จากกระแสและผลตอบรับที่ดีเพิ่มการใช้จ่ายและเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจทำให้มีการเพิ่ม “ชิมช้อปใช้เฟส 3” เพิ่มขึ้นมา เพื่อเก็บตกประชาชนที่ลงทะเบียนไม่ทัน หรือพลาดสิทธิไป โดยจะเพิ่มสิทธิให้อีก 2 ล้านคน และกันสิทธิเฉพาะให้กับผู้สูงอายุ 500,000 สิทธิ
“ชิมช้อปใช้เฟส 3” เริ่มเมื่อไหร่
“ชิมช้อปใช้เฟส 3” นี้จะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มแบ่งลงทะเบียนเป็น 2 รอบ ได้แก่
รอบเช้า 6:00 น. และรอบเย็น 18:00 น. โดยแต่ละรอบนั้นจะจำกัดผู้ลงทะเบียนไว้ที่รอบละ 375,000 คน ต่อรอบ เพื่อกระจายกลุ่มการลงทะเบียนให้ทั่วถึง เผื่อใครไม่สะดวกตื่นเช้าก็สามารถมารอลงทะเบียนช่วงเย็นได้
โดยสิทธิ “ชิมช้อปใช้เฟส 3” เป็นสิทธิต่อเนื่องเหมือนเฟสก่อนหน้าดังนั้นผู้ที่เคยลงทะเบียนไปแล้วไม่สามารถรับสิทธิซ้ำได้
สำหรับผู้สูงอายุจะมีการกันสิทธิพิเศษไว้ให้เผื่อลงทะเบียนไม่ทัน โดยจะมีการกันสิทธิไว้ให้ 500,000 คน (จาก 2 ล้านสิทธิในรอบนี้) โดยสามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562
“ชิมช้อปใช้เฟส 3” ได้อะไรบ้าง
ในเฟส 3 นี้ จะไม่มีการแจกเงินจากกระเป๋าแรก หรือเงิน 1,000 บาท อีกแล้ว แต่จะให้สิทธิจากกระเป๋าที่ 2 เหมือนกับเฟสก่อนหน้าคือ จะได้รับเงินคืน 15% จากการใช้จ่ายกระเป๋าที่ 2 ไม่เกิน 30,000 บาท และเงินคืน 20% จากการใช้จ่ายกระเป๋าที่ 2 ที่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 50,000 บาท รวมแล้วจะได้รับเงินคืนได้มากสุดอยู่ที่ 8,500 บาท
และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในเฟส 3 นี้คือ ค่าใช้จ่ายแพ็คเกจท่องเที่ยว ที่พัก ค่าเดินทาง ตั๋วเครื่องบินในประเทศ และภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง จากเดิมที่มาตราการ ชิมช้อปใช้ไม่เปิดให้นำค่าใช้จ่ายเหล่านี้มารวม และยังขยายเวลาใช้สิทธิที่จากเดิมจะสิ้นสุดในช่วงเดือนธันวาคม 2562 จะขยายเวลาเป็น 31 มกราคม 2563 แทน โดยทั้ง 2 สิทธิที่เพิ่มขึ้นมานี้ผู้ที่ลงทะเบียนใน ชิมช้อปใช้ เฟส 1 และเฟส 2 ก็ได้รับสิทธิเหล่านี้เพิ่มไปด้วย
ตัวอย่างการใช้สิทธิรับเงินคืน Cash Back
ในด้านของสิทธิเงินคืนหรือ Cashback นั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่วงด้วยกัน โดยช่วงแรกตั้งแต่บาทแรกจนถึง 30,000 บาท จะได้เงินคืน 15% จากยอดที่ใช้ไป ดังนั้นตัวอย่างที่ 1 ใช้ไป 10,000 บาท จึงได้เงินคืน 15% จากยอด 10,000 บาท หรือ 1,500 บาทนั่นเอง
ในส่วนที่ 2 คือยอดที่เกินจาก 30,000 บาท จนถึง 50,000 บาทจะได้เงินคืน 20% ดังนั้นถ้าใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทก็จะไม่ได้สิทธินี้ แต่ถ้าใช้เกินก็จะคิดเฉพาะส่วนที่เกิน 30,000 บาทขึ้นมา อย่างตัวอย่างที่ 3 ถ้าใช้ไป 40,000 บาท ในส่วน 30,000 บาทแรก จะคิด 15% ได้เงินคืน 4,500 บาท ส่วนที่เกินมาอีก 10,000 บาทจะนำไปคิดเงินคืน 20% ได้คืนมาอีก 2,000 บาท แต่หากใช้เกิน 50,000 บาทขึ้นไปจะไม่ได้สิทธิส่วนที่เกิน 50,000 บาท แต่ยังได้รับสิทธิในยอด 50,000 แรกอยู่ ดังนั้นผู้ที่ใช้จ่ายกระเป๋า 2 ยอด 50,000 บาท กับ ยอด 70,000 บาทจึงได้เงินคืนเท่ากัน
การรับเงินคืนจากกระเป๋าที่ 2 (Cash Back)
ในส่วนของการรับเงินคืนนั้นจะมีการแบ่งจ่ายเงินคืนออกเป็น 2 รอบ โดยรอบแรกนั้นจะถูกคำนวณจากการใช้จ่ายของยอดวันที่ 27 กันยายน 2562 จนถึง 30 พฤศจิกายน 2562 โดยยอดนี้จะได้รับเงินคืนในช่วงกลางเดือน ธันวาคม 2562 นี้
ในส่วนของรอบที่ 2 นั้น จะเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2562 จนไปถึง 31 ธันวาคม 2562 จะได้รับเงินคืนในช่วงกลางเดือนมกราคม 2563 ส่วนค่าใช้จ่ายในเดือนมกราคม 2563 ที่ได้เพิ่มเข้ามาจจากการปรับเปลี่ยนหลังมีมาตราการชิมช้อปใช้ 3 นั้น ยังไม่มีประกาศชัดเจนจากทางกรุงไทยแต่คาดว่าจะได้รับในกลางเดือนของเดือนถัดไปหรือกุมภาพันธ์ 2563
ผลลัพธ์การใช้จ่ายจากมาตราการ ชิมช้อปใช้
จากข้อมูลการใช้จ่าย ชิมช้อปใช้ ได้มียอดการใช้จ่ายรวมทะลุ 10,000 ล้านบาทไปแล้ว ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 โดยมียอดจากกระทรวงการคลังในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 อยู่ที่
ยอดเงินรวม 10,667.3 ล้านบาท
ร้านชิม 1,460.1 ล้านบาท
ร้านช้อป 6,171.7 ล้านบาท
ร้านใช้ 141.7 ล้านบาท
ร้านค้าทั่วไป 2,893.8 ล้านบาท
Comment