K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

“K-GINCOME-A(R)” กองทุนสายกลางสำหรับมือใหม่ที่อยากได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

3 min read  

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน พี่ทุยมักจะแนะนำว่าให้ลองขยับจากการลงทุนที่กองทุนรวมตลาดเงินไปที่กองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อช่วยทำให้ผลตอบแทนคาดหวังเพิ่มขึ้น

แต่ถ้าใครที่เริ่มคุ้นชินกับการลงทุนมากขึ้น และเริ่มรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น เพื่อผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาว พี่ทุยแนะนำว่าให้ลองมาศึกษา “กองทุนสายกลาง” หรือกองทุนรวมผสม

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

“กองทุนสายกลาง” จะกระจายการลงทุนไปหลากหลายสินทรัพย์ทั้งความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงสูงไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาฯ หรือบางกองทุนรวมอาจจะกระจายไปยัง ทอง น้ำมัน ที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน

ซึ่งข้อดีของ “กองทุนสายกลาง” จะช่วยทำให้ผลตอบแทนคาดหวังเพิ่มสูงขึ้นได้ และได้บาลานซ์ความเสี่ยงไปด้วย

แถมยังช่วยอีก 1 เรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญมากในการลงทุน แต่ทำเองได้ยาก นั่นคือ การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) เพราะปกติแล้ว ถ้าเราอยากกระจายการลงทุนใน หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ น้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ เราก็ต้องไปสั่งซื้อแยก 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย แล้วถ้ากระจายซื้อหุ้นหลายตัวก็ยิ่งต้องส่งคำสั่งซื้อหลายรอบเข้าไปอีก ดังนั้น การซื้อผ่านกองทุนรวมผสมหรือกองทุนสายกลาง ด้วยการกดซื้อภายในครั้งเดียวแล้วได้ครบทุกอย่างเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

และอีกหนึ่งข้อดีที่ดีมากในการลงทุนผ่าน  “กองทุนสายกลาง” เลยก็คือ มีผู้เชี่ยวชาญดูแลการปรับสัดส่วนการลงทุน (Rebalance) ที่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่องด้วย เช่น ช่วงหุ้นตกแรง ๆ ก็สามารถขายตราสารหนี้หรือสินทรัพย์อื่น ๆ บางส่วนกลับเข้ามาช้อนซื้อหุ้นได้ หรือในช่วงที่หุ้นขึ้นแรงมาก ๆ ก็ควรจะขายทำกำไรบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงแล้วนำมาเก็บในสินทรัพย์อื่น ๆ แทน เป็นต้น เหมาะกับคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ที่ไม่มีเวลามานั่งตามสภาวะตลาดตลอดเวลา อาจซื้อ-ขายกองทุนต่าง ๆ ได้ไม่ทันสถานการณ์

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

สำหรับใครที่กำลังหากองทุนสายกลาง วันนี้พี่ทุยมีทางเลือกถึง 2 ทางเลือกจากธนาคารกสิกรไทยมาฝากกัน

ทางเลือกแรก คือ ลงทุนผ่าน “K-GINCOME-A(R)” ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลกมากกว่า 2,500 สินทรัพย์ เช่น หุ้นทั่วโลกที่มีการจ่ายปันผลสูง (Global Equity) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก (Global REITs) และอื่น ๆ ผ่านกองทุน JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class A (mth)-EUR

จุดเด่นของ “K-GINCOME-A(R)” คือ ช่วยสร้างกระแสเงินสดจากการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption) ทุกเดือน คล้าย ๆ กับการจ่ายเงินปันผลทุกเดือนแต่ไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล 10% ซึ่งที่ผ่านมา กองทุนจ่ายผลตอบแทนได้ตลอด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี สามารถดูประวัติการจ่ายผลตอบแทนย้อนหลังได้ที่นี่เลย คลิก

สำหรับใครที่ต้องการมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อเป็นกระแสเงินสด K-GINCOME-A(R) ถือว่าตอบโจทย์มาก แล้วตอนนี้มีโปรโมชั่นยกเว้นค่าธรรมเนียมซื้อ (Front-End Fee) ให้จนถึง 30 ธันวาคม 2563 นี้สำหรับลูกค้าที่ซื้อผ่านแอป K PLUS, K-My Funds และ K-Cyber Invest อีกด้วยนะ

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

แต่ถ้าสำหรับใครที่ไม่อยากได้ผลตอบแทนเป็นรายเดือน แต่อยากลงทุนระยะยาว เห็นเงินเติบโตเป็นก้อนใหญ่ ๆ ก็สามารถขยับมาเลือกลงทุนผ่านกองทุน “K-FIT” ที่จะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน อสังหาฯ ซึ่งมีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะมีให้เลือกมากถึง 4 ระดับความเสี่ยง นั่นคือ S M L และ XL

K-FITS เสี่ยงน้อย ไม่ชอบเหวี่ยง ผลตอบแทนชี้วัดอยู่ที่ 3% ต่อปี
K-FITM เสี่ยงเพิ่มอีกนิด ได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย ผลตอบแทนชี้วัดอยู่ที่ 5.5% ต่อปี
K-FITL เสี่ยงเพิ่มอีก โอกาสโตสูงกว่า ผลตอบแทนชี้วัดอยู่ที่ 7% ต่อปี
K-FITXL เสี่ยงเต็มแม็กซ์ เพิ่มโอกาสได้เต็มที่ ผลตอบแทนชี้วัดอยู่ที่ 8.5% ต่อปี

ข้อดีของการลงทุนผ่าน “K-FIT” คือ เหมือนมีผู้จัดการกองทุน 2 ชั้น ช่วยดูแลในกองทุนรวมเดียว เพราะ  “K-FIT” จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมอื่น ๆ ต่ออีกครั้ง ทำให้ก่อนที่จะเลือกกองทุนรวมเข้าพอร์ตก็จะผ่านผู้จัดการกองทุนชั้นที่ 1 และเมื่อเงินนำเข้าไปลงทุนในกองทุนรวมที่ถูกเลือกแล้วก็จะมีผู้จัดการกองทุนชั้นที่ 2 นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง ปรับพอร์ตได้ตามสภาวะตลาด เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี แต่ข่าวดีคือ ถึงจะมีผู้จัดการกองทุน 2 ชั้น ลูกค้าอย่างเราก็ไม่โดนเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนนะ

คำเตือน อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดของกองทุนเกิดจากการจัดแบบจำลองการลงทุนย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งกองทุนมิได้รับประกันผลตอบแทนดังกล่าว และผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนติดลบหรือน้อยกว่าอัตราผลตอบแทนที่กำหนดเป็นตัวชี้วัดได้

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

หรือถ้าใครอยากจะจัดพอร์ต Customize ตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตัวเองมากกว่านี้ พี่ทุยแนะนำว่าลองมาที่ “Wealth PLUS” เป็นฟีเจอร์บนแอปพลิเคชัน K PLUS ที่ช่วยเลือกกองทุนมาจัดพอร์ตการลงทุนให้อัตโนมัติด้วยระบบอัจฉริยะ (Robo Advisor) ซึ่งพอร์ตการลงทุนจะถูกจัดสรรตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน โดย Wealth PLUS จะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น มีแผนการลงทุน 2 แบบให้เลือก คือ แบบลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง และลงทุนเพื่อเป้าหมายในชีวิต สิ่งที่เราต้องทำเพียงแค่เปิด K PLUS เข้าเมนูลงทุน จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ แล้วปล่อยให้ระบบอัจฉริยะของ Wealth PLUS จัดการให้ โดยสามารถเริ่มลงทุนครั้งแรกที่ 10,000 บาท ครั้งต่อไปขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ซึ่งจะเลือกลงทุนรายเดือน (DCA) หรือจะลงทุนเมื่อเราสะดวกก็ได้

นอกจากนี้ เราสามารถติดตามเป้าหมายการลงทุนของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน K PLUS โดย Wealth PLUS จะช่วยติดตามและคอยปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ (Auto Rebalance) ทุก 6 เดือน แต่ถ้าตลาดเกิดความผันผวนที่รุนแรงในบางช่วงเวลา ระบบจะมีการปรับพอร์ตอย่างทันท่วงที

K-GINCOME-A(R) กองทุนสายกลาง KBank KAsset

สำหรับใครที่สามารถลงทุนระยะ 3-5 ปีได้ “กองทุนสายกลาง” ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก พี่่ทุยแนะนำว่าลองดูรายละเอียดของแต่ละทางเลือกกันดูนะ

ใครอยากได้กระแสเงินสดเรื่อย ๆ K-GINCOME-A(R) ถือว่ายืนหนึ่งเรื่องนี้ แต่ถ้าอยากเพิ่มความเสี่ยงสักหน่อย ถือยาวๆ เลือกผลตอบแทนตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตัวเราได้ K-FIT ก็น่าสนใจ หรืออยากลงทุนแบบกำหนดเป้าหมายให้ K PLUS เลือกกองทุนมาจัดพอร์ตให้อัตโนมัติ สามารถลงทุนผ่าน Wealth PLUS ได้อย่างสะดวกสบายเลย

อ่านถึงตรงนี้แล้วสนใจ พี่ทุยแนะนำว่าสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่ หรือติดต่อได้ที่ K-Contact Center 02-888-8888 ได้เลยนะ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply