ธุรกิจ "Netflix" ในปี 2021

“Netflix” จะทำอะไร ? เมื่อมีเงินสดอิสระ 1,900 ล้านเหรียญฯ

3 min read  

ฉบับย่อ

  • Netflix ประกาศผลการดำเนินงานโตกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยอดผู้ใช้บริการทะลุ 200 ล้าน Subscribers และราคาหุ้นทำ All time high
  • ผลการดำเนินงานของ Netflix เติบโตและมีกระแสเงินสดอิสระบวก 3 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ Netflix เตรียมแผนนำเงินไปชำระหนี้บางส่วนและซื้อหุ้นคืน
  • ตลาดวีดีโอสตรีมมิ่ง มีความดุเดือด เพราะล่าสุด Disney+ กวาดยอดผู้ใช้บริการในปีแรกไปกว่า 87 ล้าน Subscribers

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

“Netflix” บริษัทวีดีโอสตรีมมิ่งระดับโลกได้ประกาศความสำเร็จก้าวใหญ่หลังตัวเลขผู้ใช้บริการ (Subscribers) โตกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ที่ผ่านมา แถมในรายงานยังโชว์งบกระแสเงินสดอิสระและกำไรที่สวย ทำให้อาจจะพิจารณาซื้อหุ้นคืน

บวกกับการประกาศรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ โจ ไบเดน ทำให้หุ้นเทคโนโลยีทั้งกระดานปรับตัวเพิ่มขึ้นกันเป็นแถบ รวมถึง Netflix เองเช่นกัน ทำให้ในวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Netflix ปรับตัวขึ้นมาทำ All Time High ที่ราคา 591.9 เหรียญสหรัฐ ขึ้นมากว่า 16.9%

ยอดผู้ใช้บริการ (Subscribers) ของ “Netflix” ในไตรมาส 4 ปี 2020 โตเกินคาด

โดยก่อนหน้านี้ยอดผู้ใช้บริการของเน็ตฟลิกซ์นั้นถูกคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการใหม่เพิ่มขึ้น 6.5 ล้าน Subscribers แต่ยอดที่เกิดขึ้นจริงกลับโตเกินคาด ขึ้นไปแตะที่ 8.51 ล้าน Subscribers เลยทีเดียว ถึงขั้นเน็ตฟลิกซ์ออกมากล่าวเองเลยว่า บริษัทสามารถสร้างเงินได้มากพอที่จะไม่ต้องใช้ทุนจากข้างนอกอีกต่อไปแล้ว และไม่จำเป็นต้องการกู้เงินเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ถ้านับจนถึงสิ้นปี 2020 ยอดผู้ใช้บริการ (Subscribers) ของเน็ตฟลิกซ์ทั่วโลกอยู่ที่ 203.7 ล้าน Subscribers โดยยอดจากสหรัฐอเมริกามีสูงถึง 73.9 ล้าน Subscribers และก็ยังมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตต่อไปอีกมาก

ผลการดำเนินงานปี 2020 ของเน็ตฟลิกซ์

รายได้ของเน็ตฟลิกซ์ในปี 2020 นั้นอยู่ที่ 6.64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6.626 พันล้านสหรัฐฯ เล็กน้อย) กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 1.19 เหรียญสหรัฐฯ โดยมีอัตราผลกำไรอยู่ที่ 18% เติบโตจากปี 2019 อยู่ 5% และเน็ตฟลิกซ์คาดว่าในปี 2021 จะมีอัตราผลกำไรอยู่ที่ 20%

กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) คืออะไร ?

กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) นั้นมาจากการนำกระแสเงินสดสุทธิหักลบค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (Capital Expenditure) ซึ่งหากมีค่าเป็นบวกนั้นหมายถึงบริษัทมีเงินเหลือจากการบริหารทั้งหมด และผู้บริหารสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้เพื่อชำระหนี้ของบริษัท จ่ายปันผลให้นักลงทุน หรือนำไปขยายธุรกิจต่อได้

ดังนั้นการที่ธุรกิจมี Free Cash Flow เป็นบวกและมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าธุรกิจนั้น ๆ กำลังไปได้สวยและมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปี 2021 เน็ตฟลิกซ์จะทำอะไรต่อไป ?

พี่ทุยขอพากลับมาเข้าเรื่องเน็ตฟลิกซ์กันต่อ จากงบกระแสเงินสดอิสระ 3 ไตรมาสแรกของปี 2020 ที่มีค่าเป็นบวกและมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งคาดว่าทั้งปี 2020 ที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์จะมีกระแสเงินสดอิสระสูงถึง 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหากเมื่อเทียบกับปี 2019 นั้น ติดลบอยู่ 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในเมื่อกระแสเงินสดอิสระเริ่มมีค่าเป็นบวกทำให้เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่าปี 2021 กระแสเงินสดที่เป็นบวกนี้จะทำให้เลยจุดคุ้มทุน ที่ขาดอีกเพียง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น เน็ตฟลิกซ์จึงแทบไม่ต้องการเงินทุนจากภายนอกอีกต่อไป 

ซึ่งในปัจจุบันเน็ตฟลิกซ์ยังมีเงินสดในมือสูงถึง 8.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงมีแผนที่จะนำเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้บางส่วน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางดอกเบี้ยให้ลดลง ซึ่งยอดหนี้ตั้งแต่ ปี 2011 นั้นมียอดสะสมถึง 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

อีกหนึ่งทางเลือกที่จะใช้เงินส่วนนี้ คือ การเอาไปลงทุนในโปรเจคการผลิตซีรีส์ต่อไป เนื่องจากในปี 2020 เองนั้นติดปัญหา Covid-19 ทำให้ Production การสร้างซีรีส์นั้นต้องชะลอตัวไป และถูกเลื่อนมาอยู่ในปี 2021

และหากเน็ตฟลิกซ์สามารถเลยจุดคุ้มทุนอย่างที่หวังไว้ได้ในปี 2021 ก็จะเริ่มวางแผนที่จะซื้อหุ้นคืน ทำให้เหล่านักลงทุนต่างคาดหวังว่าเน็ตฟลิกซ์จะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและราคาหุ้นอาจจะมีการดีดตัวขึ้น จากการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่นี้

แต่บังลังก์ของ “Netflix” ก็กำลังสั่นคลอน เพราะการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่

ถึงแม้จะมีแต่ข่าวดีสำหรับเน็ตฟลิกซ์แต่บัลลังก์อันดับ 1 วีดีโอสตรีมมิ่งเองก็กำลังสั่นคลอน เมื่อหลากหลายค่ายยักษ์ใหญ่กำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น Amazon Prime, Disney+, Apple TV+ และอีกหลากหลายค่ายที่จะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งอันหอมหวานนี้

โดยบริษัทคู่แข่งที่มาแรงในตอนนี้คงหนีไม่พ้น Disney+ ที่นอกจากจะเป็นค่ายยักษ์ใหญ่และมีจุดขายในแบรนด์ Disney อยู่แล้ว ยังมีค่ายการ์ตูนระดับโลกที่ครองใจคนทั่วโลกอย่าง Marvel อีกด้วย ซึ่งในปีแรกของ Disney+ นั้นก็เปิดตัวไปได้อย่างสวยงามกับยอดผู้ใช้บริการที่สูงถึง 87 ล้าน Subscribers ถือเป็นสถิติใหม่ของโลกเลยทีเดียวกับการเติบโตที่เร็วที่สุดแบบนี้ 

และสิ่งที่พี่ทุยประหลาดใจมากเลยก็คือ ค่าบริการรายเดือนของ Disney+ นั้นมีราคาที่สูงกว่าเน็ตฟลิกซ์เสียอีก จุดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าปัจจุบันคนยอมจ่ายเงินที่มากขึ้นเพื่อจะได้ดูคอนเทนต์ที่ต้องการ

พี่ทุยว่าในปี 2021 ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่การแข่งขันในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งนั้นดุเดือดเลือดพล่านกันเลยทีเดียว ซึ่งก็น่าติดตามกันต่อไปว่าในปีนี้ผลประกอบการของแต่ละเจ้าจะออกมาในรูปแบบไหน และแน่นอนว่าพี่ทุยก็จะมารายงานให้ทราบกันอย่างแน่นอน กดติดตาม Money Buffalo ในทุกช่องทางเอาไว้ได้เลย

แต่ที่แน่นอนที่สุด ผลจากการแข่งขันในครั้งนี้ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คงเป็นผู้บริโภคแบบเรา ๆ ที่มีตัวเลือกให้รับชมคอนเทนต์ที่หลากหลายอย่างแน่นอน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย