แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 เป็นยังไงบ้าง ? ควรซื้อดีมั้ย

แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 เป็นยังไงบ้าง ? ควรซื้อดีมั้ย

4 min read  

ฉบับย่อ

  • ปี 2567 นี้ มีปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำที่ต้องจับตา คือ นักลงทุนคาดหวังเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนิ่มนวล ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งการซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของธนาคารกลางต่าง ๆ และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยที่ยังมีอยู่
  • หากเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนิ่มนวล ราคาทองคำอาจจะทรงตัวหรือปรับลดลงได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจถดถอยจะกลายเป็นผลดีกับราคาทองคำ โดยราคาทองคำอาจจะทำสถิติสูงสุดใหม่
  • ING คาดการณ์ว่า ปี 2567 ราคาทองคำจะอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ต่อไป  โดยราคาเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 2,031 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  • เดือน ม.ค. 2567 มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นราคาทองคำปรับขึ้น หากเป็นไปตามสถิติในอดีตที่จัดเก็บมาตั้งแต่ปี 2514 ซึ่งพบว่า 60% ของช่วงเดือน ม.ค. ราคาทองคำจะปรับขึ้น ส่วนปีที่ลดลงก็มี เช่น ปี 2564-2565 ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่มีผลให้ราคาทองคำขึ้นในเดือน ม.ค. ก็คือ ในเอเชียตะวันออกมีการเก็บสะสมทองคำเพิ่ม รองรับช่วงเทศกาลตรุษจีน

 


รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

‘มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่’ ประโยคนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ เพราะ ทองคำ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ก็ให้ความสนใจ และยังคงมีภาพลักษณ์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ในสายตานักลงทุนเสมอ เมื่อผู้คนยังเชื่อถือในมูลค่าของทองคำ แม้แต่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ก็ยังต้องมีทองคำไว้เป็นทุนสำรอง วันนี้พี่ทุยเลยมาวิเคราะห์ให้ฟัง แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 ว่าเป็นยังไง

แต่ราคาทองคำก็เคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตลอดเหมือนหุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ และบางช่วงราคาก็ผันผวนมากเสียด้วย ถ้าเลือกซื้อทองคำผิดเวลา ก็อาจจะได้ต้นทุนแบบติดดอย กว่าจะขายทองคำได้กำไร ก็ต้องรอราคาขึ้นมารอบใหม่เลยดอยไปก่อน

คำถามที่พี่ทุยได้ยินบ่อย ๆ ตอนนี้ก็คือ ปี 2567 ทองคำยังน่าลงทุนอยู่มั้ย ? ก่อนอื่นพี่ทุยขอสรุปก่อนว่าปี 2566 ตลาดทองคำโลก เจออะไรมาบ้าง

สรุปเหตุการณ์ในตลาดทองคำปี 2566

ก่อนอื่น พี่ทุยติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์สภาทองคำโลก หรือ World Gold Council ได้สรุปสถานการณ์ทองคำปี 2023 แบบสั้น ๆ ไว้ว่า เป็นปีที่สินทรัพย์อย่างทองคำมีความแข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังทำผลงานได้โดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ตราสารหนี้ และตลาดหุ้นส่วนใหญ่ โดยส่วนสำคัญก็มาจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ซึ่งถ้านับเฉพาะปัจจัยนี้ มีส่วนทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นถึง 3-6%

แม้กระทั่งทองคำฝั่งเงินบาท ก็ยังทำ All Time High ที่ 34,200 บาท วันที่ 20 ต.ค. 2023 เลย ​

ขณะที่ ความต้องการของฝั่งสถาบัน เช่น ธนาคารกลาง​ เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้ราคาทองคำอยู่เหนือความคาดหมายในช่วงมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา​ โดยในส่วนของปี 2023 คาดการณ์ว่า ความต้องการซื้อทองคำเป็นทุนสำรองของธนาคารกลาง มีส่วนทำให้ราคาทองคำปรับขึ้น 10% หรือมากกว่านั้น และคาดว่า การซื้อนี้ก็จะยังมีต่อไปในปี 2024 แม้ว่า แรงซื้ออาจไม่ได้สูงเท่ากับช่วงที่ผ่านมา แต่ก็คาดว่าจะทำให้ความต้องการทองคำอยู่เหนือระดับ 450-500 ตัน จึงเป็นแรงกระตุ้นตลาดเพิ่มเติมได้ 

แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 จาก ING

สรุปคาดการณ์ ราคาทองคำปี 2024 ของ ING

  • ไตรมาส 1 คาดว่าอยู่ที่ 1,975 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ไตรมาส 2 คาดว่าอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ไตรมาส 3 คาดว่าอยู่ที่ 2,050 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ไตรมาส 4 คาดว่าอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ทั้งปี คาดว่าอยู่ที่ 2,031 ดอลลาร์/ออนซ์

สรุปปัจจัยบวกและลบต่อ แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567

ทั้งนี้ ปี 2024​ มี 3 ปัจจัยที่สำคัญมากต่อราคาทองคำ ได้แก่ 

(-) ตลาดคาดหวังเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนิ่มนวล (Soft landing) ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับทองคำ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ จะทำให้ราคาทองคำทรงตัวไปจนถึงให้ผลตอบแทนเฉลี่ยค่อนข้างติดลบ

(+) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเลือกตั้งสำคัญในปี 2024 ที่จะเกิดขึ้นในหลายเขตเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป อินเดีย และไต้หวัน ทำให้นักลงทุนต้องบริหารความเสี่ยงของพอร์ตมากกว่าปกติ บวกกับ การซื้อทองคำเป็นทุนสำรองต่อเนื่องของธนาคารกลาง จะสนับสนุนราคาทองคำ ​

(+) ความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยยังมีอยู่ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ​ (Fed) จะพยายามประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ชะลอตัวแบบนิ่มนวล ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่เหนือระดับ 5% และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนต้องถือสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ เช่น ทองคำ

ในด้านของความต้องการซื้อทองคำนั้น มีทั้งที่มาจากฝั่งการบริโภค จากการซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับ และใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าอื่น ๆ และฝั่งการลงทุน ซึ่งประเด็นที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการของทั้ง 2 ฝั่งในปี 2024 มีดังนี้ 

การบริโภค

(+)​ เศรษฐกิจขยายตัว  (-) เศรษฐกิจชะลอตัว

การลงทุน

(+) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน (-) ต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือ Opportunity Cost ซึ่งมาจากการเลือกลงทุนทองคำ แล้วทำให้เสียโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ปรับตัวดีกว่า (+/-)​ โมเมนตัม ขึ้นอยู่กับราคาและสถานะการซื้อหรือขายทองคำในตลาด

สรุปปัจจัยบวกและลบต่อ แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567

ทั้งนี้ พี่ทุย ขอหยิบผลงานของทองคำในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะต่าง ๆ ในอดีตว่า จะเป็นอย่างไรกันบ้างมาให้ดูกันก่อน เริ่มที่กรณีเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนิ่มนวล ในภาวะแบบนี้จะเป็นประโยชน์กับตราสารหนี้และสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ส่วนทองคำนั้น จากสถิติที่เคยเกิดเศรษฐกิจชะลอตัว 2 ครั้ง ในช่วงเดือน ส.ค.​1984 – ส.ค. 1985 และช่วง พ.ค. 1995-พ.ค. 1996 พบว่า ผลตอบแทนของทองคำทรงตัวหรือปรับลดลง

สรุปปัจจัยบวกและลบต่อ แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567

ส่วนกรณีที่​เกิดสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย จะเป็นผลบวกกับราคาทองคำมากกว่า รวมทั้งเป็นบวกกับ​พันธบัตรรัฐบาลด้วย

เมื่อดูปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในปี 2024 กันแล้ว คราวนี้ พี่ทุยขอพามาลุ้นกันต่อว่า​ราคาทองคำปี 2024 จะเป็นอย่างไรบ้าง โดยในประเด็นนี้ ING ได้วิเคราะห์ไว้อย่างละเอียดว่า ราคาทองคำ ปี 2024 น่าจะอยู่เหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

สรุปมุมมอง แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 ของ ING 

ความกังวลว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะขยายวงกว้างมากขึ้น มีน้อยลง แต่ราคาทองคำก็ยังไปได้ดี ได้รับแรงสนับสนุนจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่จะลดลงในอนาคต  

นโยบายของ Fed จะยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มราคาทองคำในอนาคต โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าและการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลาง ที่มีผลต่อตลาดทองคำค่อนข้างมากในปี 2023 ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยที่สูง เป็นผลลบต่อทองคำ ก็คงจะไม่สูงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจาก​เงินเฟ้อและตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มชะลอความร้อนแรงลง

ตลาดคาดการณ์โอกาส 50% ที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. และคาดการณ์ว่าจะลดจริงในเดือน พ.ค. 2024 ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่วิเคราะห์ตลาดสหรัฐฯ ของ ING มองว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยเดือน พ.ค. 2024 โดยลดรวม 1.50% ในปี 2024 และลดลงอีก 1% ในปี 2025 ซึ่งจะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้น 

กองทุนรวมดัชนี (ETF) ทองคำ จะเริ่มมีเงินไหลกลับเข้ามาลงทุน หลังจากที่ปลายปี 2023 มีเงินไหลออกไปต่อเนื่อง​ แต่ทิศทางการไหลออกค่อย ๆ ลดลง ส่วนใหญ่มาจากการขายของกองทุนในยุโรป และส่วนหลักอื่นในอเมริกาเหนือ โดยใจนปี 2024 คาดว่านักลงทุนจะกลับมาสนใจลงทุนในโลหะมีค่า ทำให้เงินกลับมาไหลเข้าสุทธิ ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ​ ลดลง 

สถานะถือครองสุทธิในตลาดล่วงหน้า จะส่งผลต่อตลาดทองคำ โดยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือน ต.ค. 2023 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นท่ามกลาง ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส จากข้อมูลของตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ​COMEX พบว่า สถานะถือครองทองคำสิ้นเดือน ต.ค. เป็น net long positionings (ซื้อล่วงหน้าสุทธิ) +137% เทียบเดือน ก.ย. ​2023 แรงหนุนจาดสนับสนุนโดยความกังวลภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับสถานะ net long positionings ในปี 2019 และ ปี 2020 ก็ถือว่า ยังมีช่องว่างให้เพิ่มสถานะ net long ในปี 2024 ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นได้อีก 

ความต้องการทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางยังคงมีต่อเนื่อง โดยได้แรงผลักดันจากประเทศที่กังวลการถูกคว่ำบาตรสินทรัพย์ต่างประเทศของตัวเอง แบบรัสเซีย หลังจากสหรัฐฯ ​และยุโรป แช่แข็งไม่ให้รัสเซียนำสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในประเทศเหล่านั้นออกไปได้ ทำให้ต้องเพิ่มทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

ซึ่งปัจจัยนี้จะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นไปได้อีกในปี 2024 ทั้งนี้ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2023​ พบว่า ​ธนาคารกลางซื้อทองคำ +​337 ตัน  แรงซื้อสูงสุดมาจากจีน +78 ตัน โปแลนด์ +57 ตัน ตุรกี +39 ตัน และอินเดีย +9 ตัน ถ้าดูยอดซื้อสุทธิของธนาคารกลางจีน 11 เดือนปี 2023 อยู่ที่ +181 ตันแล้ว โดยทองคำคิดเป็น 4% ของทุนสำรอง เป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาทองคำยังขึ้นได้ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า 

เงินดอลลาร์อ่อนค่า เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ​ในปี 2024​จากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นของสหรัฐฯ ความเสี่ยงจากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง จะสนับสนุนความต้องการโลหะมีค่า

ING คาดว่า ราคาทองคำ จะทำระดับสูงสุดใหม่ในปี 2024 โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไตรมาส 4/2024 ส่วนค่าเฉลี่ยทั้งปี 2024 น่าจะอยู่ที่ 2,031 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากสมมติฐานว่า Fed เริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 เงินดอลลาร์อ่อนค่า ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำในระดับสูง 

ความเสี่ยงขาลงของราคาทองคำ จะมาจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ​และเงินดอลลาร์แข็งค่า ด้วยดอกเบี้ยที่สูงนานจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่านาน และราคาทองคำอ่อนตัว ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมือง จะเป็นความเสี่ยงขาขึ้นสำหรับตลาดทองคำในปี 2024 

ฮั่วเซ็งเฮงชี้ ราคาทองคำอาจทำสถิติสูงสุดใหม่ครึ่งแรกของปี 2024 

เมื่อหันมาดูมุมมองราคาทองคำของห้างค้าทองคำขนาดใหญ่ในไทย อย่าง ฮั่วเซ่งเฮง ก็คาดการณ์ว่า ในปี 2024 ราคาทองคำอาจจะทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ภายในครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่คาดว่าจะมีการปรับลดในช่วงกลางปี 2024 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่า Fed จะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงไว้นานกว่านั้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชะลอตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ไม่ได้พุ่งสูงมาก ทำให้คาดว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ​

