กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ "กบช." คืออะไร ? ดีจริงหรือไม่ ?

กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ “กบช.” คืออะไร ? ดีจริงหรือไม่ ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • “กบช.” เป็นกองทุนภาคบังคับที่ออกมาเพื่อให้คนไทยมีเงินออมเพียงพอยามเกษียณ
  • กบช.จะเริ่มสะสมที่ 3% จนไปถึง 10% โดยมีเพดานในการคำนวณค่าจ้างอยู่ที่ 60,000 บาท
  • กบช.สามารถเลือกรับเงินเป็นบำเหน็จหรือบำนาญก็ได้ โดยสามารถรับบำนาญได้ถึงอายุ 80 ปี
  • กบช.เป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะทำให้คนไทยมีเงินพอยามเกษียณและสามารถนำเงินสะสมมาใช้ลดหย่อนภาษีได้

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ครม.เตรียมตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ “กบช.” เป็นกองทุนภาคบังคับเพื่อให้คนไทยได้มีเงินออมที่เพียงพอต่อการเกษียณ โดยมีนายจ้างเป็นผู้ช่วยสมทบ คาดว่าคนไทยจะมีเงินบำนาญไม่ต่ำกว่า 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายตอนเกษียณ ตอนนี้จะมีรายละเอียดอะไรบ้างไปดูกัน

“กบช.” คืออะไร?

กบช.หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เป็นกองทุนภาคบังคับที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอนาคตของคนไทย ที่จะเข้าสู่ Aging Society หรือการที่มีคนสูงอายุมากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ และหนึ่งในปัญหาหลัก ๆ เลยคือ คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีการเตรียมความพร้อมออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ 

กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติภาคบังคับจึงมาช่วยตอบโจทย์ลูกจ้างที่อยู่ในบริษัทที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่เคยออมเงินเพื่อการเกษียณมาก่อน ให้มีเงินเก็บเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในยามเกษียณได้

โดยกองทุนนี้จัดตั้งมาเพื่อแรงงานในระบบที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี ครอบคลุมตั้งแต่พนักงานเอกชน ลูกจ้างชั่วคราวของราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยต้องไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ส่วนการสะสมเงินจะเป็นการสะสมร่วมกันระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง

บริษัทไหนบ้างที่ต้องเข้าระบบ ? 

บริษัทเอกชนทุกบริษัทต้องเข้าระบบกบช. โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • บริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะเริ่มเข้าระบบภายใน 1 ปี หลังจากประกาศใช้กฏหมาย
  • บริษัทที่มีลูกจ้าง 10 คนขึ้นไป จะเริ่มเข้าระบบภายใน 2 ปีหลังจากประกาศใช้กฏหมาย
  • และ บริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องเข้าระบบภายใน 5 ปีหลังจากประกาศใช้กฏหมาย

นั่นหมายความบริษัทขนาดเล็กจะมีต้นทุนในการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่หากมองในอีกมุมนึงบริษัทเองก็สามารถนำเงินสมทบที่เข้ากองทุนนี้ คิดเป็นรายจ่ายของบริษัทได้ ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของลูกจ้างทุกคนจะได้มีเงินเกษียณไว้ใช้

จะต้องสมทบเงินได้เท่าไหร่ ?

กองทุนนี้กำหนดเพดานค่าจ้างอยู่ที่ 60,000 บาทต่อเดือน ในการคิดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบ ดังนั้นหากคนที่ได้ค่าจ้าง 100,000 บาทต่อเดือน เวลานำค่าจ้างมาคิดสัดส่วนที่จะไปสะสมในกบช.ก็จะได้สูงสุดจากฐานรายได้ 60,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น

  • โดยในช่วง 1-3 ปี แรกต้องจ่ายเงินสะสมและสมทบไม่น้อยกว่า 3% ของค่าจ้าง
  • ปีที 4-6 ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 5% ของค่าจ้าง
  • ปีที่ 7-9 ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 7% ของค่าจ้าง
  • ปีที่ 10 เป็นต้นไป ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 10% ของค่าจ้าง

และหากลูกจ้างได้รับค่าจ้างน้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน จะไม่ต้องส่งเงินในส่วนนี้ แต่ยังคงได้รับเงินสมทบจากนายจ้างตามจำนวนปีที่เป็นสมาชิก โดยลูกจ้างและนายจ้างนั้นสามารถส่งเงินเพิ่มได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของค่าจ้าง โดย 30% นั้นไม่คิดเพดานค่าจ้าง

เราได้เงินจากกบช.ในรูปแบบไหนบ้าง ?

กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติมีข้อดีตรงที่สามารถเลือกวิธีการรับเงินได้ โดยสามารถเลือกรับเงินเป็นบำเหน็จหรือได้เป็นเงินก้อนทั้งหมดเลย หรือเลือกรับเงินเป็นแบบบำนาญ คือค่อย ๆ ทยอยรับไปเรื่อย ๆ ทุกปี ๆ และที่พิเศษหากเราเลือกรับบำนาญไประหว่างทาง ต้องการใช้เงินก้อนก็สามารถเลือกถอนเงินออกมาเป็นบำเหน็จได้เช่นกัน ตามมูลค่าเงินที่เหลืออยู่ในกองทุน

ซึ่งหากก่อน 60 ปี มีเหตุทุพพลภาพหรือเจ็บป่วยจนใกล้ถึงแก่ชีวิต ก็สามารถขอรับเงินสะสมและเงินสมทบออกมาก่อนบางส่วนหรืออาจขอออกมาทั้งหมดเลยก็ได้เช่นกัน

“กบช.” หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ดีกว่ากัน ?

กบช.ตอนนี้อาจจะต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าใครจะเป็นผู้บริหารกองทุน เพราะในปัจจุบัน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นั้น มีทางเลือกที่มากมายและหลากหลาย ทำให้สามารถเลือกกองทุนและปรับพอร์ทการลงทุนให้กับช่วงอายุ ให้ระดับความเสี่ยงนั้นเหมาะสมกับความเสี่ยงที่วัยต่าง ๆ รับได้

ในรายละเอียดของปัจจุบันนั้นรายได้ที่มาคำนวณของกบช.นั้นยังถูกจำกัดเพดานอยู่ที่ 60,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นเงินสมทบที่ลูกจ้างจะได้จากนายจ้างสูงสุดนั้นจะอยู่ แค่เดือนละ 6,000 บาทเท่านั้น แต่สำหรับคนที่มีรายได้น้อยต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือนนั้น ไม่ต่างจากได้รับเงินจากนายจ้างฟรี ๆ โดยไม่ต้องสะสมเงินเข้าไปเองเลย

ลดหย่อนภาษีได้หรือเปล่า ?

กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติสามารถลดหย่อนภาษีได้ เพราะตอนนี้รัฐบาลกำลังกระตุ้นให้คนไทยออมเงินลงทุนเพื่อการเกษียณ แต่ต้องรอ ออกเป็นกฏหมายให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะออกกฏหมายลดหย่อนภาษีตามมาซึ่งเราน่าจะได้เห็นความชัดเจนภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้

สุดท้ายแล้วไม่ว่ากบช.จะมาตรการคลอดออกมายังไงเราก็จะถูกบังคับเข้าร่วมอยู่แล้ว ซึ่งตัวกบช.เองนั้นเป็นประโยชน์กับผู้สะสมเงินอยู่แล้ว เพราะได้เงินสมทบจากนายจ้างอีกเท่านึง เหมือนเป็นการออมเงินที่ได้ผลตอบแทนทันที 100% เลยทีเดียว แถมเงินยังได้ไปลงทุนสร้างผลงอกเงยและลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย แต่สิ่งที่ต้องมาติดตามดูกันต่อ คือการบริหารกองทุนใครจะเป็นผู้ดูแลแล้วจะดีจริงสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยเท่าไหร่ต้องมาติดตามดูกันต่อไป และถ้ามีการอัปเดตอะไรพี่ทุยจะรีบมารายงานให้ทุกคนฟังทันที

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile