ด้วยชื่อเสียงในฐานะผู้ประกอบการที่มีสายตาแหลมคมทางด้านเทคโนโลยี คำพูดของ Elon Musk จึงมักสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับทุกวงการอยู่สม่ำเสมอ จนทำให้ได้รับตำแหน่งพรายกระซิบแห่ง “ตลาดหุ้น” (Whisperer) โดยนับตั้งแต่ปี 2021 นี้มา Elon Musk ได้ทวีตที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อ “ตลาดหุ้น” มาแล้วอย่างน้อย 5 ครั้ง ซึ่งบางครั้งก็ทำให้หุ้นตัวนั้น ๆ ก็ทะยานขึ้น แต่บางครั้งก็กลายเป็นเรื่องตลกเพราะทำให้หุ้นขึ้นผิดตัว วันนี้พี่ทุยรวมเหตุการณ์ Elon Musk ป่วนตลาดหุ้น ปี 2021
เหตุการณ์ที่ 1 Use Signal
หนึ่งในหุ้นที่ขึ้นแบบผิดฝาผิดตัวก็คือ Signal โดย Musk ได้ทวีตเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา โดยใจความมีเพียงแค่ว่า
Use Signal
หรือก็คือแปลเป็นไทยประมาณว่า “ใช้ Signal กันเถอะ”
Signal ที่ซีอีโอของ Tesla ผู้นี้หมายถึง คือ แอปพลิเคชัน Chat ที่เป็นเหมือนแอปพลิเคชัน Chat ทั่วไป แต่มีจุดเด่นตรงที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวถึงที่สุดด้วยการเข้ารหัส ซึ่งผู้ที่เห็นข้อความ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ เสียง หรือไฟล์ ต่าง ๆ มีเพียงผู้รับกับผู้ส่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทวีตของ Musk กลับทำให้หุ้นของบริษัทไบโอเทคที่มีชื่อคล้ายกันอย่าง Signal Advance Inc. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเสียอย่างนั้น โดยปรับขึ้นจาก 0.6 ดอลลาร์สหรัฐ ทะยานไปสู่ 38.70 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังนักลงทุนนึกขึ้นได้ ก็เหลือเพียงราว 2 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
เหตุการณ์ที่ 2 I kinda love Etsy
หลังเกิดเหตุกับ Signal ได้ไม่นาน เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา Elon Musk ได้ทวีตสร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ด้วยการบอกรักแพลตฟอร์มซื้อขายงานแฮนด์เมดว่า
I kinda love Etsy
Etsy เป็นมาร์เก็ตเพลสค้าขายออนไลน์ โดยเน้นไปที่งานฝีมือและงานแฮนด์เมดทุกประเภท เช่น กำไลทำมือ การ์ดทำมือ แพทเทิร์นผ้า หรือวัสดุอุปกรณ์งานศิลปะเฉพาะ โดย Etsy ก่อตั้งเมื่อปี 2005 และจับตลาด Niche อย่างผู้รักงานฝีมือไว้อย่างเหนียวแน่นจนสามารถออกหุ้นเสนอขายครั้งแรก (IPO) ได้ในปี 2015
อย่างไรก็ตาม Etsy ประสบกับการแข่งขันสูงมาโดยตลอด เนื่องจากทันทีที่เข้าตลาด ยักษ์ใหญ่ด้านค้าออนไลน์อย่าง Amazon.com ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มค้าขายงานแฮนด์เมดของตัวอย่างที่ชื่อ Amazon Handmade ขึ้น ขณะที่ Etsy ต้องประสบปัญหากับการร้องเรียนเรื่องสินค้าปลอมและการลอกเลียนแบบอยู่บ่อยครั้ง
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหดตัวลงไปบ้างในช่วงนั้น จนเมื่อปี 2017 Etsy ปลดพนักงานเกือบ 1 ใน 4 ของบริษัท รวมถึงซีอีโอที่อยู่มาตั้งแต่ปี 2011 และคว้าเอาอดีตซีอีโอของ Ebay และ Skype อย่าง Josh Silverman เข้ามาบริหารแทน และทำให้บริษัทและหุ้นของ Etsy เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การทวีตของ Musk ทำให้หุ้นของ Etsy ขึ้นไปราว 8% หรือเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการทวีตของ Musk ประจวบพอเหมาะพอดีก่อนวันวาเลนไทน์ที่ยอดขายสินค้าแฮนด์เมดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว
เหตุการณ์ที่ 3 GameStonk!!
พี่ทุยว่า ตอนนี้คงไม่มีนักลงทุนรายย่อยคนไหนไม่รู้รู้จักเหตุการณ์หุ้น GameStop ซึ่งกลายมาเป็นศึกระหว่างกลุ่มนักลงทุนวอลสตรีทกับบรรดานักลงทุนรายย่อยทั้งหลาย
GameStop เป็นบริษัทขายเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นของ GameStop ก่อนหน้านี้ เนื่องจากการวางจำหน่ายเครื่องเล่นสุดฮิตอย่าง PlayStation 5 น่าจะสร้างแนวโน้มผลกำไรที่ดีให้กับบริษัทด้านเกม
อ่านต่อเรื่อง ทำไม “PS5 ขาดตลาด” มีปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ?
เมื่อหุ้นเริ่มปรับขึ้น บรรดานักลงทุนรายใหญ่กลุ่มวอลสตรีทมองว่า อีกไม่นานคงปรับลดลง เนื่องจากในปัจจุบันสินค้าขายคล่องอย่างแผ่นเกมจะไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะผู้เล่นหันไปนิยมดาวน์โหลดออนไลน์กันมากขึ้น เริ่มมีการ Short หุ้น เกิดขึ้น เพราะมองว่าตลาดนี้จะเป็นขาลงในอนาคต
การ Short หุ้นเป็นการลงเงินไปโดยคิดว่าหุ้นตัวนี้จะมีราคาลงอย่างแน่นอน โดยเป็นการขอยืมหุ้นของผู้ที่ถืออยู่ตอนนี้มาไว้ในมือก่อน แล้วเอาหุ้นนี้มาขายในตอนที่ราคาหุ้นยังสูง ซึ่งเมื่อมีการยืมก็ต้องมีการคืน ซึ่งผู้ที่ทำ Short จะซื้อหุ้นในราคาที่ลงมาแล้วคืนแก่เจ้าของเดิม
แน่นอนว่าถ้าหุ้นกลับไม่ลงตามคาด จะเท่ากับขาดทุน โดยบรรดาผู้ใช้งานเว็บไซต์คอมมูนิตี้อย่าง Reddit ซึ่งคล้ายกับเว็บไซต์พันทิปของไทย ก็ได้พูดคุยกันเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าไปซื้อหุ้น จนทำให้นักลงทุนรายใหญ่ขาดทุนมหาศาล
แม้แต่ Elon Musk เอง ก็อยู่ในมหากาพย์ครั้งนี้ด้วย โดย Musk ทวีตเมื่อ 26 ม.ค. ว่า
GameStonk
ซึ่งเป็นการเล่นคำระหว่าง Stop กับ Stock ที่แปลว่าหุ้น ซึ่งในวันที่เจ้าตัวทวีตหุ้นของ GameStop ปิดบวก 92%
เหตุการณ์นี้สร้างความปั่นป่วนจนถึงขั้นบรรดาผู้เกี่ยวข้องต้องไปขึ้นว่าการต่อสภาคองเกรสว่ามันเกิดอะไรขึ้น ขณะที่คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ หรือ SEC ต้องลงมาตรวจสอบการลงทุนที่มีลักษณะคล้ายกับการเล่นเกมในครั้งนี้
เหตุการณ์ที่ 4 Clubhouse
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Clubhouse กลายเป็นโซเชียลมีเดียยอดฮิตของคนไทยในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยเป็นแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่เน้นใช้เสียงในการพูดคุย และผู้ที่เข้าไปได้จะต้องได้รับคำเชิญจากผู้ที่อยู่มาก่อนเท่านั้น
On Clubhouse tonight at 10pm LA time
Musk ได้ประกาศเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าจะเข้าไปพูดคุยใน Clubhouse โดยการเข้าไปของ Musk ทำให้มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวมากกว่า 1 ล้านครั้งในช่วง 10 วัน ซึ่งการพูดคุยของ Musk มีครั้งหนึ่งที่พูดคุยกับซีอีโอของ Robinhood แพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นสำหรับรายย่อย และเป็นแพลตฟอร์มที่นักลงทุนรายย่อยใช้สำหรับซื้อขายหุ้น GameStop
และการเข้าไปเล่น Clubhouse ของ Musk ทำให้หุ้นของบริษัท Clubhouse Media Group ซึ่งเป็นบริษัท Content Creator และไม่เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน Clubhouse ปรับขึ้นจากระดับ 6 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 13 ดอลลาร์สหรัฐ และพุ่งไปสูงสุดที่มากกว่า 27 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางเดือนก.พ. ก่อนจะปรับลดลงมาอยู่ที่ราว 9 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
เหตุการณ์ที่ 5 Bitcoin และ Dogecoin
