รู้จัก Belt and Road Initiative (BRI) โครงการจีนเชื่อมโลก

รู้จัก Belt and Road Initiative (BRI) โครงการจีนเชื่อมโลก

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • BRI เป็นอภิมหาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จีนใช้เชื่อมโลก เป็นเหมือนภาคต่อของเส้นทางสายไหม โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศโครงการนี้ออกมาในปี 2013
  • แนวร่วมเส้นทาง BRI มีทั้งหมด 147 ประเทศ ส่วนเส้นทาง BRI จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ทางบก และทางทะเล 
  • การเปิดตัวโครงการ BRI ของจีน ทำให้สหรัฐฯ เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงในการรักษาเก้าอี้มหาอำนาจของโลก ถึงขั้นต้องไปจับมือประเทศที่เหลือในยุโรปและอเมริกา สร้างโครงการ Build Back Better World

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

สัปดาห์นี้ที่จีนมีงานประชุมนานาชาติในโอกาสฉลอง 10 ปี โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่จะเชื่อมเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ไว้ด้วยกัน แม้ว่าสปอร์ตไลท์จะส่องไปที่การปรากฎตัวของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ไม่ได้ปรากฎตัวในงานประชุมระดับนานาชาติบ่อยครั้ง แต่การที่ผู้นำหลายชาติเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เป็นสัญญาณ ก็ได้ตอกย้ำถึงผลกระทบอันมหาศาลของโครงการ BRI มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของจีนที่มีต่อทั่วโลก และยังแสดงให้เห็นถึงว่ารัฐบาลและภาคธุรกิจของจีนมีทรัพย์สินอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมากมายขนาดไหนด้วย วันนี้พี่ทุยเลยอยากจะชวนทุกคนรุ้จัก โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ให้มากขึ้น

โครงการ BRI นี้ เป็นนโยบายการลงทุนแบบข้ามทวีปในระยะยาวของจีน ที่มีเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ตลอดเส้นทางสายไหม หรือ Silk Road ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าในอดีตที่จีนวางรากฐานเอาไว้ และสร้างความมั่งคั่งให้จีนมาจนถึงทุกวันนี้

ได้ยินชื่อโครงการ BRI พี่ทุยคิดว่า หลายคนอาจไม่ติดหู แต่ถ้าพูดถึงชื่อเดิมของโครงการนี้ หลายคนอาจจะร้องอ๋อ เดิมที โครงการ BRI มีชื่อเก่าว่า One Belt One Road (OBOR) แปลตรง ๆ หรือโครงการหนึ่งเข็มขัดเศรษฐกิจ หนึ่งเส้นทาง แต่ถ้าเรียกตามที่คนไทยเข้าใจกันมากกว่าก็คือ “เส้นทางสายไหมใหม่” ซึ่งพี่ทุยมองว่า จะเรียกโครงการนี้เป็นภาคต่อของเส้นทางสายไหมก็ได้

จุดเริ่มต้นของ Belt and Road Initiative (BRI)

พี่ทุยขอสรุปที่มาของโครงการ BRI สั้น ๆ แบบนี้

  • ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เปิดตัวโครงการ BRI ในปี 2013
  • โครงการนี้เป็นนโยบายและแผนการลงทุนระยะยาวของจีน
  • เป้าหมายของโครงการคือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเร่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ตลอดแนวเส้นทางสายไหม (Silk Road) เดิมและเพิ่มเติมแนวเส้นทางใหม่ เพื่อเชื่อมโยงเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเข้าด้วยกัน 

ประเทศไหนเป็นแนวร่วมในเส้นทาง Belt and Road Initiative บ้าง

  • แอฟริกาใต้สะฮารา 43 ประเทศ
  • ยุโรป และเอเชียกลาง 35 ประเทศ
  • เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก 25 ประเทศ
  • ละตินอเมริกาและแคริบเบียน 20 ประเทศ
  • ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 18 ประเทศ
  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6 ประเทศ

รวม 147 ประเทศ 

พี่ทุยดูข้อมูลแล้วก็พบว่า โครงการ BRI เป็นการมัดรวมโครงการใหญ่ 2 ส่วนเข้าด้วยกัน ก็คือโครงการทางบกกับทางทะเล ดังนี้

โครงการ 2 ส่วนหลักในเส้นทางสายไหมใหม่

ทางบก

  • เส้นทางสายไหม 6 เส้นทางการพัฒนา
  1. สะพานเศรษฐกิจยูเรเซียใหม่ New Eurasian Land Bridge Economic Corridor (NELBEC)
  2. ระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย China – Mongolia – Russia Economic Corridor (CMREC)
  3. ระเบียงเศรษฐกิจจีน-เอเชียกลาง-เอเชียตะวันตก China – Central Asia – West Asia Economic Corridor (CCWAEC)
  4. ระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน China – Indochina Peninsula Economic Corridor (CICPEC)
  5. ระเบียงเศรษฐกิจบังกลาเทศ-จีน-อินเดีย-เมียนมา Bangladesh – China – India – Myanmar Economic Corridor (BCIMEC)
  6. ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน China – Pakistan Economic Corridor (CPEC)

ทางทะเล

  • เส้นทางสายไหมทางทะเล ศตวรรษที่ 21

ครอบคลุมทะเลจีนใต้ ช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย อ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ อ่าวเปอร์เซีย และทะเลแดง

  • เส้นทางสายไหมขั้วโลก Polar Silk Road

รู้จัก Belt and Road Initiative (BRI) โครงการจีนเชื่อมโลก

ความร่วมมือ 5 ด้าน ภายใต้โครงการ BRI

1. การประสานงานนโยบาย – ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐบาล แลกเปลี่ยนนโยบายมหภาคหลายระดับและกลไกการสื่อสารร่วมกัน

2. การเชื่อมโยงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ – ปรับปรุงการเชื่อมต่อกับแผนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบมาตรฐานทางเทคนิค

3. การค้าที่ไม่มีข้อจำกัด – ลดอุปสรรคทางการลงทุนและการค้า สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

4. การบูรณาการด้านการเงิน – ประสานงานและร่วมมือด้านนโยบายการเงิน การจัดตั้งสถาบันการเงิน

5. สร้างความผูกพันระหว่างคนกับคน – มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและวิชาการ รวมถึงการจัดเสวนา และความร่วมมือด้านสื่อ

ถ้าดูจากข้อมูลที่เล่ามานี้ พี่ทุยคิดว่า หลายคนน่าจะพอนึกภาพออกแล้วแหละว่า จีนเล่นใหญ่แค่ไหนสำหรับการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อกับประเทศในเส้นทางสายไหมใหม่ ซึ่งก็สร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังสหรัฐฯ มหาอำนาจของโลกไม่น้อย

ถึงขั้นที่สหรัฐฯ ไปผนึกกำลังกับประเทศอื่นในกลุ่ม G7 ทำโครงการ Build Back Better World (B3W) สนับสนุนเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศกำลังพัฒนา

10 ปีที่ผ่านมา จีนทำอะไรบ้าง

โครงการ BRI ได้ขยายการลงทุนจากเดิมที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงไฟฟ้าและทางรถไฟ เริ่มต้นด้วยเงินทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ไปสู่การลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ความมั่นคง และการพัฒนาที่ยั่งยืน จีนลงทุนในโครงการจำนวนกว่า 3,000 โครงการ ภายใต้ BRI

โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างจำกัดในการบรรลุเป้าหมายบางประการ เช่น การทำให้เงินหยวนเป็นสากล และการแก้ปัญหากำลังการผลิตล้นเกินของบริษัทจีน แต่จีนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลในด้านการค้า ข้อตกลงหลายฉบับทำให้จีนสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้มากขึ้น เช่น น้ำมัน ก๊าซ และแร่ธาตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโครงการ BRI มุ่งเน้นไปที่แอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง สินค้ามูลค่าประมาณ 19.1 ล้านล้านดอลลาร์มีการซื้อขายระหว่างจีนและกลุ่มประเทศ BRI ในทศวรรษที่ผ่านมา

สถาบันอเมริกันเอ็นเตอร์ไพรส์ (American Enterprise Institute: AEI) ระบุว่า 15 ประเทศที่ได้รับเงินลงทุนสูงสุดจากจีน ได้แก่ อินโดนีเซีย ปากีสถาน สิงคโปร์ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บังกลาเทศ เปรู ลาว อิตาลี ไนจีเรีย อิรัก อาร์เจนตินา และชิลี เรียกได้ว่า จีนส่งอิทธิพลไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก และในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ เคนยาก็เป็นอีกประเทศที่หวังจะได้รับเงินลงทุนจากจีน

ข้อมูลจาก AEI ยังระบุอีกว่า เงินลงทุนส่วนใหญ่จากโครงการ BRI มักถูกส่งไปยังประเทศที่รัฐบาลจีนมีแรงจูงใจทางยุทธศาสตร์อย่างแรงกล้าที่จะกระชับความสัมพันธ์ด้วย อย่างเช่น อินโดนีเซีย และปากีสถาน

ถ้านึกไม่ออกว่าโครงการ BRI มีอะไรบ้าง ก็ยกตัวอย่างเช่น เส้นทางรถไฟที่ สปป.ลาว ซึ่งเชื่อมต่อนครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว ไปยังคุนหมิง ในจังหวัดยูนนานของจีน เปิดให้บริการในปี 2021 ทางรถไฟสายนี้ช่วยลดเวลาการเดินทางจากเวียงจันทน์ไปยังชายแดนลาว-จีน เหลือเพียง 3 ชั่วโมง ทำให้ผู้โดยสารเดินทางถึงเมืองคุนหมิงได้ภายในวันเดียว

หรือจะท่าเรือพิราอุสในกรีซ ซึ่งมักจะถูกขนานนามว่าเป็น “หัวมังกร” แห่งยุโรป โดยท่าเรือแห่งนี้ รัฐวิสาหกิจของจีนมีสิทธิการควบคุมอยู่กว่า 60% และสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์จากเรือได้เป็นจำนวนมาก ๆ

โดยรวมแล้ว พี่ทุยมองว่า โครงการ BRI ของจีน หากดำเนินการสำเร็จ ก็จะทำให้จีนมีความแข็งแกร่งมากขึ้นแน่นอนในด้านการเป็นผู้นำทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก อีกทั้งจะลดทอนความสำคัญของสหรัฐฯ ในเวทีเศรษฐกิจโลกไปโดยปริยาย ซึ่งเราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า จีนจะเดินหน้าโครงการต่อไปอย่างไร เมื่อตอนนี้หลายประเทศเองก็เริ่มระวังจีน ที่จะเข้ามาแทรกแซงการเมืองเศรษฐกิจในประเทศผ่านการลงทุนและให้กู้

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile