คงคุ้นหูใครหลายคนแล้วสำหรับคำว่า Index Fund (กองทุนดัชนี) แต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังมีข้อสงสัยว่าแล้ว กองทุนดัชนี ต่างจาก ETF ยังไง ใช้ลงทุนในสินทรัพย์อะไรได้บ้าง แล้วลงทุน กองทุนดัชนี ดีมั้ย? บทความนี้พี่ทุยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ กองทุนดัชนี กันหน่อย บอกเลยว่าถ้าได้ลองรู้จักแล้ว มีประโยชน์กับการลงทุนมากๆ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
Index Fund คืออะไร
Index Fund หรือกองทุนดัชนี คือ กองทุนประเภทหนึ่งที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรับ (Passive) เน้นบริหารให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active) ที่เน้นบริหารให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหรือดัชนีอ้างอิง
กองทุนดัชนีจะกระจายลงทุนในสินทรัพย์ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดตามสัดส่วนในดัชนีที่อ้างอิง เช่น กองทุนดัชนี ที่อ้างอิงดัชนี SET50 กองทุนก็จะลงทุนหุ้นไทยให้ใกล้เคียงดัชนี SET50 เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนี SET50 มากที่สุด
หมายความว่า ถ้าดัชนี SET50 ขึ้น 1% ผลตอบแทนของกองทุนดัชนีนี้ ก็จะขึ้นประมาณ 1% หรือถ้าดัชนี SET50 ลง 1% ผลตอบแทนของกองทุนดัชนีนี้ก็จะลงประมาณ 1%
Index Fund มีกี่แบบ
กองทุนดัชนีที่เปิดให้นักลงทุนเลือกซื้อในตลาดมี 2 แบบ คือ
- กองทุนรวมดัชนี
กองทุนรวมดัชนี ก็คือกองทุนรวมที่มีสัดส่วนสินทรัพย์ใกล้เคียงดัชนีอ้างอิง นักลงทุนต้องซื้อขายผ่าน บลจ. โดยซื้อขายได้ตามเวลาที่ บลจ. กำหนด และจะได้ราคาตอนสิ้นวันหลังจากตลาดที่ดัชนีอ้างอิงอยู่ปิดแล้ว
- ETF (Exchange Traded Fund)
ETF เป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเหมือนหุ้นตัวหนึ่ง นักลงทุนสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ได้แบบ Real-Time ทุกเวลาที่ตลาดหุ้นเปิดทำการ ทำให้รับรู้ราคาตามระดับดัชนีอ้างอิง ณ ตอนนั้น ไม่ต้องรอได้ราคาตอนสิ้นวันทำการเหมือนกองทุนรวมดัชนี
การรับรู้ราคาแบบ Real-Time ของ ETF ทำให้นักลงทุนได้ประโยชน์มากขึ้นในแง่การจับจังหวะทำกำไร ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้น 1% ในช่วงเที่ยงวัน แล้วย่อตัวมาปิดตลาดที่ 0.5% ถ้านักลงทุน ETF ขายตอนเที่ยงวันก็จะได้ราคาที่ปรับตัวขึ้น 1% ส่วนนักลงทุนที่ขายกองทุนรวมดัชนีตอนเที่ยงวันเหมือกัน จะไม่ได้ราคาตอนเที่ยงวัน แต่จะได้ราคาตอนตลาดปิดแล้วที่ 0.5%
กองทุนดัชนีครอบคลุมสินทรัพย์อะไรบ้าง?
กองทุนดัชนีได้รับความนิยมแพร่หลายมาก เพราะเปิดช่องให้นักลงทุนเลือกลงทุนในดัชนีได้ทุกสินทรัพย์ที่มีซื้อขายบนโลก
ที่ใกล้ตัวหน่อยมีหลาย บลจ. ที่เปิดตัวกองทุนรวมดัชนีทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศ ซึ่งกองทุนรวมดัชนีหุ้นต่างประเทศก็จะไปลงทุนผ่าน ETF ที่ซื้อขายในตลาดหุ้น ต่างประเทศอีกที
และยังมีกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ กองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงราคาสินค้าเกษตรกรรมทั่วโลก และกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
ถ้าขยับไปดูที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเห็นว่า ETF ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากจะมี ETF ที่อ้างอิงดัชนีตลาดหุ้นแล้ว ยังมี ETF ที่อ้างอิงดัชนีหุ้นหลายแบบ เช่น ETF อ้างอิงดัชนีหุ้นขนาดกลางและเล็กของแต่ละประเทศ, ETF อ้างอิงดัชนีอุตสาหกรรมหุ้น, ETF อ้างอิงดัชนีตราสารหนี้หลากหลายรูปแบบและช่วงอายุ และยังมี ETF ที่อ้างอิงดัชนี REITs ด้วย
ถ้าวิเคราะห์แล้วว่าราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น ก็ไม่ต้องไปซื้อสินค้าเกษตรมาเก็บเอง แค่ลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีหรือ ETF ก็มีโอกาสทำกำไรได้เหมือนกัน
ข้อควรระวังเกี่ยวกับกองทุนดัชนี
- กองทุนดัชนีไม่จำเป็นต้องทำผลตอบแทนเท่ากันทุกกองทุน
แม้กองทุนดัชนีจะมีดัชนีอ้างอิงเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องทำผลตอบแทนเท่ากัน เพราะกองทุนอาจมีการจัดน้ำหนักแต่ละสินทรัพย์ต่างกันบ้าง และอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่าง คือ ค่าธรรมเนียมการบริหารที่ต่างกัน
- ลงทุนกองทุนดัชนียังมีความเสี่ยงจากการขาดทุนอยู่
แม้กองทุนดัชนีจะกระจายการลงทุนหลายบริษัทหรือสินทรัพย์ ช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะตัวจากการลงทุนเพียงบริษัทหรือสินทรัพย์เดียว แต่ถ้าดัชนีที่อ้างอิงร่วง ราคากองทุนดัชนีก็ร่วงตามเหมือนกัน
แล้วลงทุนผ่านกองทุนดัชนีดีมั้ย?
กองทุนดัชนีถูกสร้างเพื่อให้นักลงทุนกระจายลงทุนหุ้นหรือสินทรัพย์หลายตัว เหมาะกับใครที่อยากกระจายซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์หลายตัวแบบไม่เสียเวลาและต้นทุนต่ำ รวมถึงไม่มีเวลาศึกษาหุ้นหรือสินทรัพย์เพียงตัวเดียว
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่อยากลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศ เช่น หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ต่างประเทศ รวมถึงสินทรัพย์ถือครองยาก เช่น น้ำมัน สินค้าเกษตร
ที่ผ่านมาผลงานกองทุน Active ทำได้ไม่ค่อยดี ไม่ชนะดัชนีอ้างอิง ส่งให้นักลงทุนต่างให้ความสนใจกองทุน Passive จนสิ้นปี 2023 มูลค่าสินทรัพย์รวมทั่วโลกที่อยู่ในกองทุน Passive ขึ้นมาที่ 13.29 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้ากองทุน Active ซึ่งมีอยู่ 13.23 ล้านล้านดอลลาร์
อ่านเพิ่ม