Bitcoin เป็น Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลที่รู้จักกันดีที่สุด โดยในวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา Tesla Inc. ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อดังและบริษัทที่ Musk เป็นซีอีโออยู่ ได้ประกาศว่าได้ซื้อเหรียญดิจิทัลดังกล่าวมากถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจให้ Tesla สามารถรับชำระได้ด้วย Bitcoin
การประกาศดังกล่าวทำให้ราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 20% ทำสถิติใหม่ และยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบัน โดยอยู่ที่ราว 61,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว ต่อเนื่องจากหลังวันที่ Musk ประกาศดังกล่าวที่ประมาณ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Bought some Dogecoin for lil X, so he can be a toddler hodler
นอกจาก Bitcoin แล้ว Musk ยังชื่นชอบ Dogecoin อีกด้วย โดยได้ทวีตเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ได้ซื้อเหรียญ Dogecoin ให้กับลูกชาย ซึ่งทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นถึง 1500% และยังทวีตถึง Dogecoin อย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง
Dogecoin เป็นเหรียญดิจิทัล ซึ่งมีมีมหน้าสุนัขชิบะที่กำลังมองด้วยหางตาเป็นมาสค็อต โดยผู้สร้างไม่จำกัดจำนวนเหรียญ ซึ่งต่างกับบิตคอยน์ และสร้างขึ้นมาเล่น ๆ เพื่อให้คนเข้าถึงเหรียญดิจิทัลได้อย่างหรรษา
นับตั้งแต่วันที่ Musk ทวีต ราคาของ Dogecoin ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างเนื่องจนอยู่ที่ราว 0.3 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน จากระดับ 0.07 ดอลลาร์สหรัฐในวันก่อนที่ Musk จะทวีตถึงเหรียญดังกล่าว
เหตุการณ์ที่ 6 Tesla could be the biggest company
สุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือบริษัทของ Musk เองอย่าง Tesla เพราะเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา Musk ได้ทวีตตอบกลับข้อความของชาวทวิตเตอร์คนหนึ่งที่คาดการณ์ว่า Tesla จะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่กว่า Apple Inc. ผู้ผลิตเทคโนโลยีชื่อดัง
Musk ได้ตอบกลับข้อความประมาณว่า Tesla มีโอกาสที่จะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้ทวีตข้อความต่อมาอีกว่า
I think there is a >0% chance Tesla could be the biggest company
แต่สุดท้ายได้ลบข้อความหลังทิ้งไป อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ในปี 2018 เคยเกิดเรื่องที่ให้ Musk ถูก กลต.สหรัฐปรับมาแล้ว เนื่องจากทวีตว่า กำลังวางแผนจะนำ Tesla ออกจากตลาดหุ้น ด้วยราคา 420 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งทำให้หุ้นของ Tesla ขึ้นไปมากกว่า 6% ในวันนั้น
เรื่องจบลงที่ทั้งตัว Musk และ Tesla ต้องยอมจ่ายเงินยอมความกับทาง SEC โดย Musk จ่าย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Tesla จ่ายอีก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไม่ให้เรื่องขึ้นถึงศาล
นอกจากนี้ Musk ยังโดนผู้ถือหุ้นฟ้องร้อง โดยระบุว่าการที่ Musk ทวีตทำให้ผู้ถือหุ้นต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น การทวีตว่าราคาหุ้นของ Tesla แพงเกินไป ซึ่งทำให้หุ้นของ Tesla ลงไปถึง 10% หรือทำให้มูลค่าตลาดหายไป 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันเดียว
พี่ทุยว่า ใครที่ห่วงว่า Elon Musk จะทวีตปั่นหุ้นแล้วไม่โดนอะไรคงไม่ต้องห่วง เพราะกลต.ของสหรัฐก็กำลังทำหน้าที่อย่างดีหากเกิดการล้ำเส้นขึ้น แต่ก็ต้องคอยดูกันต่อไป ว่าเฮีย Musk จะทวีตอะไรป่วน “ตลาดหุ้น” อีกเป็นครั้งถัดไป..