“ค่าเงินบาทแข็ง” หรือ ค่าเงินบาทอ่อน ล้วนส่งผลต่อกำไรกองทุนรวม
แม้การส่งออกของประเทศไทยจะหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่การนำเข้ากลับหดตัวมากกว่า ทำให้ประเทศไทยเกินดุลการค้า (มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก) รวมไปถึงการเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์เข้าระบบด้วยนโยบาย QE จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ทั้ง 2 ปัจจัยที่กล่าวมาส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์จนทะลุ 30 บาทต่อดอลลาร์
แน่นอนว่าการแข็งหรืออ่อนค่าของค่าเงินบาทย่อมส่งผลดีหรือเสียต่อหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ และรวมไปถึงผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญอย่างไร และจะเลือกลงทุนอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน
บทความนี้พี่ทุยจะพาไปทำความเข้าใจและหาคำตอบกัน..
“ค่าเงินบาทแข็ง” มีความสำคัญต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างไร ?
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าการลงทุนในต่างประเทศเป็นกระแสที่มาแรง โดยเฉพาะการลงทุนผ่านกองทุนรวม ไล่เรียงตั้งแต่
- ตราสารหนี้
- หุ้นประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม
- หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare Technology รวมไปถึงทองคำ
ซึ่งแต่ละสินทรัพย์ก็สร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ การลงทุนในแต่ละสินทรัพย์นั้น ไม่ว่ากองทุนรวมจะไปลงทุนเองโดยตรงหรือผ่านกองทุนหลัก ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือต้องส่งเงินลงทุนจากนักลงทุนไทยออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งต้องเปลี่ยนจากเงินบาทไปเป็นเงินสกุลต่างประเทศ และเมื่อใดที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เมื่อนั้นการลงทุนก็จะมีอีกความเสี่ยงที่เรียกว่า ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
จะเป็นอย่างไร หาก “ค่าเงินบาทแข็ง” เมื่อเทียบกับค่าเงินของต่างประเทศ
- สมมติว่าลงทุนในกองทุนรวม A มีนโยบายลงทุนให้มีผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี S&P500
- เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทเมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 20X8 โดยอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้นอยู่ที่ 100 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์
- ดังนั้นเงินจำนวน 10,000 บาท จะถูกแลกเป็นเงินดอลลาร์จำนวน 100 ดอลลาร์ เพื่อลงทุนในดัชนี S&P500
ผ่านไป 1 ปี ดัชนีทำผลตอบแทนได้ 10% เงินจำนวน 100 ดอลลาร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 110 ดอลลาร์ หากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ที่ 100 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ เมื่อแลกเงินลงทุนกลับมาเป็นเงินบาทแล้วจะได้ 11,000 บาท แล้วหาก “ค่าเงินบาทแข็ง” เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ 10% อัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 90 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ เมื่อแลกเงินลงทุนกลับมาเป็นเงินบาทแล้วจะได้ 9,900 บาท ขาดทุน 100 บาท หรือคิดเป็น 1% ของเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 10,000 บาท
กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้จะได้กำไรจากการลงทุน แต่หากไม่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนก็จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเงินบาทแข็งค่าได้
ในกรณีเดียวกัน หากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของต่างประเทศ ผู้ลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมที่มาจากส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน
เลือกลงทุนอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน
จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญมากพอที่จะเปลี่ยนกำไรเป็นขาดทุนได้เลย หรือในทางกลับกันก็สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้เช่นกัน
พี่ทุยมีคำแนะนำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนมาฝากกัน
ในกรณีที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า
เมื่อใดที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าก็จะส่งผลเสียต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ หากกองทุนรวมใดมีนโยบายดังกล่าว แต่ประเด็นนี้ไม่น่ากังวลอย่างที่คิด หากกองทุนรวมนั้นมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือที่เรียกว่า Fx Hedging
เมื่อต้องแลกเปลี่ยนเงินบาทไปเป็นเงินสกุลต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์ ยูโร เพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ กองทุนก็จะป้องกันความเสี่ยงโดยการทำสัญญาซื้อขายเงินบาทล่วงหน้า (Forward) เพื่อล๊อคอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตให้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่แลกเปลี่ยนเงินบาทไปเป็นเงินสกุลต่างประเทศ
ดังนั้นไม่ว่าค่าเงินบาทจะแข็งหรือจะอ่อนค่า ก็จะไม่มีผลดีหรือเสียต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ หรือหมายความว่าหากดัชนี S&P500 ทำผลตอบแทนได้ที่ 10% กองทุนรวมที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนก็จะได้ผลตอบแทนที่ประมาณ 10%
นักลงทุนสามารถดูได้ว่ากองทุนรวมที่ลงทุนอยู่มีนโยบายดังกล่าวหรือไม่ ได้จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุป (Fund fact sheet) ซึ่งอยู่ในส่วนปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ
ในกรณีที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า
อย่างไรก็ตามจากตัวอย่างข้างต้น การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศจะได้ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม จากการแลกเงินลงทุนจากสกุลดอลลาร์กลับมาเป็นบาท ในกรณีที่เงินบาทอ่อนค่า เช่น ตอนแลกเงินบาทออกไปเป็นดอลลาร์ที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ และตอนนำดอลลาร์แลกกลับมาเป็นบาทที่ 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ นั่นเท่ากับว่าทุกๆ 1 ดอลลาร์ จะได้ผลตอบแทนเพิ่มอีก 3 บาท
และหากนักลงทุนอยากได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมจากส่วนดังกล่าว ก็ต้องลงทุนกองทุนรวมสินทรัพย์ต่างประเทศที่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ต้องยอมรับเลยว่าหากยังเป็นนักลงทุนอยู่ คงหนีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไม่พ้น พี่ทุยอยากให้ลองเอาทริกง่าย ๆ ที่แนะนำไปใช้กับการลงทุนให้มีความราบรื่น และยังสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้จากอัตราแลกเปลี่ยนได้ในบางช่วงเวลาอีกด้วย..