[How to] 4 วิธี "ลงทุนระยะยาวกับคริปโต" มีอะไรบ้าง ?

[How to] 4 วิธี “ลงทุนระยะยาวกับคริปโต” มีอะไรบ้าง ?

4 min read  

ฉบับย่อ

  • ควรจัดพอร์ตคริปโตให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อจัดการความเสี่ยง
  • เลือกลงทุนในเหรียญใหญ่ ๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง
  • คริปโตสามารถลงทุนในรูปแบบการออมระยะยาวได้โดยที่ไม่ต้องเทรดรายชั่วโมง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

สำหรับหลายคนที่เพิ่งเริ่มมาสนใจเกี่ยวกับการลงทุน ในช่วงที่คริปโตได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากทั่วโลก มูลค่าเหรียญต่าง ๆ สูงขึ้นมากถ้าเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวล ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี กลัวว่าหากกระโดดเข้าไปตอนนี้ จะอยู่บนยอดดอยหรือไม่ รวมถึงเป็นตลาดที่เปิดให้เทรด 24 ชั่วโมง ความผันผวนรุนเเรงกว่าตลาดหุ้นเสียอีก เเต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่เข้าตลาด วันนี้พี่ทุยจึงมาแชร์ 4 วิธี “ลงทุนระยะยาวกับคริปโต” เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้เราสามารถอยู่รอดในตลาดคริปโตได้ในระยะยาว ดังนี้

1. การจัดพอร์ตนั้นสำคัญ การลงทุนต้องบริหารความเสี่ยง

แม้การลงทุนใน Cryptocurrency มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เเต่เราก็สามารถลงทุนและจัดการความเสี่ยงได้ไม่ต่างจากหุ้น, ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ ด้วยการจัดสรรสัดส่วนทรัพย์สินของเราให้เหมาะสม สินทรัพย์ไหนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินสดหรือตราสารหนี้ ก็ถือในสัดส่วนที่มากกว่าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหุ้นหรือคริปโต

โดยคนที่ไม่อยากจะเสี่ยงมากก็อาจจะจัดพอร์ตลงทุนให้สินทรัพย์ Cryptocurrency มีมูลค่าไม่เกิน 5% ของสินทรัพย์ที่ตัวเองมีทั้งหมดก็ได้ แบบนี้ในกรณีที่หากคริปโตมีมูลค่าเหลือศูนย์ เราก็ยังเหลือสินทรัพย์อีกถึง 95% ไม่ได้หมดตัวไปพร้อมกับเหรียญดิจิทัลของเรา

ในสินทรัพย์ 95% ที่เราไม่ได้ลงทุนในคริปโต พี่ทุยจะแบ่งความเสี่ยงเป็น 3 ระดับ วัดจากระดับความผันผวนของราคาสินทรัพย์แต่ละอย่าง

  • สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ เงินสดที่เราฝากเอาไว้ในธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล เเละสลากออมทรัพย์  โดยความเสี่ยงที่จะเจอก็มีแค่อัตราเงินเฟ้อปีละ 1-3% แค่นั้น แต่อย่าลืมว่าหลัง ๆ ผลตอบเเทนของสินทรัพย์กลุ่มนี้น้อยมาก ๆ แถมบางปีเเพ้เงินเฟ้อด้วยซ้ำ
  • สินทรัพย์ความเสี่ยงปานกลาง ได้แก่ ตราสารหนี้ต่าง ๆ หุ้นกู้ ทั้งนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้วย 
  • สินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ได้แก่ หุ้น (ตราสารทุน) และตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ ที่นอกจากจะมีความผันผวนสูงแล้ว ยังซับซ้อนและต้องศึกษาข้อมูลจำนวนมาก

พี่ทุยจะลองยกตัวอย่างการจัดพอร์ตสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นและมี “รับความเสี่ยงได้ต่ำ” ให้ดู จากข้างต้นเราอาจจะถือคริปโต มูลค่าไม่เกิน 5% ดังนั้น อีก 95% ที่เหลือเราสามารถลงในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่างหุ้นสัดส่วนประมาณ 20% แล้วอีก 75% ก็เลือกลงทุนทั้งที่เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงปานกลางอย่างเช่นพวกตราสารหนี้ รวมไปจนถึงสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาลหรือสลากออมทรัพย์ได้

[How to] 4 วิธี "ลงทุนระยะยาวกับคริปโต" มีอะไรบ้าง ?

แต่ถ้าใครรับความเสี่ยงได้สูงก็สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในคริปโต หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหุ้นได้เช่นกัน

2. เลือกลงทุนในเหรียญใหญ่ ๆ

ในโลกของคริปโตมีเหรียญให้เลือกเทรดเป็นหมื่นสกุล โดยที่มีทั้งเเบบเหรียญเล็ก ๆ ที่มาแล้วก็ไปในเวลาอันสั้น เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมจนมูลค่าเหลือ 0 ในที่สุด รวมถึงเหรียญบางตัวที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินโดยเฉพาะ

ด้วยสาเหตุนี้พี่ทุยแนะนำว่า หากใครที่ต้องการลงทุนคริปโตเเบบระยะยาว ควรเลือกเหรียญที่มี Market Cap. หรือมูลค่าตลาดสูงและได้รับความนิยมสูงทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เช่น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นเหรียญที่มี Market Cap. สูงที่สุดแล้วก็มีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปอีกในระยะยาวอีกด้วย เนื่องจากยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากบนโลกนี้ที่อาจก้าวเข้ามาลงทุนและช่วยเพิ่ม Demand ขึ้นใน Supply ที่มีค่อนข้างจำกัด

ส่วนใครที่เห็นราคาต่อเหรียญของ Bitcoin กับ ETH แล้วตกใจว่า ต้องใช้เงินหลักแสนหลักล้านบาทเพื่อที่จะซื้อ 1 เหรียญเลยเหรอ พี่ทุยก็ขอแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องซื้อขายแบบเต็ม ๆ เหรียญ แต่เหรียญอย่าง Bitcoin เราสามารถซื้อได้ต่ำที่สุดอยู่ที่ 0.00000001 BTC หรือแค่ประมาณ 0.02 บาทเท่านั้นเอง

นอกจากเราจะกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ รูปแบบแล้ว การลงทุน Cryptocurrency ก็ลงกระจายไปหลาย ๆ เหรียญได้เหมือนกัน โดยการลองลิสต์รายชื่อเหรียญใหญ่จัดอันดับ TOP 10 , TOP 20 แล้วก็เลือกเหรียญที่สนใจมาประมาณ 2-3 เหรียญก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงไปได้อีกขั้นหนึ่งเลย

3. “ลงทุนระยะยาวกับคริปโต” ในรูปแบบการออม

นักลงทุนส่วนใหญ่ทั้งในตลาดหุ้นและคริปโต มักเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้นที่เมื่อราคาสินทรัพย์ที่ถืออยู่มีราคาสูงขึ้นก็จะขายออกไปเพื่อทำกำไร ซึ่งจริง ๆ เเล้วตลาดคริปโต ก็สามารถสร้างผลกำไรได้เหมือนกันเมื่อถือระยะยาว โดยคนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่า Diamond Hands หรือพวกมือเพชรที่สามารถถือยาวได้โดยไม่ขายออกไปซะก่อน ซึ่งกลุ่มที่ถือระยะยาวมักจะใช้เทคนิค DCA การลงทุนในรูปเเบบการออม

เมื่อได้มีรายได้มาแต่ละเดือน เราสามารถแบ่งเงินส่วนหนึ่งในจำนวนที่เท่า ๆ กันทุกเดือนมาซื้อเหรียญสะสมในระยะยาวได้ วิธีการนี้เรียกว่า DCA (Dollar-Cost Averaging) ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะช่วยสะสมมูลค่าของเหรียญเราได้ทุกเดือน และยังช่วยฝึกวินัยในการเก็บเงินได้อีกด้วยโดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งเฝ้าดูราคาอันผันผวนของคริปโต ให้เสียการงานและเสียสุขภาพจิต

การออมแบบ DCA จะเป็นการเฉลี่ยซื้อทั้งในช่วงที่ถูกและแพงที่จะมาช่วยลดความยุ่งยากในการหาจังหวะซื้อไปได้ในคนที่ยังไม่ชำนาญในการจับสัญญาณซื้อหรืออ่านกราฟเทคนิค

4. ศึกษาอย่างต่อเนื่องและเข้าใจสิ่งที่กำลังลงทุนเป็นอย่างดี

แน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษารูปแบบลักษณะของสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ดีก่อนการลงทุน

สำหรับการลงทุนในคริปโต พี่ทุยแนะนำเลยว่า ก่อนลงทุนทุกคนควรศึกษาเกี่ยวกับระบบการทำงานของเหรียญต่าง ๆ จากใน Whitepaper ซึ่งเขียนโดยผู้พัฒนาเหรียญนั้นโดยตรง และศึกษาเกี่ยวกับ Tokenomics หรือกลไกการควบคุม Demand และ Supply ของแต่ละเหรียญเอาไว้ด้วย เพื่อให้เข้าใจว่าแต่ละเหรียญมีวิธีการควบคุมราคาอย่างไรบ้าง

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องศึกษา ? ซื้อเหรียญเลยไม่ได้หรอ ? พี่ทุยขออธิบายด้วยตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงให้ฟัง 

ในโลก Cryptocurrency มีกลโกงที่เรียกว่า Rug Pull หรือก็คือ การหลอกลวงเอาเงินจากนักลงทุน ด้วยการที่ผู้สร้างเหรียญล่อลวงให้นักลงทุนนำเงินมาลงทุนในเเพลตฟอร์มตนเอง (ซื้อเหรียญ) พอเหรียญมีมูลค่าตามที่ต้องการก็เทขายเหรียญทั้งหมดทันที ทำให้มูลค่าของเหรียญปรับตัวลงอย่างรุนเเรงกลายเป็นศูนย์ในไม่กี่วินาที โดยผู้สร้างก็ได้เงินจำนวนมากจากการเทขายเหรียญ

อย่างเช่นเหตุการณ์ของเหรียญ SQUID ซึ่งเป็นเหรียญที่ได้เเรงบันดาลใจจากซีรีส์ Squid Game (แต่เหรียญไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวซีรีส์นะ) โดยในวันที่ 1 พ.ย. 2564 ราคาปรับตัวลงจาก 628 ดอลลาร์ เหลือ 0.0008 ดอลลาร์เท่านั้นภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที

อ่านเพิ่ม

ดังนั้น การหลีกเลี่ยง Rug Pull ที่ทำได้เบื้องต้นคือ คือ เช็คประวัติของผู้สร้างเหรียญดู ถ้าเราหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวผู้สร้างไม่ได้เลย ก็มีความเสี่ยงที่เหรียญนั้นอาจจะเป็นการหลอกลวงก็ได้ อีกวิธีหนึ่งคือดูว่าเหรียญนั้น ๆ มีการโฆษณารับประกับผลตอบแทนเกินจริงหรือไม่ เช่น การันตีผลตอบแทน 1000% ต่อปี แบบนี้คงไม่ต้องทำงานกันแล้ว

สิ่งนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมพี่ทุยแนะนำให้ทุกคนจริงจังกับการศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเหรียญที่ลงทุนนั่นเอง

สำหรับความเสี่ยงอื่น ๆ ในการลงทุน Crptocurreny มีอะไรบ้าง พี่ทุยเคยรวบรวมให้แล้วที่นี่

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย