SCG Decor เดินหน้าปรับตัวเชิงรุก พร้อมมองหาโอกาสทางการค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ใช้จุดแข็งด้านประสิทธิภาพด้านการผลิต เเละต้นทุน
หลังจากช่วงประกาศงบผ่านไป อีกหนึ่งหุ้นที่เติบโตได้น่าสนใจเลยก็คือ SCGD ที่มาพร้อมกับกลยุทธ์ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าสินค้า เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
เรื่องสงครามการค้าก็ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากการส่งออกไป US ไม่ถึง 1% แต่ก็วางแผนปรับตัวให้แข่งขันได้ในตลาดโลก จากผลกระทบทางอ้อมที่อาจจะเกิดขึ้น
พี่ทุยสรุปภาพรวมที่น่าสนใจของ SCGD ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
หุ้นอีกตัวที่ประกาศงบออกมาแล้วน่าสนใจเลยก็คือ SCG Decor หรือหุ้น SCGD
ที่เราคุ้นเคยกัน จากผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ประกาศออกมามีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
- EBITDA อยู่ที่ 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +34% จากไตรมาสก่อน
- Net Profit อยู่ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +171%
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เติบโตข้างต้น เป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราส่วนการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น - EBITDA margin ขยับขึ้นเป็น 13.7%
- Profit margin ปรับตัวดีขึ้นเป็น 3.9%
พี่ทุยจะพาไปเจาะลึกกันต่อว่า อะไรคือกลยุทธ์และแนวทางที่ทำให้เอสซีจี เดคคอร์ เติบโตได้อย่างน่าสนใจ และพร้อมรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจในอนาคต
เรื่องแรกที่หลายคนอาจจะกังวลอยู่ก็คือ “สงครามการค้า” ที่กำลังเกิดความตึงเครียดมากขึ้นในช่วงนี้ ทางเอสซีจี เดคคอร์ได้รับผลกระทบขนาดไหนก็ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบทางตรง ค่อนข้างน้อยเลย เนื่องจากยอดส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง ไม่ถึง 1% ของยอดขายรวมทั้งหมด
แน่นอนว่า เอสซีจี เดคคอร์พร้อมปรับตัวเพราะแม้ผลกระทบทางตรงจะไม่ได้เยอะ แต่ผลกระทบทางอ้อมก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเศรษฐกิจทั้งภูมิภาคชะลอตัว กำลังซื้อลดลง แถมยังมีโอกาสถูกสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศไหลเข้ามาแข่งขัน นอกจากนี้ ช่วงหลัง ๆ ยังมีความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาพลังงาน เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ด้วยเหตุนี้ทางเอสซีจี เดคคอร์ได้เตรียมแผนรับมือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้แล้ว ด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ
1. มุ่งหน้าสู่ Cost Leadership Focus และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
เร่งเพิ่มสัดส่วนใช้ พลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่า และเป็นมิตรต่อสิงแวดล้อม เพื่อลดความผันผวนของต้นทุนพลังงาน เร่งพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม และสินค้าที่มีความคุ้มค่าต่อผู้บริโภค
พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และลดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน โดยในปีนี้คาดว่าจะได้ Saving ได้ประมาณ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นระดับโลกได้
2. ขยายการส่งออกจากเวียดนาม
ใช้ฐานการผลิตในเวียดนาม ซึ่งมีต้นทุนการผลิตใกล้เคียงผู้เล่นระดับโลก เป็นหัวหอกในการขยายตลาดใหม่ ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ที่บริษัทมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายพร้อมอยู่แล้ว
3. เสริมพอร์ตด้วยสินค้าคุณภาพคัดพิเศษ
อาศัยความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่ง ทำให้ SCGD สามารถคัดเลือกสินค้าที่ดีในราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองลูกค้าและเพิ่มกำไร
4. มองหาความร่วมมือและโอกาสใหม่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
เปิดรับการ Merger and Partnership และความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว
จากที่เอสซีจี เดคคอร์ มองเห็นปัญหา พร้อมหากลยุทธ์รองรับความผันผวนที่กำลังจะเกิดขึ้นอนาคต มีการเดินหน้าปรับตัวเชิงรุก พร้อมมองหาโอกาสทางการค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านประสิทธิภาพ ต้นทุน เพื่อให้แข่งขันได้ในระดับโลก
พี่ทุยว่าเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าติดตามเลย ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป About US
การคัดเลือกหุ้นแกร่งเข้าพอร์ต
หลักในการหาหุ้นที่ดี คือ การหาหุ้นที่แกร่งและมีราคาเหมาะสม พี่ทุยมีขั้นตอนนึงในคัดกรองหุ้นแกร่งก่อนจะหยิบเข้าพอร์ตมาให้ คือ การใช้หลักการ CANSLIM ซึ่งมีด้วยกัน 7 ขั้นตอน ดังนี้
- C – Current Earnings
- A – Annual Earning
- N – New Products
- S – Supply & Demand
- L – Leader or Laggard
- I – Institutional Sponsorship
- M – Market Direction
แต่ละอันมีรายละเอียดอย่างไร คลิก
อ่านบทความเพิ่มเติม :
ส่อง IPO “หุ้น SCGC” หรือ ‘เอสซีจี เคมิคอลส์’ บริษัทลูกของ ‘ปูนซิเมนต์ไทย’ น่าลงทุนหรือไม่?
