ตอนนี้ เดินไปตามร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ป้ายที่พี่ทุยได้เห็นบ่อย ๆ เลยคือ เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ขอปรับราคาอาหารเพิ่ม แต่เงินในกระเป๋าพี่ทุยนี่สิ ยังเท่าเดิมเลย นึกแล้วก็เศร้าใจ วันนี้พี่ทุยเลยอยากชวนมาคุยเรื่อง “เงินเฟ้อไทย” เพราะนี่แหละเป็นตัวเลขที่บ่งชี้ว่า เรากำลังอยู่ในภาวะที่ข้าวของแพงขึ้น
ตัวเลขล่าสุดที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาก็คือ เงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค. 2565 +5.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมี.ค. 2564 ซึ่งตัวเลขการเพิ่มขึ้นแบบนี้ เราไม่ได้เห็นมานานกว่า 13 ปีแล้ว (ครั้งล่าสุดที่ได้เห็นคือ ก.ย. 2551 เงินเฟ้อทั่วไป +6.0%)
คราวนี้ พี่ทุยจะพามาแกะตัวเลขกันต่อว่า ที่เงินเฟ้อทั่วไปเดือน มี.ค. 2565 พุ่งแรงแซงโค้งแบบนี้ มาจากอะไรบ้าง
ถ้าดูจากข้อมูล จะเห็นว่า เหตุผลหลัก ๆ ที่เงินเฟ้อพุ่งพรวด ก็คือ ราคาพลังงานสูงขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ซึ่งปัจจัยสำคัญก็มาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อกันมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 2565 ที่ทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ไทย เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก และตอนนี้ก็โดนสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศพันธมิตรอื่นคว่ำบาตรอยู่
พอราคาน้ำมันขึ้น ก็จะมีผลต่อเนื่องไปถึงสินค้าอื่น ๆ ด้วย เพราะเดินทาง ก็ต้องใช้น้ำมัน ขนส่งสินค้าก็ใช้น้ำมัน ใช้ชีวิตอยู่บ้าน ทำงาน ก็ต้องใช้ไฟ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันหมด ดังนั้นน้ำมันจึงเป็นเหมือนตัวแปรที่ผลักดันให้ต้นทุนของสินค้าตัวอื่นขยับขึ้นเป็นเงาตามตัว
แนวโน้ม “เงินเฟ้อไทย” ในไตรมาสที่ 2
พอมองต่อไปข้างหน้า กระทรวงพาณิชย์ วิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อคงจะมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปอีกในไตรมาส 2 หรือช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2565 ปัจจัยหลัก ๆ ก็มาจากราคาน้ำมันเหมือนเดิม แล้วก็ยังมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการที่ทยอยปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มมา บวกกับข้อมูลเงินเฟ้อของไตรมาส 2 ในปี 2564 ไม่ได้สูงมาก ฉะนั้นพอปีนี้ของแพงขึ้น เอาไปเทียบกับฐานตัวเลขที่น้อยในปีก่อน ตัวเลขเงินเฟ้อต้องดูเพิ่มขึ้นเยอะแน่นอน
ส่วนปัจจัยที่จะมีผลกับเงินเฟ้อในระยะถัดไป ก็คือ
ดูแบบนี้แล้ว พี่ทุยคิดว่า เดินไปตามร้านอาหาร ร้านขายสินค้าและบริการอื่นๆ เราอาจจะได้เห็นป้ายขอปรับขึ้นราคา หรือไม่ก็เปลี่ยนป้ายราคาแพงขึ้นบ่อย ๆ แน่นอน ในช่วงไตรมาส 2 นี้ เรียกว่า ดีกรีเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น น่าจะร้อนแรงไม่แพ้อากาศเมืองไทยช่วงฤดูร้อนแน่นอน
คราวนี้ ลองดูกันว่าดีกรีเงินเฟ้อไทย เป็นยังไงถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในโลก
ถ้าดูจากตัวเลขแล้ว ก็จะพบว่า ไทยก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เงินเฟ้อสูงอยู่เหมือนกัน และถ้าไปดูสถิติหลาย ๆ ประเทศ เงินเฟ้อล่าสุดที่ประกาศออกมา ล้วนเป็นตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดในรอบหลาย ๆ ปีกันทั้งนั้น
ใช้ชีวิตยังไง ลงทุนอะไรดี ในช่วงเงินเฟ้อสูง
เห็นตัวเลขเงินเฟ้อสูงแบบนี้ หลายคนอาจมึน พี่ทุยขอชวนพูดคุยกันดีกว่าว่า ถ้าเราต้องอยู่ต่อไปกับสถานการณ์เงินเฟ้อสูงแบบนี้ พี่ทุยก็อยากฝากให้ทุกคนคิด ในประเด็นต่อไปนี้
1. การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
อย่างแรกเลยที่ทุกคนต้องเจอก็คือ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้น ดังนั้น พี่ทุยก็อยากให้ทุกคนมาเริ่มทบทวนกันแล้วแหละว่า ทุกวันนี้ใช้จ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง ถ้าทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายกันอยู่แล้ว ก็คงเห็นภาพชัดหน่อยว่า จ่ายไปกับอะไร ค่าใช้จ่ายตรงไหนโป่งพองขึ้นมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า หนึ่งในนั้นจะเป็น ค่าน้ำมันที่ต้องเติมแพงขึ้น
ส่วนคนที่ยังไม่เคยทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย พี่ทุยก็อยากแนะนำให้ทำดู ซึ่งไม่ยากเลย เดี๋ยวนี้มีแอปพลิเคชันตั้งเยอะแยะที่ออกแบบมาสำหรับการบันทึกรายรับ-รายจ่าย จะได้ช่วยให้เรารู้การใช้จ่ายของตัวเอง แล้วรับมือสถานการณ์ได้ถูกต้อง ซึ่งถ้าใครมีรายได้เท่าเดิม แต่ค่าใช้จ่ายในชีวิตแพงขึ้นตามเงินเฟ้อแบบนี้ จะกระทบเงินเก็บในกระเป๋าแน่ ๆ ดังนั้น พี่ทุยก็อยากให้ลองหาดูว่าไปตัดรายจ่ายอะไรไม่จำเป็นได้มั้ย เพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่ม ไปกระทบกับเงินเก็บ
และจะดีกว่านั้นอีก ถ้าทุกคนใช้วิธีการตัดเงินเพื่อเก็บออม หรือลงทุน ก่อนที่จะเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่น เพราะนั่นแปลว่า ต่อให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแค่ไหน แต่ถ้าเราตัดเงินที่ควรเก็บออมหรือลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือ ก็เป็นส่วนที่ใช้จ่ายได้แบบไม่ต้องลำบากใจว่าจะกระทบเงินเก็บ เพียงแต่ถ้าส่วนที่เหลือ ใช้แล้วยังเก็บได้อีก ก็ถือเป็นผลพลอยได้ที่มาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ดีของเรานั่นเอง
2. การหารายได้เสริม
คราวนี้ อีกเรื่องที่บางคนอาจจะต้องเริ่มคิดแล้วก็คือ ถ้าค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นมากตามเงินเฟ้อ จนทำให้เก็บเงินไม่ได้ หรือแย่ไปกว่านั้น คือรายจ่ายอาจจะมากกว่ารายได้ ก็อาจจะต้องเริ่มมองหาช่องทางหารายได้เสริมด้วยมั้ย เพื่อลดความเสี่ยงในการเจอสถานการณ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง
3. การลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ
สำหรับคนที่มีเงินเหลือ ๆ อยู่ เงินเฟ้อมา ก็ไม่ได้ทำให้การใช้ชีวิตมีปัญหา แต่ว่าอยากลงทุน เพื่อรักษามูลค่าของเงินในกระเป๋าที่เก็บไว้ ให้มันมีค่ามากกว่าเงินเฟ้อไปได้ พี่ทุยแนะนำว่า ถ้าที่ผ่านมา ฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างเดียว คงต้องคิดใหม่แล้ว เพราะถึงยังไงดอกเบี้ยที่ได้ ก็น้อยกว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมามาก แปลว่า ถ้าฝากเงินอย่างเดียว เงินจำนวนเท่าเดิมของเรา มีมูลค่าลดลงแน่ ๆ ดังนั้น ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงินออมเหล่านี้อยู่แล้ว และก็พร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินเฟ้อ ก็คงต้องลองเปิดใจ เอาเงินไปลงทุนใน หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้นบ้าง
แต่ในที่นี้ ก็ต้องเน้นเลือกหุ้น หรือกองทุน ที่ไปลงทุนในธุรกิจที่มีความสามารถรับมือกับเงินเฟ้อได้ดีด้วย เช่น ธุรกิจที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภคได้ง่าย ๆ เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มไฟฟ้า สินค้าที่คนจำเป็นต้องกินต้องใช้
หรือถ้าไม่ถนัด อีกทางเลือกก็คือ ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า แต่ก็ต้องพิจารณาทำเลอสังหาริมทรัพย์ให้ดีด้วย เพราะไม่ใช่ว่า ซื้อสุ่ม ๆ ไปทุกที่แล้วจะปล่อยเช่าได้
เอาเป็นว่า เราต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นแบบไหน และถ้าเรายิ่งตื่นตัวเรื่องลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อตัวเราเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะเริ่มลงทุนวันนี้ ยังไงก็มีโอกาสประคองเงินในกระเป๋าให้เอาชนะเงินเฟ้อไปได้ดีกว่าปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยมาบ่นว่า “รู้งี้ลงทุนดีกว่า” เเต่ ๆ อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจด้วยนะ
อ่านเพิ่ม