พี่ทุยเชื่อว่าการแต่งงานต้องเป็นงานในฝันของใครหลายคน แต่รู้กันหรือไม่ว่าการจัดงานแต่งมีรายละเอียดและ “ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน” เยอะมาก ๆ เลย วันนี้พี่ทุยจึงมีเรื่องราวดี ๆ มาฝากกัน เพื่อให้คู่บ่าวสาวเตรียมตัวและวางแผนการเงินได้อย่างถูกต้องเพื่อที่จะได้ให้งานออกมาดีและถูกใจมากที่สุด ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้มาจากการสอบถามจากคู่ที่เคยแต่งงานแล้ว และเกิดจากการรวบรวมข้อมูลของพี่ทุยนั่นเอง
แล้ว “ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน” ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลย..
เริ่มต้นกันที่ ค่าดูฤกษ์ยาม เพื่อหาวันมงคล
ก่อนอื่นเลย พี่ทุยแนะนำว่าให้เริ่มต้นหาฤกษ์หาวันให้ได้ก่อน เพราะการจองอย่างอื่น ๆ จะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อระบุวันที่แน่นอนได้แล้ว ซึ่งอาจจะต้องเลือกตั้งแต่ต้นด้วยว่าจะจัดงานหมั้นสวมแหวนกับงานฉลองสมรสวันเดียวกันเลยหรือจะแยกวัน ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป (ซึ่งแน่นอนว่าพี่ทุยจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายอีกทีนะ)
ส่วนใหญ่แล้วการหาวันก็มักจะให้พระที่นับถือดูฤกษ์ให้ หรือถ้าแบบจีนก็จะไปดูตามสำนักต่าง ๆ การไปดูแบบนี้ก็มี “ค่าใช้จ่าย” อยู่นะ เท่าที่พี่ทุยสืบมาในกรุงเทพฯ ก็จะอยู่ราวๆ 3,000 บาท
ต่อมา เมื่อกำหนดวันได้แล้ว พี่ทุยอยากให้รีบจองโรงแรมหรือสถานที่จัดงานก่อนเลย เพราะวันที่ฤกษ์งามยามดีสำหรับเรา มันก็เป็นวันดีสำหรับคนอื่นเหมือนกัน เดาว่าน่าจะมีตำราคล้ายกัน (ฮ่า) ในส่วนของสถานที่พี่ทุยขอแยกรายละเอียดเป็น 2 งานแล้วกันนะ คือ “งานเช้า” และ “งานเย็น” ถึงแม้ว่าบางทีจะเป็นการจัดงานฉลองกันตอนกลางวัน แต่พี่ทุยจะเรียกว่างานเช้าและงานเย็นก็แล้วกันเนอะเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น พี่ทุยขอเริ่มที่งานเช้ากันก่อนเลย..
งานเช้าหรือพวกพิธีหมั้นสวมแหวน รดน้ำสังข์ ยกน้ำชา ต่าง ๆ โรงแรมส่วนใหญ่ก็จะจัด Package ไว้ให้เราได้เลือกสรร ซึ่งใน Package แต่ละที่ก็มีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ก็จะคิดค่าพิธีการ ไม่ว่าจะเป็นยกน้ำชาหรือรดน้ำสังข์อยู่ที่ 30,000-50,000 บาท รวมเวทีแบบมาตรฐานมีฉากหลังเป็นผ้า มีเก้าอี้สำหรับแขก มีอุปกรณ์ให้ เช่น พานแหวน ดอกไม้ติดอก สายกั้นประตู
ซึ่งสายกั้นประตูนี้ ถ้าให้โรงแรมจัดการเพิ่มเติมให้ จะคิดเส้นละ 500 บาท (ถ้าเราหาเองน่าจะได้ถูกกว่าเยอะมาก) และสำหรับบางคู่หากจะจัดทั้งยกน้ำชาและรดน้ำสังข์อาจต้องจ่ายเพิ่ม 5,000 บาท
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่แล้วโรงแรมทุกที่จะบังคับให้เราสั่ง Coffee Break ตามจำนวนแขก ซึ่งก็แล้วแต่ที่อีกเช่นกัน บางที Coffee Break ก็มีแค่ชากาแฟ ขนมปังนิดหน่อย ๆ ถ้าแบบนี้จะอยู่ที่หัวละประมาณ 200 – 250 บาท แต่บางที่ก็อาจจะเป็นลักษณะของอาหารเช้าเลย เพราะมีทั้งข้าวต้ม ติ่มซำ ของหวาน ถ้าเป็นประมาณนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หัวละ 700 – 900 บาท
อีกข้อที่คู่บ่าวสาวต้องสอบถามให้ชัดเจน คือ ค่านำเข้าต่าง ๆ (อาจจะงงกันแน่นอนว่ามันคืออะไร) อย่างที่บอกไปว่าค่าจัดงานที่เราจ่าย เราจะได้แค่เพียงเวทีแบบมาตรฐานเท่านั้น หากเราจะนำทีมงานเข้ามาตกแต่งสถานที่เพิ่มเติม บางโรงแรมก็มักจะชาร์จเพิ่มโดยเรียกว่าค่านำเข้า มีตั้งแต่ 10,000 – 20,000 บาทเลยนะ
ดังนั้น ในส่วนของงานเช้าเวลาที่เราไปดู Package ของโรงแรม พี่ทุยแนะนำว่าให้ถามแบบละเอียด (ในแบบราคาที่รวมทุกอย่างแล้ว) เพราะบางที่เปิดราคามาถูกมาก ๆ แต่พอบวกไปบวกมาแพงกว่าซะงั้น พี่ทุยจึงขอสรุปอีกทีว่า งานเช้าเท่าที่โรงแรมเสนอราคามา สิ่งที่เราควรจะต้องดูเลย คือ
1. ค่าจัดงานพิธี และมีอุปกรณ์ใดบ้างที่โรงแรมมีให้
2. ค่า Coffee Break
3. ค่านำเข้าต่าง ๆ
ที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่าลืมทวงถาม “ของแถม” ด้วยนะ บางทีเค้าก็จะให้ห้องพักเพิ่มเติม รวมถึงห้องที่ใช้แต่งหน้าสำหรับญาติ ๆ และเพื่อนเจ้าสาว ซึ่งราคารวมทุกอย่างแล้ว โดยเฉลี่ยของโรงแรมในกรุงเทพสำหรับแขก 80 ท่านจะอยู่ประมาณ 60,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับความชอบในสถานที่และอาหาร พี่ทุยแนะนำว่าลองไปคุย ๆ กับหลาย ๆ ที่เราจะเห็นภาพมากขึ้น
ก่อนจะไปถึงงานเย็น พี่ทุยขอเพิ่มรายละเอียดของงานเช้าอีกนิดนึง จริง ๆ แล้วตามที่พี่ทุยได้เล่าไป จะเห็นว่างานเช้ามันก็คือ งานพิธีการต่าง ๆ นั่นแหละ คนส่วนใหญ่ที่ต้องการความเป๊ะในเรื่องลำดับพิธีการก็มักจะจ้าง “ออแกไนเซอร์ (Organizer)”
ซึ่งคนเหล่านี้มักจะทำหน้าที่ในการดูแลให้งานออกมาราบรื่นไม่มีสะดุด คอยติดต่อประสานงาน การเข้าพื้นที่ตกแต่ง เรียนเชิญประธาน รวมถึงเป็นพิธีกรเรื่องงาน พิธีลำดับขั้นตอนต่างๆ ทีมรันคิวในงานเช้าเนี่ยก็มักจะมากัน 3 – 4 คน (รวมพิธีกร) เท่าที่พี่ทุยประเมิน ถ้าแขกงานเช้าไม่เกิน 100 คน ทีมงานจะคอยช่วยจัดอุปกรณ์ เตรียมสคริปท์งาน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 15,000 บาท อันนี้ก็แล้วแต่คนเลยนะ คู่ไหนที่ต้องการความเป๊ะก็มักจะจ้างเพื่อความสะดวกสบาย หรือคู่ไหนไม่ซีเรียสมาก ก็ใช้ถามจากญาติผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่ได้เป๊ะเท่ามืออาชีพแต่ก็ประหยัดได้มากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีค่า “ความสวยงามและความหล่อ” ของคู่บ่าวสาวอีก ซึ่งมีรายละเอียดตั้งแต่
1. ค่าชุด เจ้าบ่าว-เจ้าสาว
2. ค่าแต่งหน้าทำผม ซึ่งพี่ทุยบอกเลยว่าสำหรับการแต่งหน้านั้น เดี๋ยวนี้ถ้าเป็นช่างตัวท็อปที่มีชื่อเสียง ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปีเลยนะ
อันนี้ก็เป็นอีกข้อที่พี่ทุยอยากให้รีบจองเช่นกัน เพราะช่างดัง ๆ ที่เราอยากได้ก็มีจำกัด และมีน้อยกว่าโรงแรมสถานที่จัดซะอีก ราคาก็มีตั้งแต่ 5,000 ถึง 60,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งราคานี้มักจะรวมค่าแต่งหน้าทำผมของทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ส่วนใหญ่แล้วเจ้าบ่าวก็คงแต่งให้นิด ๆ หน่อย ๆ คงไปหนักที่เจ้าสาวมากกว่า
แต่ส่วนใหญ่ ถ้าราคากลางๆ อารมณ์แบบมีชื่อระดับหนึ่งแต่ยังไม่พีคมาก ก็มักจะอยู่ประมาณ 25,000 บาท นอกจากนี้พี่ทุยอยากให้สอบถามราคาแต่งหน้าญาติด้วย ส่วนใหญ่ราคาก็จะตกอยู่ที่คนละ 1,500 – 3,000 บาท
ส่วนในเรื่องชุดที่ใช้อันนี้บอกเลยว่าหลากหลายมากจริง ๆ ส่วนใหญ่แล้วเจ้าบ่าวเนี่ยก็จะง่ายหน่อย หากเลือกจะใส่สูทก็จะมี Option ให้เลือกตั้งแต่เนื้อผ้า สั่งตัด วัดสัดส่วนใหม่ หรือเอาแบบสูทสำเร็จ
พี่ทุยขอยกตัวอย่างร้านที่มีสาขาเยอะ ๆ ตามห้างเจ้าหนึ่งแล้วกัน ราคาแบบเนื้อผ้าวูล 50 % (วูลยิ่งเยอะยิ่งแพง) และเป็นแบบสั่งตัดวัดสัดส่วน ราคาจะอยู่ที่ 7,900 บาท (ยังไม่รวมเสื้อเชิ้ต) หากเลือกเป็นวูล 100% ราคาจะกระโดดไปอีกขั้นนึงเลย ซึ่งจะเริ่มต้นที่ 14,000 บาทเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตอีกประมาณ 2,000 บาท โบว์หูกระต่ายหรือเนกไทค์อีกไม่เกิน 1,000 บาท หรือถ้าอยากประหยัดในส่วนนี้ การเช่าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งราคาค่าเช่าอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 5,000 บาท
ทีนี้มาดูฝั่งเจ้าสาวกันบ้าง ส่วนใหญ่แล้วงานเช้า เจ้าสาวมักจะใส่ชุดที่ไม่ยาวมากนักและไม่นิยมใส่เกาะอก เนื่องจากต้องมีการก้มกราบ ต้องมีการรับไหว้ จึงมักจะเลือกชุดที่มีความคล่องตัวระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่หากไม่ใส่ชุดไทยหรือชุดจีนก็มักจะเลือกเป็นลายลูกไม้สีขาวกันอยู่ดี
ซึ่งหากสั่งตัดผ้าลูกไม้เนี่ยก็มักจะมีราคาที่สูงมาก ราคาจะขึ้นกับคุณภาพของผ้า หากเป็นผ้านำเข้าอย่างดี ราคาจะสูงกว่า 50,000 บาท (แต่ถ้าเลือกเป็นการเช่าที่เป็นลูกไม้ ราคาก็ยังสูงอยู่ ที่ประมาณ 20,000 บาท)
หากเป็นแบบชุดราตรีธรรมดา ราคาเช่าก็จะถูกกว่านี้มาก แต่อาจไม่ตรงธีมเจ้าสาวมากนัก ถามว่าราคาต่ำกว่านี้มีมั้ย พี่ทุยก็ว่ามีแหละแต่อาจจะต้องไปดูหลายร้านหน่อย และสิ่งสำคัญเวลาที่เราไปเลือกหาชุดเช่าเนี่ย เราต้องดูการทำความสะอาดและการเก็บรักษาชุดด้วยนะ บางเจ้าที่พี่ทุยเห็นราคาถูกก็จริง แต่ชุดสีขาวดันมีรอยเปรอะ แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
อีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้เสื้อผ้าหน้าผม ก็คือ “ช่างภาพ” อันนี้สำคัญมาก พี่ทุยอยากบอกว่าช่างภาพงานแต่งไม่ได้ง่ายนะ ส่วนตัวพี่ทุยแนะนำให้ใช้มืออาชีพที่เคยมีผลงานถ่ายงานแต่งงานมาก่อน เนื่องจากช่างภาพงานแต่งต้องทำให้ทุกคนในภาพออกมาดูดี ช่างภาพงานแต่งมักจะต้องมีทริคในการดึงดูดความสนใจของทุกคน มักจะต้องหามุมในการถ่ายภาพระหว่างพิธีการ ซึ่งราคาจะมีตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาทเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่แล้ว ช่างถ่ายภาพมักจะมากันเป็นทีม 3 คน ได้แก่ ช่างภาพ 2 คน ผู้ช่วย 1 คน ช่างภาพจะคอยติดตามคู่บ่าวสาว 1 คน และอีกคนทำหน้าที่เก็บภาพคนในงาน ส่วนผู้ช่วยก็คอยถือไฟเพื่อให้ภาพออกมาสวยงาม ราคาประมาณนี้ช่างภาพจะอยู่ภายในงานประมาณ 5 ช.ม. และทำการตกแต่งภาพที่สวย ๆ ให้ประมาณ 100 รูป ที่เหลือจะไม่ได้แต่งอะไร ส่วนใหญ่แล้วเจ้าที่พอมีชื่อเสียง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท อันนี้พี่ทุยแนะนำให้เข้าไปดูผลงานตาม IG ว่าถ้าเราชอบสไตล์ไหน ก็สามารถเลือกได้เลย
แต่ราคาที่พี่ทุยบอกนี้ ยังไม่ได้รวมค่าช่างภาพวิดีโอนะ ถ้าใครอยากจะเก็บบรรยากาศงานเช้าไปใช้เป็น Presentation ในงานเย็นต่อ ก็ต้องจัดทีมช่างวิดีโอแยกอีกต่างหาก ราคาก็จะพอๆกันเลย มีตั้งแต่ 10,000 – 35,000 บาท ราคานี้ขึ้นอยู่กับจำนวนช่างกล้องที่เราอยากให้เค้าตามมาจับภาพ รวมถึงการเก็บภาพบรรยากาศแขกในงาน ซึ่งยิ่งจำนวนช่างกล้องที่มากก็สามารถเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นตามไปด้วย
และสุดท้ายคืออุปกรณ์ในขบวนขันหมาก อันนี้ก็มักจะเป็นอีก 1 อย่างที่คู่บ่าวสาวต้องหามาเพิ่มเอง ตั้งแต่พี่ทุยไปสืบราคามายังไม่เห็นมีโรงแรมไหนมีชุดขันหมากรวมใน Package เลย เนื่องจากว่าขันหมากเนี่ยมันก็มีทั้งแบบไทยและแบบจีน ความยาวของขบวนก็ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าคู่ไหนจะเชิญแขกมามากน้อยแค่ไหน รวมถึงมันมีของสดด้วยอย่างแบบจีนเนี่ยมันก็จะมีกล้วย มีส้มเช้ง มีขนมจีนหลายอย่างเลย มันเลยยากสำหรับโรงแรมที่จะมาเตรียมให้
เท่าที่พี่ทุยสืบราคามาถ้าเป็นแบบจีน ชุดมาตรฐานขั้นต่ำที่มีผ้าห่อสินสอด ส้มเช้ง กล้วย ชุดเอี๊ยม ราคาจะอยู่ราว ๆ 10,000 บาท แต่ถ้าจะรวมพวกพิธีส่งตัวที่จะมี ตะเกียง ตู้เซฟ กระเป๋าแดง ราคาก็จะอัพขึ้นอีกเป็นประมาณ 15,000 -20,000 บาท หรือถ้าเป็นแบบไทยพวกพานต่าง ๆ จะอยู่ราว ๆ 3,000 บาท แต่ถ้ารวมพวกของสด จำพวกกล้วย และขนมมงคล ราคาจะอยู่ประมาณ 10,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้าง เชื่อพี่ทุยหรือยังว่ารายละเอียดงานแต่งมันมีเยอะมากจริง ๆ ตามที่พี่ทุยได้เล่าไปอันนี้คือมาตรฐานเท่าที่ต้องมี ซึ่งพี่ทุยทำสรุปเป็น Checklists เอามาให้แล้วเรียบร้อยตามตารางด้านบนนี้เลย
รวมค่าใช้จ่ายแบบไม่ตกแต่งสถานที่ (ไม่คิดค่านำเข้า) ก็เกือบ 3 แสนบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าสินสอด ค่าซองต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมไว้เผื่อแจกเพื่อนที่มากั้นประตู ค่าของรับไหว้ที่ต้องให้ตอบแทน โดยส่วนมากก็จะใช้เป็นชุดผ้าขนหนู (ราคาประมาณชุดละ 300 – 500 บาท) ค่าทำการ์ดงานเช้าตกใบละประมาณ 15 – 20 บาท (เพราะสั่งจำนวนไม่มากจะราคาสูง) ค่าผ้าที่จะเอาให้เพื่อนเจ้าสาวไปตัดชุด หรือสมัยนี้ก็นิยมที่จะเป็นชุดไปเลย ราคาประมาณชุดละ 800 – 1,000 บาท ค่าแต่งหน้าของญาติ ซึ่งราคาพวกนี้พี่ทุยยังไม่รวมให้เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยว่าจะมีเพื่อนเจ้าสาวกี่คน จะมีคนมารับไหว้กี่คู่ พี่ทุยเลยบอกแค่ราคาคร่าว ๆ ให้ลองไปคำนวณเพิ่มกันเอาเอง และที่สำคัญยังไม่รวมเลี้ยงอาหารกลางวัน หากเลี้ยงด้วยราคาก็อาจจะบวกเข้าไปอีกประมาณ 70,000 – 100,000 บาท เลยทีเดียว
ทั้งนี้ราคาที่พี่ทุยบอกไปเป็นการจัดงานที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับงานเช้า แขกประมาณ 80 คน เสื้อผ้า หน้าผม มาเต็มระดับหนึ่งเลย เพราะเลือกช่างภาพและช่างแต่งหน้าแบบมีชื่อ แต่ยังไม่ได้ตกแต่งสถานที่เพิ่ม หากตกแต่งเพิ่มสำหรับงานเช้าก็น่าจะบวกเพิ่มไปอีก 35,000 – 60,000 บาท (รวมค่านำเช้า)
อย่างที่พี่ทุยบอกไปว่า หากถามว่าถูกกว่านี้มีมั้ย มีแน่นอน เพราะอันนี้เป็นแค่ราคากลาง ๆ ที่พี่ทุยเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างจะได้เห็นภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญ คือ พี่ทุยอยากให้วางแผนกันก่อนและกำหนดงบประมาณที่จะใช้สำหรับงานเช้าแล้วเลือกตามกำลังทรัพย์ที่มี บางคู่ที่พี่ทุยเห็นจัดงานเช้าครั้งนึงหลักล้านบาทก็มี และอีกข้อคือ รายละเอียดของการจัดงานมีเยอะมาก และไม่มีราคามาตรฐานสักเท่าไหร่ เราต้องเทียบให้ดี เอาแบบหมัดต่อหมัด ปอนด์ต่อปอนด์กันไปเลย
ครั้งหน้า EP2 พี่ทุยจะมีรายละเอียดของ “งานเย็น” มาฝากกัน หลายคนอาจสงสัยว่าจัดแบบ Cocktail หรือโต๊ะจีนแบบไหนราคาเป็นอย่างไร รวมถึงการจัดงานฉลองจะต่อจากงานหมั้นเลยมั้ย อันนี้พี่ทุยก็จะมาตอบตอนหน้าเหมือนกันนะ พี่ทุยจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียดอีกที รวมถึงรายละเอียดของการพิมพ์การ์ดเชิญและการตกแต่งสถานที่ ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานเย็น สำหรับ “ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน” นั้นจะกลายเป็น
“ครั้งเดียวในชีวิตหรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
ประโยคนี้มันอยู่ที่เราให้คุณค่าไปกับมัน และอยู่ที่เราเลือก เราเลือกได้ว่าจะให้เป็นแบบไหน แต่ที่แน่นอนว่า ถ้าเราอยากจะใช้เงินให้คุ้มค่าก็จำเป็นที่ต้องรู้จักวางแผนการเงินนั่นเอง
ปล. ราคาที่พี่ทุยหามาให้ดูเป็นเพียงตัวอย่างคร่าว ๆ จากหลากหลายแหล่งไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ห้องเสื้อ ช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ยังมีตัวเลือกอีกเยอะ ถ้าใครมีราคาที่ถูกและคุณภาพดี สามารถมาแนะนำให้คนอื่น ๆ ได้ใช้บริการกันได้เลย!
Comment