การใช้อัตราส่วนทางการเงินมาวิเคราะห์งบการเงินค่อนข้างเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน วันนี้พี่ทุยขอนำเสนอ อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน หรือ Current Ratio ที่สามารถบอกความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นว่าเป็นอย่างไร แล้ว Current Ratio คืออะไร มีข้อควรระวังอย่างไร
Current Ratio คืออะไร ?
“Current Ratio” เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง “สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset)” เทียบกับ “หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities)”
“Current Ratio” หรืออัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน เป็นอัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นว่าเป็นอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Current Ratio ควรมีค่ามากกว่า 1 ขึ้นไป เนื่องจากหากเกิดกรณีที่บริษัทขาดสภาพคล่องขึ้นมาในระยะสั้น บริษัทนี้ยังสามารถนำสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset) ไปขายหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วเพื่อนำมาจัดการหนี้สินระยะสั้นได้ทันท่วงทีและไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม แต่หาก Current Ratio นั้นมีค่าน้อยกว่า 1 แสดงว่าบริษัทมีความเสี่ยงที่จะขาดสภาพคล่องในระยะสั้น
ข้อควรระวังโดยทั่วไปของสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Ratio) ประกอบไปด้วย
- เงินสด (Cash)
- ลูกหนี้การค้า (Account Receivable)
- สินค้าคงคลัง (Inventory)
- รายการลงทุนระยะสั้นต่ำกว่า 1 ปี เช่น เงินฝาก ตั๋วรับเงิน (Short-Term Investment)
- รายได้ค้างรับและค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า (Accrued Revenue & Prepaid Expenses)
“สินค้าคงคลัง (Inventory)” ถือว่าเป็นรายการหลักที่มีมูลค่าในสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset) สูงที่สุด ซึ่งแปลว่าการที่ Current Ratio สูงอาจจะมาจากสินค้าคงคลังที่เยอะ ซึ่งอาจจะมีทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา รวมถึงในกรณีที่อยากเปลี่ยนเป็นเงินสดอาจจะทำไม่ได้โดยทันที เพราะอาจจะมีเรื่องการตกรุ่นของสินค้าประกอบด้วย
ดังนั้นหากจะใช้ Current Ratio การวิเคราะห์จำเป็นต้องดูอัตราส่วนทางการเงินอื่น ๆ ประกอบด้วยทุกครั้ง เช่น Quick Ratio ซึ่งเป็นการตัดรายการสินค้าคงคลังออกจากการวิเคราะห์เพื่อให้เห็นสภาพคล่องที่แท้จริงของบริษัท
ติดตามคำศัพท์การเงินอื่น ๆ ได้ที่นี่
Comment