ตามข้อมูลของ CME GROUP ผู้ดำเนินการตลาดอนุพันธ์ พบว่า นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสถึง 60% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.​2024 และการลดดอกเบี้ยน่าจะมีถึง 5 ครั้ง ตลอดปี 2024 และยังเป็นการลดดอกเบี้ยแบบรวดเร็ว ทำให้อัตราดอกเบี้ย Fed ลงไปอยู่ที่ระดับ 4.00-4.25% ในช่วงสิ้นปี 2024

อีกปัจจัย ก็คือ สงคราม ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้มีผลกระทบราคาทองคำ แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์อยู่ เพราะสงครามยังมีต่อไป ดังนั้นก็อาจจะยังเป็นแรงกดดันที่กระทบเศรษฐกิจทั่วโลกต่อ ส่วนสงครามอิสราเอล-ฮามาส ก็เป็นอีกประเด็น ที่แม้คาดการณ์ว่า จะอยู่ในวงจำกัด แต่การที่สหรัฐฯ สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือการทำสงครามในยูเครนและอิสราเอล ก็อาจส่งผลกระทบต่องบประมาณของสหรัฐฯ  

เพราะเวลานี้สหรัฐฯ ยังเผชิญปัญหาการขาดดุลงบประมาณอยู่ และหนี้สาธารณะก็พุ่งชนเพดานไปหลายครั้ง ทำให้ ฟิทซ์ เรตติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ​ ลงสู่ระดับ AA+ จาก AAA ส่วนมูดี้ส์ ก็ประกาศปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ สู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” เนื่องจากมองว่า การขาดดุลการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ จะยังอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างมาก 

ด้วยปัจจัยนี้เอง ก็อาจมีผลให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ ในทุนสำรองลง และอาจมีผลทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าในระยะยาว ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองคำในระยะยาว โดยสรุปแล้ว ราคาทองคำจะเป็นขาขึ้น เพียงแต่อาจมีแรงเทขายระยะสั้น  

ต้นปี 2024 ราคาทองคำจะขึ้นรึเปล่า

พี่ทุยเชื่อว่า หลายคนก็คงใจร้อน อยากจะดูระยะใกล้ ๆ กันแล้วว่า ต้นปี 2024 ที่จะถึงนี้ ราคาทองคำจะเป็นยังไง 

ถ้าดูจากข้อมูลที่นักวิเคราะห์ของสภาทองคำโลกประเมินไว้ เกี่ยวกับสถานการณ์ Januanry effect หรือการปรับขึ้นในเดือน ม.ค. ของราคาทองคำ ก็พบว่า นับตั้งแต่ปี 1971 เป็นต้นมา ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.79% ในเดือน ม.ค. ซึ่งมากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยรายเดือนที่ประเมินในระยะยาว และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวกเกือบ 60% ของระยะเวลาทั้งหมดที่เก็บสถิติไว้ และสถิตินี้เพิ่มขึ้นเป็น 70% เมื่อนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา 

สิ่งที่ทำให้ราคาทองคำทำผลงานแข็งแกร่งในเดือน ม.ค. ในอดีต เป็นผลมาจากกการปรับพอร์ตลงทุนที่มักจะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. รวมทั้งเป็นการตอบรับกับช่วงเวลานี้ที่ปกติ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงจะอ่อนตัวลง ขณะเดียวกันยังเป็นผลมาจากการเก็บสะสมทองคำเพิ่มในเอเชียตะวันออก เพื่อรองรับความต้องการในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย 

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าทุก ม.ค. ราคาทองคำจะปรับขึ้นเสมอไป เพราะก็มีบางปีที่ไม่เป็นเช่นนั้น อย่างเช่นในปี 2021-2022 ที่ทองคำให้ผลตอบแทนเป็นลบในเดือน ม.ค. เป็นผลมาจาก เงินดอลลาร์แข็งค่า 

ต้นปี 2024 ราคาทองคำจะขึ้นรึเปล่า

สุดท้ายนี้ ถ้าใครยังสงสัยว่า มีทองคำแค่ไหนในพอร์ตถึงจะเรียกว่า กำลังดี พี่ทุยขอหยิบคำแนะนำของสภาทองคำโลกมาอ้างอิงว่า กรณีที่เป็นพอร์ตลงทุนเสี่ยงปานกลาง วางสัดส่วนมาตรฐานเอาไว้คือ ลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์ทางเลือก 60% ลงทุนในตราสารหนี้และถือครองเงินสด รวม 40% การแบ่งเงินประมาณ 5-6% มาลงทุนในทองคำ ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยรักษาสมดุลให้พอร์ตลงทุนได้ดี 

เอาเป็นว่า ถึงแม้ทองคำจะมีโอกาสขึ้นได้ในปี 2024 แต่ถ้าอยากจะลงทุนในทองคำเพื่อรับโอกาสจากทองคำขาขึ้น ก็ไม่ใช่เอาเงินทั้งหมดมาทุ่มลงทุนกับทองคำอย่างเดียว ยังไงก็ตามการกระจายความเสี่ยง ลงทุนสินทรัพย์หลากหลายประเภทก็จำเป็นอยู่ดี เพราะความไม่แน่นอน คือเรื่องแน่นอนที่สุด

ราคาทองคำขึ้นหรือลงจากอะไร ?

พี่ทุยจะชวนมาวิเคราะห์กันว่า อะไรที่มีผลกับราคาทองคำบ้าง ซึ่งจากการรวบรวมก็พบว่า มีปัจจัยสำคัญๆ 4 เรื่อง คือ

1. นโยบายการเงินและดอกเบี้ย – ถ้าดอกเบี้ยต่ำ นโยบายการเงินผ่อนคลายมาก ๆ ทำให้มีสภาพคล่องในระบบสูง จนคนรู้สึกว่า มูลค่าเงินในมือนั้นลดลง คนก็จะสนใจซื้อทองคำ เพื่อหวังเก็บรักษามูลค่าเงินไว้

2. เงินเฟ้อ – โดยปกติแล้ว ตัวแปรที่มีผลกับเงินเฟ้อมาก ๆ ก็คือราคาน้ำมัน พอน้ำมันขึ้นไปสูง ก็จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ เพราะสินค้าตัวอื่น ๆ ก็จะขึ้นราคาไปด้วย แต่ก็เป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะมาจากสินค้าตัวอื่นได้

โดยรวมแล้ว พอมีภาวะเงินเฟ้อสูง ก็จะทำให้คนรู้สึกว่า มูลค่าเงินที่มีอยู่ในมือหายไป เช่น เคยซื้อบะหมี่หมูแดงกินในราคา ชามละ 30 บาท ยุคเงินเฟ้อพุ่ง หมูแพง แม่ค้าขอขึ้นราคาบะหมี่หมูแดงเป็น 40 บาท แปลว่า ถ้ามีเงินในกระเป๋าอยู่ 120 บาท เคยกินก๋วยเตี๋ยวได้ 4 ชาม ก็เหลือกินได้แค่ 3 ชาม เมื่อมูลค่าเงินในมือลดลงแบบนี้ ก็อาจรู้สึกว่าไปซื้อทองคำเก็บไว้ดีกว่า เพราะเชื่อว่า ทองคำช่วยรักษามูลค่าเงินได้

3. ค่าเงินดอลลาร์ เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลหลักที่ใช้ค้าขายกันทั่วโลก ซึ่งโดยปกติเวลาเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นักลงทุนจะรู้สึกว่า มูลค่าเงินในมือหายไป  ก็จะหันมาสนใจซื้อทองคำเพื่อเก็บไว้ เนื่องจากมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ในทางกลับกันถ้าเงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองคำก็จะลดลง

4. ความต้องการซื้อขายทองคำ – ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ความต้องการซื้อและขาย ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อราคา สมมติถ้าช่วงไหนคนอยากได้ทองคำไว้ครอบครองเยอะกว่าทองคำที่มีออกขายในตลาด ราคาทองคำก็ย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดา โดยความต้องการทองคำนั้น มาจาก 3 ส่วน คือ อุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ที่ต้องใช้ทองคำเป็นส่วนประกอบในการผลิต อุตสาหกรรมเครื่องประดับ และนักลงทุนที่เข้าไปซื้อเพื่อลงทุน

