“คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้”
คงเป็นประโยคที่ได้ยินกันบ่อยจนเบื่อ แต่หากเราสังเกตดูชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคน คงจะเถียงไม่ได้ว่าคำพูดนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะพวกเค้าหลายคนไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดหรือต่อยอดธุรกิจจากรุ่นพ่อรุ่นแม่จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ทำทุกอย่างขึ้นมาด้วยสมองและสองมือของตัวเองโดยที่เริ่มต้นจากศูนย์เลย เพราะงั้นถ้าใครที่ยังร้องไห้โทษโชคชะตาอยู่ เลิกโวยวายได้แล้ว
ในเมื่อโชคชะตาไม่ได้เขียนให้เราเกิดมารวย เราก็ลิขิตขึ้นมาซะเองเลยสิ! เหมือนอย่าง “คุณพันธ์รบ กำลา” เจ้าของร้านแฟรนไชส์บะหมี่เกี๊ยวเจ้าดังที่เราเห็นกันอยู่ทั่วทุกมุมถนนซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ พี่ทุยเลยจะเอามาเล่าให้ฟังในบทความนี้
ก่อนจะมาเป็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจครอบครัวที่กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจมหาชนภายในปี 2564 อย่างทุกวันนี้ เส้นทางชีวิตของคุณพันธ์รบ กำลาไม่ได้สวยหรูนัก เริ่มจากตอนอายุ 12 เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยวุฒิการศึกษา ป.4 โดยเริ่มงานแรกที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูและมีโอกาสได้เรียน กศน. เพิ่มจนจบ ม.3 แต่สิ่งที่ทำให้คุณพันธ์รบประสบความสําเร็จโดยไม่แคร์ใบปริญญา คือการที่เขาสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนกันตอนมอปลายได้ ซึ่งก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากมายนั่นเอง
ทรัพยากรบุคคลที่ทำให้คุณพันธ์รบเปลี่ยนรถเข็นขายบะหมี่คันเดียวให้เป็นธุรกิจแฟรนไชส์มากกว่า 4,300 สาขาได้ ก็อย่างเช่น
1. ขยันอดออมและมีหัวทางธุรกิจ
หลังจากทำงานที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูได้สักพัก เขาก็จับได้ใบแดงจึงต้องไปเป็นทหาร 2 ปี ระหว่างที่เป็นทหาร คุณพันธ์รบก็ประหยัดอดออม ใช้แต่สิ่งที่สวัสดิการให้มาเท่านั้นจนมีเงินเก็บหลายหมื่นบาท ซึ่งถือว่าเยอะน่าดูในปี 2527 พอหลายคนรู้เข้า ก็มาขอยืมเงิน เขาจึงปล่อยกู้เพื่อนทหาร โดยให้ยืม 80 บาทและมีเงื่อนไขว่าต้องคืนให้ครบ 100 บาทใน 10 วัน คุณพันธ์รบได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “วิญญาณความเป็นนักธุรกิจของผมเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ”
2. รู้จักวางแผน
หลังจากเกณฑ์ทหารเสร็จ คุณพันธ์รบก็ออกมาเป็นคนขายไอติมและสร้างยอดขายให้บริษัทสูงสุด โดยเคล็ดลับของเขาอยู่ที่การวางแผนเพิ่มยอดขาย เช่น จะเน้นเข้าซอยที่มีเด็กเยอะ โดยเข้าไปก่อนในตอนแรกแล้วค่อยวกกลับมาที่เดิม แต่คราวนี้จะอยู่แช่นานหน่อย โดยเลือกเข้ามาก่อนในตอนแรกให้เด็กเห็นแล้วไปขอเงินจากพ่อแม่ เมื่อเข้ามารอบหลังเด็กก็เด็กมีเงินพร้อมที่จะซื้อแล้ว ถ้าพ่อแม่ของเด็กไม่ยอมให้เงินมาซื้ิอไอติม เขาก็จะออกอุบายว่ารถเสีย สุดท้ายก็จะปิดการขายได้เอง
3. ระบุกลุ่มเป้าหมายและเจาะกลุ่มได้ตรงจุด
อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก ซึ่งคุณพันธ์รบจะใช้วิธีเข้ามาปิดการขายอีกรอบ ส่วนอีกกลุ่มเป้าหมายซึ่งคือคนหนุ่มสาว เขาจะขับรถไอติมไปที่เวทีที่เป็นสถานที่จัดงาน เช่น คอนเสิร์ตและบางทีก็แกล้งทำเป็นรถเสีย คนหนุ่มสาวก็จะมาช่วยซื้อ รถไอติมจะได้ไปที่อื่น พี่ทุยไม่ได้บอกว่าวิธีอย่างนี้ดีนะจ๊ะ แต่เอามาเล่าเบื้องหลังความสำเร็จให้เห็นถึงว่า เขาคนนี้เป็นคนช่างคิด ช่างวางแผนยังไงเท่านั้นเอง ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถปิดการขายและเป็นที่รักของลูกค้าไปได้พร้อมๆ กันนะ
4. “Devil is in the detail” หรือปีศาจมีอยู่ในทุกรายละเอียด
ข้อนี้เป็นสิ่งที่พี่ทุยเห็นในตัวนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคนเลยนะ เมื่อเริ่มแรกที่ทำร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยว คุณพันธ์รบไม่ปลื้มเส้นบะหมี่เหลืองที่รับมาขายเท่าไหร่นัก เพราะบางครั้งก็ไม่เหลือง ไม่เหนียวนุ่มแถมยังขาด จึงตัดสินใจควักเงินซื้อเครื่องทำเส้นบะหมี่และจ้างคนมาสอนผลิตเส้นบะหมี่เอง แต่ก็คว้าน้ำเหลว จนสุดท้ายก็เริ่มศึกษา ทดลองทำ เก็บข้อมูลจากลูกค้าและนำมาปรับปรุงเอง จนได้เส้นเหนียวนุ่มอย่างทุกวันนี้ ดูสิ คนจะปัง แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในงาน อย่างเช่น เส้นบะหมี่ เขาก็ยังให้ความสำคัญเลย…
5. ยังไม่เก่งเหรอ ? หมกมุ่นสิ
ความใส่ใจในทุกรายละเอียดและความทุ่มเท คือ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เขาประสบความสําเร็จ ความทุ่มเทมากๆ จนเรียกได้ว่าหลงไหล พูดเป็นภาษาเราๆ ได้ว่า “การมีแพสชั่น” แพสชั่นในบะหมี่เกี๊ยวของคุณพันธ์รบ ทำให้ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวอยู่มานานตั้งแต่ปี 2535 แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปี คุณพันธ์รบก็ยังคงยึดมั่น ไม่หมดแพสชั่นเลย
6. ใฝ่รู้
คุณพันธ์รบมักจะพยายามอ่านหนังสือให้ได้เล่มนึงเสมอ เมื่อต้องเดินทางไปทำธุรกิจ
นอกจาก “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” แล้ว คุณพันธ์รบยังวางแผนขยายธุรกิจหลายอย่าง ทั้งการเปิดร้าน “ชายสี่แฟคตอรี่ (Chysee Factory)” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับรวมถึงตลาดบน และเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ CLMV ซึ่งในขณะนี้มีสาขาที่ สปป. ลาวแล้วกว่า 70 สาขา นอกจากนี้ยังขยายไปทำธุรกิจอื่นๆ ด้วย เช่น ฟู๊ดทรัก (Food Truck) แบรนด์ “Easy meal” ที่จะเน้นไปให้บริการตามบริเวณที่จัดงานอีเวนท์ต่างๆ และชานมไข่มุก
อ่านบทความนี้จบแล้ว อย่ารอช้านะจ๊ะ หยิบปากกาในจินตนาการแล้วมาวาดเส้นทางชีวิตของเราเองกันเถอะ ที่สำคัญวางแผนแล้วต้องลงมือทำด้วยนะ แผนการ + ไม่ลงมือ = ความฝัน แต่เเผนการ + การลงมือทำ = สำเร็จนะเออ
Comment