หลังการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขของสหราชอาณาจักรผู้ครองราชย์มายาวนาน 70 ปี สิ่งที่น่าสนใจและหลายคนอาจไม่เคยรู้คือ “ราชวงศ์อังกฤษ” นั้นรวยแค่ไหน และมีวิธีบริหารจัดการทรัพย์สินกันอย่างไร
วันนี้พี่ทุยอาสาไปหาคำตอบมาให้แล้ว ซึ่งนับว่าโชคดีมาก ๆ เพราะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (Crown Estate) นั้นเปิดเผยข้อมูลแหล่งรายได้ต่าง ๆ ของราชวงศ์อังกฤษไว้อย่างละเอียด แต่ต้องบอกก่อนว่า บทความนี้อาจจะไม่ได้ใช้ราชาศัพท์ที่ถูกต้อง เพราะพี่ทุยปรับให้เป็นภาษาที่อ่านง่ายเข้าใจง่าย ๆ
ไปฟังกัน..
ที่มา: The Guardian
แหล่งรายได้ของราชวงศ์อังกฤษมาจากที่ไหนบ้าง ?
ราชวงศ์อังกฤษมีรายได้มาจาก 3 แหล่ง ได้แก่
1. ทรัพย์สินส่วนพระองค์เอง
นั่นก็คือ เงินสนับสนุนประมุขของชาติ ทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งแลงคาสเตอร์ (Duchy of Lancaster) และรายได้ที่งอกเงยจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ รายได้เหล่านี้จะถูกบริหารโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
2. เงินได้ประจำปีจากรัฐสภา
รายได้แหล่งนี้ถูกจัดสรรให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งดยุกแห่งเอดินเบอระ ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งนี้คนล่าสุด คือ เจ้าชายฟิลิป (สามีของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อปี 2021)
3. ทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งคอร์นวอลล์ (Duchy of Cornwall)
ถูกจัดสรรให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งดยุกแห่งคอนวอลล์ คือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 (เจ้าฟ้าชายชาร์ล รัชทายาทลำดับที่ 1 ณ ขณะนั้น)
The New York Times รายงานทรัพย์สินล่าสุดหลังจากการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ว่าราชวงศ์อังกฤษถือครองสินทรัพย์ 28,000 ล้านดอลลาร์ (1 ล้านล้านบาท) เป็นทรัพย์สินที่บริหารโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 19,200 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 7 แสนล้านบาท) ทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งแลงคาสเตอร์อยู่ที่ 818 ล้านปอนด์ (34,000 ล้านบาท) และทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งคอร์นวอลล์อยู่ที่ 1,000 ล้านปอนด์ (42,000 ล้านบาท)
ที่มา: BBC
ที่มา: BBC
ย้อนไปในปี 2016 The Sunday Times ประเมินว่า ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มีทรัพย์สินสุทธิ 443 ล้านดอลลาร์ ส่วน Business Insider ประเมินว่า เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล (ภรรยา) มีทรัพย์สินรวมกันเพียง 30 ล้านดอลลาร์
ทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งแลงคาสเตอร์และทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งคอร์นวอลล์ ถูกบริหารจัดการในรูปของทรัสต์ โดยกำหนดผู้รับผลประโยชน์คือ ผู้ดำรงตำแหน่งดยุกแห่งแลงคาสเตอร์ (ควีนเอลิซาเบธที่ 2) และผู้ดำรงตำแหน่งดยุกแห่งคอนวอลล์ (พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3) ซึ่งทั้งสองอยู่ในฐานะผู้รับผลประโยชน์จากทรัสต์ แต่จะไม่มีสิทธิในการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินต่าง ๆ ในทรัสต์ออกไป
ทรัสต์ทั้งสองถือเป็นหลักประกันทางทรัพย์สินของราชวงศ์อังกฤษจากบรรพบุรุษสู่สมาชิกราชวงศ์รุ่นใหม่ จากข้อกำหนดที่ไม่อาจจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินออกจากทรัสต์ได้นี้เอง ทำให้ทรัพย์สินส่วนมากที่อยู่ในรูปอสังหาริมทรัพย์มูลค่าเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