โดยรวมแล้ว ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อสูง เงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงความต้องการทองคำสูง ๆ สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยปกติ มีสงคราม มีวิกฤติโรคระบาด หรือเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งพี่ทุยคิดว่า ทุกคนน่าจะพอเห็นภาพนี้กันชัด ๆ แล้วในช่วงปี 2020 ที่โควิดเริ่มแพร่ระบาด

ราคาทองคำขึ้นลงจากอะไร แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567

5 ช่องทางการลงทุนทองคำ

1. ซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ

ช่องทาง : ร้านทอง, แอปพลิเคชันซื้อขายทองคำของร้านทองต่าง ๆ

เหมาะสำหรับใคร : หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน ควรซื้อในรูปแบบทองคำแท่งเพราะไม่มีค่ากำเหน็จเหมือนทองรูปพรรณ ขายได้ราคาสูงกว่า แต่หากต้องการซื้อเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับและลงทุนด้วย ก็ซื้อทองรูปพรรณได้

ในส่วนของทองคำแท่งปัจจุบันซื้อผ่านแอปพลิคันซื้อขายทองคำของร้านทองต่างๆ ได้ หากต้องการจะถอนเป็นทองคำ ก็สามารถไปรับที่ร้านทองได้

2. ออมทอง (การทยอยซื้อสะสมด้วยเงินทีละน้อย)

ช่องทาง : แอปพลิเคชันซื้อขายทองคำของร้านทองต่าง ๆ

เหมาะสำหรับใคร : ปัจจุบันร้านทองหลายแห่งจัดทำแอปพลิเคชันสำหรับซื้อขายทองคำ ซึ่งเปิดโอกาสให้ซื้อในรูปแบบออมทอง คือ ทยอยสะสมด้วยเงินทีละน้อยได้ เมื่อราคาปรับขึ้นไปก็สามารถขายทองคำที่สะสมไว้ได้ หรือจะรอถอนออกมาเป็นทองคำเมื่อซื้อครบสลึงหรือครบบาทก็ทำได้

3. ซื้อกองทุนรวมทองคำ

ช่องทาง : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)

เหมาะสำหรับใคร : เหมาะสำหรับคนที่มีเงินลงทุนไม่มาก สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำของ บลจ. ต่างๆ ได้ โดยกองทุนรวมทองคำของ บลจ.ต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง

4. ซื้อกองทุนรวม ETF ทองคำ

ช่องทาง : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

เหมาะสำหรับใคร : เป็นการลงทุนในกองทุนเปิดที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงราคาทองคำ ซึ่งสามารถซื้อขายกองทุน ETF ทองคำได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

5. เทรดสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)

ช่องทาง : ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX)

เหมาะสำหรับใคร : เป็นการลงทุนทองคำที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด เหมาะกับคนที่เข้าใจกลไกของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยผลตอบแทนจะมาจากการเก็งกำไรราคาในอนาคตที่คาดการณ์ไว้ ผ่านการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า 

วิธีการนี้ ใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่ว่ามีความเสี่ยงกำไรและขาดทุนได้สูงมาก ถ้าราคาสัญญาปรับลดลงมาต่ำกว่าหลักประกันที่มี ต้องวางเงินประกันเพิ่มเติม และถ้าปิดสัญญาไม่ได้จนถึงวันส่งมอบ ก็ต้องมีทองคำส่งมอบจริง

สุดท้ายนี้  การลงทุนมีความเสี่ยง กำไรได้ ขาดทุนได้ หากใครสนใจลงทุนทองคำ ก็ลองศึกษาดูว่าตัวเองเหมาะกับการลงทุนวิธีไหน แล้วก็อาจจะแบ่งเงินแค่ส่วนหนึ่งมาลงทุน ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตามหลักการลงทุนที่ดีแล้ว เราควรกระจายความเสี่ยง แบ่งเงินกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทหน่อย เวลาที่สินทรัพย์บางอย่างขาดทุน จะได้ยังมีสินทรัพย์อย่างอื่นในพอร์ตที่อาจจะมีกำไรอยู่ ช่วยให้มูลค่าพอร์ตลงทุนโดยรวมไม่ลดฮวบๆ ไปจนน่าตกใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม 

ทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% มาตรฐานทองคำที่นิยมซื้อขายกันในตลาดโลก

– ทองคำ 1 ออนซ์ เท่ากับ 31.1040 กรัม

ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% ทองคำมาตรฐานที่นิยมซื้อขายกันในประเทศไทย

– ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม

– ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย