SSF RMF เป็นตัวช่วยเรื่องภาษีก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
“คนเป็นหนี้” ก็ลงทุนได้เหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าหนี้มีดอกเบี้ยวิ่งอยู่เสมอ แล้วมันก็เป็นรายจ่ายที่เลี่ยงไม่ได้ด้วยนะ