เงินรายได้ของกษัตริย์ส่วนเดียวที่มาจากภาษีของประชาชนคือส่วนที่เรียกว่า “เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์” หรือ “เงินรายได้ส่วนพระมหากษัตริย์” (Sovereign Grant) มาจากส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากการบริหารทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ถือครองที่ดินและธุรกิจต่าง ๆ ของราชวงศ์ หรือพี่ทุยอธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นพอร์ตลงทุนของทรัพย์สินของราชวงศ์ ซึ่งเมื่อเกิดดอกผลก็นำมาแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐบาลอังกฤษและราชวงศ์
ที่มา: Express
เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ได้ใช้จ่ายเฉพาะกับพระราชินีเท่านั้น แต่ยังต้องจัดสรรปันส่วนเพื่อนำไปใช้จ่ายหลากหลายด้านสำหรับการปฏิบัติพระกรณียกิจของพระราชินีและสมาชิกของราชวงศ์ทุกพระองค์
และยังครอบคลุมถึงค่าบำรุงรักษาพระราชวังส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์วินด์เซอร์ด้วย เช่น พระราชวังเซนต์เจมส์ พระราชวังเคนซิงตัน พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ต และพระราชวังวินด์เซอร์ รวมถึงค่าจ้างข้าราชบริพารภายในวัง
เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลกำไรจากการบริหารงานของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้ออกดอกผล
แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระราชินี แต่เป็นของตำแหน่งประมุขของสหราชอาณาจักร ทำให้พระราชินีไม่สามารถบริหารจัดการหรือขายทรัพย์สินส่วนนี้แบบส่วนตัวได้
พระราชบัญญัติเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ 2011 (Sovereign Grant Act 2011) กำหนดไว้ว่า ถ้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีผลกำไรลดลง พระราชินีจะยังได้รับเงินจำนวนเท่าเดิมกับปีก่อนหน้า
ที่มา: Independent
ในทุก ๆ ปีจะมีการเปิดเผยบัญชีรายจ่ายของพระราชินีเพื่อความโปร่งใส
ปี 2021 ที่ผ่านมา ได้รับรายได้ประจำปีจากรัฐบาลหรือเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเงิน 87.5 ล้านปอนด์ (3,889 ล้านบาท)
ส่วนปี 2020 เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ที่ 85.9 ล้านปอนด์ (3,823 ล้านบาท) เทียบเท่ากับ 1.29 ปอนด์ (57.42 บาท) ต่อพลเมือง 1 คนในสหราชอาณาจักร
ในช่วงก่อนปี 2017 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 จะได้รับเงินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 15% ของผลกำไร แต่หลังจากคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์พูดคุยกันแล้วว่า นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไปจะได้รับเพิ่มขึ้นเป็น 25% ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี
เหตุผลก็เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมพระราชวังบักกิงแฮมที่ต้องใช้งบประมาณ 369 ล้านปอนด์ นั่นเอง
แต่ถ้าปีไหนที่เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์เหลือก็จะถูกเก็บเข้าสะสมในกองทุนสำรอง อย่างเดือน มี.ค. 2020 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สามารถทำกำไรจากทรัพย์สินต่าง ๆ ไปได้ 345 ล้านปอนด์
อย่างที่พี่ทุยบอกไปว่า เงินที่พูดมาก่อนหน้านี้จะไม่ใช่เงินส่วนตัวของพระราชินี แต่สิ่งที่เป็นเงินส่วนตัวจริง ๆ เรียกว่า รายได้ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่ (Privy Purse) นั้นจะไม่เกี่ยวกับเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ และพระราชินีต้องจ่ายภาษีจากรายได้ส่วนนี้ด้วย ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระองค์แห่งแลงคาสเตอร์
ในปี 2020 รายได้ของพระราชินีในส่วนนี้มาจากที่ดินในครอบครองมากกว่า 18,000 เฮกเตอร์หรือประมาณ 112,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในแลงคาสเตอร์ ยอร์กเชียร์ ไปจนถึงสนามม้าแอสคอตในเบิร์กเชียร์ รวมถึงอสังหาฯ ในลอนดอนอีกหลายแห่ง ส่วนปราสาทซานดริงแฮม และปราสาทบัลมอรัล (สถานที่สวรรคต) ก็เป็นทรัพย์สินส่วนตัว
ที่มา: Evening Standard
ในช่วงโควิด-19 รายได้ของราชวงศ์อังกฤษลดลงมั้ย ?
ข้อมูลจาก The Guardian บอกว่าในปี 2019-2020 เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์อังกฤษลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากรายได้ที่หายไปของการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากไม่มีการซื้อขายหรือเช่าที่ดินและอาคาร ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของราชวงศ์ในปี 2020 ลดลงไป 552.5 ล้านปอนด์ (22,100 ล้านบาท)
ที่มา: AV Magazine
จากที่ผ่านมานั้น สัดส่วนรายได้ของสำนักงานทรัพย์สินฯ มาจากค่าเช่าพื้นที่เป็นอาคารสำนักงานในลอนดอนมากถึง 52% ทำให้ในปี 2021-2024 เงินรายได้ของราชวงศ์จะลดลงปีละ 15 ล้านปอนด์ (602.77 ล้านบาท)
นอกจากนี้สำนักงานจัดการทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์จะได้รับเงินงบประมาณลดลง 20 ล้านปอนด์ (80 ล้านบาท) ส่วนงบประมาณปรับปรุงพระราชวังบักกิงแฮมจะอยู่ที่ 369 ล้านปอนด์ (14,760 ล้าน) ซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษและราชวงศ์ได้จัดสรรงบประมาณไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2016
“ราชวงศ์อังกฤษ” เคยถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสหรือไม่ ?
ถึงแม้ว่าการเปิดเผยทรัพย์สินจะดูโปร่งใส แต่ก็มีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ถูกตั้งคำถาม เช่น ในปี 2020 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ใช้งบประมาณ 210,345 ปอนด์ (8.4 ล้านบาท) ในการเดินทางไปยังโอมาน เพื่อแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของสุลต่านกอบูส บิน ซะอีด อัสซะอีด แห่งราชวงศ์โอมาน
หรือค่าเดินทางของเจ้าชายแอนดรูว์ที่เดินทางไปยัง ‘กอล์ฟ คลับ’ ทางตอนเหนือของไอร์แลนด์ รวมถึงค่าเครื่องบินส่วนตัว เมื่อเดือน ก.ค. 2019 เป็นเงินถึง 15,848 ปอนด์ (633,920 บาท) และยังมีค่าเครื่องบินส่วนตัวของเจ้าหญิงแอนน์ในการเข้าชมรักบี้ นัดระหว่างอิตาลีและสกอตแลนด์ที่โรม เมื่อเดือน ก.พ. 2020 เป็นเงินถึง 16,440 ปอนด์ (657,600 บาท)
สรุปแล้วประชาชนอังกฤษเสียภาษีให้ “ราชวงศ์อังกฤษ” มากแค่ไหน ?
ในปี 2017 เซอร์อลัน รีด (Alan Reid) ผู้ดูแลสำนักงานจัดการทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์บอกว่า ถ้าลองดูบัญชีรายรับรายจ่ายแล้ว จะพบว่า ชาวอังกฤษเสียภาษีเพื่อถวายเป็นเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์เพียงคนละ 65 เพนนีต่อปี (28 บาท) เท่านั้น
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับการไปซื้อแสตมป์ 1 ดวงเท่านั้น เรียกว่าเป็นภาษีที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับพระราชกรณียกิจที่ทำเพื่อประเทศและประชาชนตามแนวคิดของราชวงศ์
ที่มา: The Korea Herald
อ่านเพิ่มเติม