ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเจอมรสุมครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการชะลอตัวทั่วโลก แต่หลังจากพายุลูกใหญ่ ก็มีหลากหลายบริษัทที่ปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน และ พร้อมเติบโตได้ดี หนึ่งในบริษัทนั้นก็คือ บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ หรือหุ้น SCGD แล้ว SCGD แข็งแกร่งขึ้น ขนาดไหน ? มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งเสริมให้เติบโตได้ดี พี่ทุยสรุปมาให้แล้วไปดูกัน !
ช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกเราเหมือนกับคนดวงชงที่เกิดเหตุการณ์เข้ามากระทบต่อเนื่องไม่หยุด ไม่ว่าจะโควิด-19 จนมาถึงสงครามในหลากหลายพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อไปทั่วโลก จนเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกันเลยทีเดียว
วันนี้พี่ทุยจะพาทุกคนมารู้จักอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ที่ปรับตัวได้ดี พร้อมเติบโตได้ในระยะยาวนั่นก็คือ บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ หรือหุ้น SCGD
ก่อนจะไปรู้จัก SCGD ให้มากขึ้น พี่ทุยอยากพาไปดูก่อนเลยว่าที่ว่าปรับตัว ปรับตัวได้ดีขนาดไหน ถ้าเราลองไปดูกำไรครึ่งปีแรกของปี 2567 เทียบกับปีก่อนหน้า กำไรเพิ่มขึ้น 36% อยู่ที่ 541 ล้านบาท ถึงแม้ว่ายอดขายจะลดลง 7% ตามตลาด อยู่ที่ 13,350 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 นี้ทาง SCGD ปรับตัวเพื่อทำให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยคาดว่าจะทำอัตรากำไรสุทธิได้ตามเป้าหมายที่ 4% ในปี 2567 นี้
ก่อนจะไปรู้จัก SCGD ให้มากขึ้น พี่ทุยอยากพาไปดูก่อนเลยว่าที่ว่าปรับตัว ปรับตัวได้ดีขนาดไหน ถ้าเราลองไปดูกำไรครึ่งปีแรกของปี 2567 เทียบกับปีก่อนหน้า กำไรเพิ่มขึ้น 36% อยู่ที่ 541 ล้านบาท ถึงแม้ว่ายอดขายจะลดลง 7% ตามตลาด อยู่ที่ 13,350 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 นี้ทาง SCGD ปรับตัวเพื่อทำให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยคาดว่าจะทำอัตรากำไรสุทธิได้ตามเป้าหมายที่ 4% ในปี 2567 นี้
บริษัทในเครือ SCC ที่ประกอบธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว และ สุขภัณฑ์แบบครบวงจร ทั้งในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจกระเบื้องสูงสุดเป็นอันดับ 1 และ เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในประเทศอินโดนีเซียเลยก็ว่าได้
บริษัทมุ่งมั่นเติบโตสุขภัณฑ์ และ ตกแต่งพื้นผิว รวมถึงวัสดุปิดผิวอื่นๆ เช่น SPC และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่น ปูนกาว ยาแนว ในอาเซียน ตั้งเป้าเติบโตรายได้ถึง 2 เท่าภายในปี 2573 สอดรับกับอาเซียนที่มีแนวโน้มเติบโตสูงด้านที่อยู่อาศัย
บริษัทมุ่งมั่นเติบโตสุขภัณฑ์ และ ตกแต่งพื้นผิว รวมถึงวัสดุปิดผิวอื่นๆ เช่น SPC และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่น ปูนกาว ยาแนว ในอาเซียน ตั้งเป้าเติบโตรายได้ถึง 2 เท่าภายในปี 2573 สอดรับกับอาเซียนที่มีแนวโน้มเติบโตสูงด้านที่อยู่อาศัย
สำหรับ SCGD เองก็มีหลากหลายปัจจัยที่สนับสนุนให้สามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เหมาะแก่การถือลงทุนในระยะยาวได้ดี
1. ผลประกอบการทางการเงิน
SCGD มีผลประกอบการที่ดีขึ้น เติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงยังมีความมั่นคงทางการเงินในระดับสูงมีสินทรัพย์ 42,072.47 ล้านบาท มีหนี้สินสุทธิเพียง 4,656 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเพียง 0.2x เท่านั้น ทำให้มีความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตได้ดี
2. แนวโน้มอุตสาหกรรมและตลาด
ธุรกิจวัสดุตกแต่งและสุขภัณฑ์เป็นอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคง และมีความต้องการจากตลาดอย่างต่อเนื่องสำหรับสินค้าคุณภาพสูง มีลวดลาย และขนาดที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ (ตลาดในประเทศทรงตัว ตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศเวียดนามเริ่มฟื้นตัว)
3. ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
SCGD มีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์ทำให้สามารถครองพื้นที่ตลาดได้อย่างเนียวแน่น แบรนด์สินค้าที่ SCGD เป็นเจ้าของและทุกคนน่าจะรู้จักแน่นอนก็คือ COTTO และก็ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ลุยตลาดอาเซียนทั้ง SOSUCO CAMPANA PRIME MARIWASA และ KIA รวมการปรับปรุงโครงสร้างภายใน เพื่อลดต้นทุนการสินค้า เพิ่มสินค้านวัตกรรม เตรียมพร้อมรับการเติบโตของตลาด
4. ประวัติการจ่ายเงินปันผล
SCGD มีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ รายได้โต กำไรเพิ่ม ปันผลก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว
1. ผลประกอบการทางการเงิน
SCGD มีผลประกอบการที่ดีขึ้น เติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงยังมีความมั่นคงทางการเงินในระดับสูงมีสินทรัพย์ 42,072.47 ล้านบาท มีหนี้สินสุทธิเพียง 4,656 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเพียง 0.2x เท่านั้น ทำให้มีความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตได้ดี
2. แนวโน้มอุตสาหกรรมและตลาด
ธุรกิจวัสดุตกแต่งและสุขภัณฑ์เป็นอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคง และมีความต้องการจากตลาดอย่างต่อเนื่องสำหรับสินค้าคุณภาพสูง มีลวดลาย และขนาดที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ (ตลาดในประเทศทรงตัว ตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศเวียดนามเริ่มฟื้นตัว)
3. ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
SCGD มีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์ทำให้สามารถครองพื้นที่ตลาดได้อย่างเนียวแน่น แบรนด์สินค้าที่ SCGD เป็นเจ้าของและทุกคนน่าจะรู้จักแน่นอนก็คือ COTTO และก็ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ลุยตลาดอาเซียนทั้ง SOSUCO CAMPANA PRIME MARIWASA และ KIA รวมการปรับปรุงโครงสร้างภายใน เพื่อลดต้นทุนการสินค้า เพิ่มสินค้านวัตกรรม เตรียมพร้อมรับการเติบโตของตลาด
4. ประวัติการจ่ายเงินปันผล
SCGD มีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ รายได้โต กำไรเพิ่ม ปันผลก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว
นอกจากนี้ SCGD ยังมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีแผนบริหารความเสี่ยง พร้อมรับกรณีฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจว่า SCGD แข็งแกร่งขึ้น สามารถเติบโตได้ในระยะยาว ยังไงลองทำการบ้านกันเพิ่มเติมนะ
สำหรับใครที่สนใจมูล SCGD เพิ่มเติมเข้าไปได้ที่ https://investor.scgdecor.com/th/home
หรือ อ่านความเห็นนักวิเคราะห์จากโบรกต่าง ๆ ได้ที่ https://www.settrade.com/th/equities/quote/SCGD/analyst-consensus
สำหรับใครที่สนใจมูล SCGD เพิ่มเติมเข้าไปได้ที่ https://investor.scgdecor.com/th/home
หรือ อ่านความเห็นนักวิเคราะห์จากโบรกต่าง ๆ ได้ที่ https://www.settrade.com/th/equities/quote/SCGD/analyst-consensus
อ่านเพิ่ม
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial