ลาออก

ลาออกทั้งที ต้องทำอะไรบ้าง? 5 สิ่งสำคัญที่ชาวออฟฟิศห้ามพลาด!

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • เตรียมเงินและสิทธิประโยชน์: เก็บเงินสำรอง 6 – 12 เดือน แจ้งขอเงินชดเชยว่างงานจากประกันสังคม (ลาออกเองได้ 30% สูงสุด 4,500 บาท ถูกเลิกจ้างได้ 60% สูงสุด 9,000 บาท)
  • จัดการกองทุนและเงินประกัน: ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับ PVD (เก็บไว้เดิม ย้ายไปที่ใหม่ ย้ายไป RMF หรือถอน) และขอเงินประกันการทำงานคืนภายใน 7 วัน (ถ้ามี)
  • เอกสารสำคัญที่ต้องได้: ใบรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน เอกสารโบนัส และใบทวิ. 50 สำหรับยื่นภาษี เก็บไว้เป็นหลักฐานให้ครบถ้วน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ตัดสินใจ ลาออก แล้วใช่มั้ย? แต่มือใหม่เพิ่งทำงาน ไม่รู้ว่าต้องดูอะไรบ้างก่อนจะลาออกซะที พี่ทุยเลยรวม 5 สิ่งสำคัญที่ต้องทำหลังลาออกมาให้แล้ว อ่านจบรับรองไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่ควรได้แน่นอน มาดูกันเลย!

 

1. เก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้พร้อมก่อน ลาออก

สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนลาออกคือเตรียมเงินสำรองให้พร้อมฮะ แนะนำให้มีเงินเผื่อ 6 – 12 เดือน เทียบกับรายจ่ายต่อเดือนของเรา เพื่อใช้ในช่วงที่ยังหางานใหม่ไม่เจอ หรือกำลังเปลี่ยนสายงาน จะได้ไม่ต้องเม้งแตกเครียดเรื่องเงิน

 

ยกตัวอย่างนะ ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท ก็ควรเก็บเงินสำรองไว้อย่างน้อย 90,000 – 180,000 บาท เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายระหว่างหางาน แบบนี้จะได้ไม่ต้องกังวลมาก

 

2. แจ้งขอเงินชดเชยว่างงานจากประกันสังคม

ถ้าเราจ่ายประกันสังคมมามากกว่า 6 เดือน พอว่างงานแล้ว อย่าลืมไปแจ้งขอรับเงินชดเชยว่างงานนะฮะ โดยเงินชดเชยที่ได้รับจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี:

 

กรณีที่ 1: ลาออกเอง

  • ได้รับ 30% ของเงินเดือนเฉลี่ย
  • สูงสุดไม่เกิน 4,500 บาท

กรณีที่ 2: ถูกเลิกจ้าง

  • ได้รับ 60% ของเงินเดือนเฉลี่ย
  • สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท

เงินก้อนนี้ช่วยพยุงค่าใช้จ่ายในช่วงที่ว่างงานได้ดีเลย อย่าลืมไปขอนะ!

 

3. จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ถ้ามี)

ถ้าบริษัทเก่ามี PVD (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเงินก้อนนี้ดี มีให้เลือก 4 ทางเลยนะ:

 

ทางเลือกที่ 1: เก็บไว้เดิม

ถ้ายังไม่เกษียณ แล้วยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินในกองทุนโยกไปไหนดี ก็ทิ้งไว้ที่เก่าก่อนได้ แต่ต้องระวังเรื่องการเสียค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับการเก็บเงินไว้ที่เดิมด้วยนะ

 

ทางเลือกที่ 2: ย้ายกองทุนไปที่ใหม่หลัง ลาออก

เป็นวิธีที่คนนิยมทำกันมากที่สุดเลย ถ้าบริษัทใหม่มี PVD ก็ย้ายได้เลย สะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมเพิ่ม

 

ทางเลือกที่ 3: ย้ายไป RMF for PVD

สำหรับคนที่บริษัทใหม่ไม่มี PVD ก็ย้ายมาลงกองทุนนี้โดยเฉพาะได้เลย เหมาะกับคนที่ยังวางแผนเกษียณอยู่ แถมยังอยากลดภาษีไปในตัวด้วย

 

ทางเลือกที่ 4: ถอนออกทั้งหมด

ถอนได้นะ แต่พี่ทุยไม่แนะนำเลย เพราะต้องระวังเรื่องโดนเรียกภาษีย้อนหลัง ถ้ายิ่งสมทบและยื่นภาษีไปหลายปี มีโอกาสที่จะโดนเรียกภาษีคืนสูงมาก เสียดายเงินที่เก็บมานานเลยฮะ

 

4. ขอเงินประกันการทำงานคืนหลัง ลาออก ภายใน 7 วัน (เฉพาะบางตำแหน่ง)

บางบริษัทอาจจะเก็บเงินประกันการทำงานไว้ เช่น เงินประกันความเสียหาย หลังจากลาออกมาแล้ว นายจ้างต้องคืนเงินประกันนี้ให้ลูกจ้างภายใน 7 วัน หลังสิ้นสุดการทำงานนะ

 

ตามกฎหมายแล้ว (พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 10) ไม่ให้เรียกเก็บเงินประกันด้วยซ้ำ ยกเว้นตำแหน่งเฉพาะบางอย่างที่กำหนดไว้ เช่น:

  • คนที่ทำตำแหน่งงานบัญชี
  • พนักงานเก็บหรือจ่ายเงิน
  • คนดูแลสถานที่หรือทรัพย์สิน

แต่ก็ไม่ทุกที่จะเก็บเงินประกันนะ ถ้าเก็บไว้ต้องไปขอคืนให้ได้ อย่าลืม!

 

5. เอกสารสำคัญ 2 ฉบับที่ต้องได้จากนายจ้าง

เอกสารที่ 1: ใบรับรองการทำงาน

หรือที่เรียกกันว่าใบผ่านงานนั่นแหละ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเราเคยทำงานที่นี่มาก่อน กรณีที่บริษัทใหม่ขอเรียกดู เอกสารนี้สำคัญมาก ๆ เลยนะ

เอกสารที่ 2: สลิปเงินเดือนและเอกสารด้านการเงินอื่น ๆ ที่จะต้องออกให้ก่อน ลาออก

เอกสารที่เราต้องได้หลังลาออกแล้ว ประกอบด้วย:

  • สลิปเงินเดือน
  • เอกสารได้โบนัส
  • เอกสารเบิกอื่น ๆ
  • ใบทวิ. 50 สำหรับให้เราไปยื่นภาษี

เอกสารพวกนี้ต้องเช็กให้ชัดเจนว่าได้รับครบถ้วนหรือยัง เอาไว้เป็นหลักฐานเผื่อบริษัทตุกติกฮะ

 

การจะลาออกทั้งทีไม่ใช่แค่ยื่นใบแล้วออกได้เลยนะ (ถึงในความจริงมันจะทำได้ไม่ผิดกฎหมายก็เหอะ) แต่ก็ยังมีเรื่องเงินในหลาย ๆ อย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนออก ทั้งเรื่องเงินที่ควรได้คืน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และการวางแผนการเงินระหว่างที่ยังไม่มีรายได้ใหม่ ถ้าจัดการทุกอย่างให้ดี ก็จะเปลี่ยนงานได้อย่างสบายใจ!

 

ที่มา:
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
ประกันสังคม

 

ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ facebook 

เกษียณอายุ 45 ต้องลาออกงานประจำ “วิกฤติชีวิต” หรือ “อิสระที่แท้จริง”?

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile