เศรษฐกิจโลกฉบับวิกฤตโควิด-19 คงจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ต่อธุรกิจส่วนใหญ่ สำหรับยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา และของโลกอย่าง Walmart แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย แต่ดูเหมือนว่าการปรับตัวของ Walmart ในช่วงก่อนหน้านี้ จะช่วยบริษัทฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากราคา “หุ้น Walmart” ที่พุ่งขึ้นทำ All time high สวนทางกับหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกในปีนี้
กลางเดือน เมษายน ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Walmart พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราว 133 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังบริษัทรายงานกำไรปีล่าสุด สิ้นสุด ณ 31 มกราคม 2020 และเมื่อย้อนกลับไปดู 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าผลประกอบการของ Walmart เพิ่งจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีล่าสุดนี้
ผลประกอบการของ Walmart ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา
ปี 2015/2016 มีกำไรสุทธิ 1.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.77 แสนล้านบาท
ปี 2016/2017 มีกำไรสุทธิ 1.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.42 แสนล้านบาท
ปี 2017/2018 มีกำไรสุทธิ 9.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.20 แสนล้านบาท
ปี 2018/2019 มีกำไรสุทธิ 6.67 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.17 แสนล้านบาท
ปี 2019/2020 มีกำไรสุทธิ 1.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4.81 แสนล้านบาท
ปี 2020 ออกมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
คำตอบของการกลับมาเติบโตในปีก่อน คือ การลงทุนสร้างระบบ Omni channel ของ Walmart ที่ทำมาต่อเนื่องในระยะหลัง ก่อนอื่นพี่ทุยขอขยายความคำว่า Omni channel ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มข้อจำกัดของร้านค้าปลีกทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์
ข้อจำกัดของออฟไลน์ คือ ขนาดของร้านค้า ทำให้ไม่สามารถจะจัดเก็บสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด รวมถึงเวลาเปิดปิด ขณะที่ข้อจำกัดของออนไลน์ คือ ลูกค้าไม่สามารถทดลองสินค้า บริการหลังการขายได้ หรือระยะเวลาในการรอจัดส่งสินค้าเพราะฉะนั้นแนวคิด Omni channel จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้สมบูรณ์มากขึ้น
สำหรับ Walmart คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นธุรกิจค้าปลีกที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากในฐานะออฟไลน์ ด้วยจำนวนสาขารวมในสหรัฐอเมริกากว่า 5,000 แห่ง และรวมกว่า 11,000 แห่ง ทั่วโลก บริษัทได้ต่อยอดให้สาขาเหล่านี้ รวมถึงการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อตอบสนองการเป็น Omni channel ทำให้ปัจจุบัน Walmart มีจุดรับสินค้าทั่วสหรัฐอเมริกากว่า 3,100 จุด และจุดให้บริการขนส่งสินค้ากว่า 1,600 แห่ง และด้วยสินค้าของ Walmart ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้ในยามวิกฤตเช่นนี้ดูเหมือนว่า Walmart ก็ยังคงสามารถขายของได้ เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนมาเป็นการขายออนไลน์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามคำถามที่มักจะตามมาหลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาแบบนี้ คือ แล้ว Walmart จะยังคงการเติบโตไปได้ต่อเนื่องขนาดไหน เพราะต้องยอมรับว่า Walmart ในปัจจุบันไม่ใช่ดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว นี่คือยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนานด้วยรายได้ปัจจุบันที่สูงถึง 5.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 17 ล้านล้านบาทต่อปี
หากคิดเป็นการเติบโตในเชิงตัวเงิน ปีที่ผ่านมารายได้ของ Walmart เพิ่มขึ้น 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การเติบโตแล้ว มันช่างดูเล็กน้อยนัก คือเพียง 1.85% ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันไว้ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต 4% ในปีนี้ และ 6% ในปีถัดไป หลังจากที่ก้าวกระโดดกว่าเท่าตัวเมื่อปีก่อน ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า การเติบโตของ Walmart ในระดับนี้จะยังช่วยดันให้ราคา “หุ้น Walmart” ทำจุดสูงสุดใหม่ไปได้ต่อเนื่องแค่ไหน
Comment