“พาสปอร์ตไทย” มีภาษีเดินทางไปไหนได้บ้าง ? เมื่อเทียบกับทั่วโลก

“พาสปอร์ตไทย” มีภาษีเดินทางไปไหนได้บ้าง ? เมื่อเทียบกับทั่วโลก

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • การวัดภาษีของพาสปอร์ตมีหลายรูปแบบ เหมือนเอาพาสปอร์ตไทยส่งประกวดเวทีโลก ซึ่งมีหลายเวที มีเงื่อนไขการวัดแตกต่างกัน ถ้าดูจากผลสำรวจ Nomad ที่ประเมินมูลค่าที่แท้จริงของพาสปอร์ตแต่ละประเทศ ซึ่งไม่ได้ดูแค่การเดินทาง แต่ดูลึกถึงการจ่ายภาษี การใช้ชีวิตด้วย ลักเซมเบิร์ก เป็นประเทศที่พาสปอร์ตที่พลังอำนาจสูงสุด ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 106
  • ถ้าดูในมุมของการเดินทางอย่างเดียว ว่าเข้าได้ยากง่ายแค่ไหน จาก Passport Index ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศลำดับ 56 ส่วนอันดับ 1 ในเวทีนี้คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เวลาพูดถึงพาสปอร์ต (Passport) หรือหนังสือเดินทาง ทุกคนคงจะเหมือนพี่ทุย ที่นึกถึงการไปเที่ยวต่างประเทศแน่ ๆ แต่วันนี้ พี่ทุยจะชวนมาพูดคุยเรื่องพาสปอร์ตในอีกแง่มุม นั่นคือ พี่ทุยจะลองเอา “พาสปอร์ตไทย” ไปเทียบกับพาสปอร์ตประเทศอื่นในโลกว่าจะมีภาษีแค่ไหน

เพราะพาสปอร์ตแต่ละประเทศที่ใช้เดินทางข้ามพรมแดน ก็ใช่ว่าจะเดินทางเข้าออกประเทศนั้นประเทศนี้ได้ง่ายเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 แพร่ระบาด ที่เงื่อนไขการข้ามพรมแดนก็ยากขึ้นมาอีกเลเวล ดังนั้นมาเช็คกันดีกว่า “พาสปอร์ตไทย” เป็นยังไงบ้าง

ต้องบอกก่อนว่า ปัจจุบันการวัดดีกรีของพาสปอร์ตแต่ละประเทศนั้น ก็มีหลายสำนักที่ออกดัชนีชี้วัดออกมา ซึ่งแต่ละสำนักใช้หลักการวัดผลไม่เหมือนกัน อารมณ์เหมือนส่งประกวดเวทีนางงาม ที่แต่ละเวทีก็มีหลักการคัดเลือกผู้ชนะแตกต่างกันไป

โดยพี่ทุยขอเริ่มด้วยข้อมูลจาก Nomad Capitalist ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาส่วนบุคคลด้านภาษีและการตรวจคนเข้าเมือง จัดทำ Nomad Passport Index 2022 เป็นดัชนีหนังสือเดินทางประจำปี ที่จัดทำเป็นครั้งที่ 6  

ดัชนีนี้ออกแบบมาเพื่อให้ความรู้กับพลเมืองโลกว่า มูลค่าที่แท้จริงของการถือแต่ละสัญชาติในโลกนี้เป็นยังไง โดยนอกจากจะประเมินมูลค่าหนังสือเดินทางจากสิทธิพิเศษในการเดินทางแล้ว ยังประเมินจากการต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ด้วย เช่น ภาษี การใช้ชีวิต สำหรับการให้น้ำหนักในดัชนี มีดังนี้

  • การเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า 50%
  • การเสียภาษีของพลเมือง 20%
  • การรับรู้เกี่ยวกับหนังสือเดินทางนั้น 10% พิจารณาจากดัชนีความสุขโลก การพัฒนามนุษย์ ปัจจัยส่วนตัวจากประสบการณ์ของเครือข่ายเกี่ยวกับวิธีการได้รับเป็นพลเมืองแต่ละประเทศและการได้รับการยอมรับ
  • การถือหนังสือเดินทางนั้นเป็นสัญชาติที่สอง 10% พิจารณาจากความสามารถในการขอถือสัญชาติที่สอง
  • เสรีภาพส่วนบุคคล 10% พิจารณาจากการบังคับเกณฑ์ทหาร การเฝ้าระวังของรัฐบาล เสรีภาพสื่อ รวมถึงปัจจัยอื่นที่กำหนดเสรีภาพส่วนบุคคลของพลเมือง นักเดินทาง และชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ

เมื่อดูจากเงื่อนไขที่ว่ามาทั้งหมด พบว่า 10 อันดับแรกของประเทศที่ หนังสือเดินทางมีมูลค่าสูงสุด ได้แก่

10อันดับหนังสือเดินทางมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

ถ้าดูจากตารางแล้วหลายคนอาจเอามือทาบอกตกใจ ทำไมมูลค่าที่แท้จริงของหนังสือเดินทางไทยถึงอยู่ในอันดับหลัก 100 เลย พี่ทุยต้องบอกก่อนว่า ดัชนีนี้ เวลาเจอประเทศที่ได้คะแนนรวมเท่ากัน ก็จะจัดให้อยู่ในอันดับเดียวกันจากจากนั้นก็จะนับจำนวนประเทศที่ได้อันดับเดียวกัน แล้วข้ามลำดับไปเลย เหมือนที่เห็นในตารางว่า พอมีอันดับ 4 อยู่ 2 ประเทศ ก็ข้ามอันดับ 5 แล้วขึ้นเป็นอันดับ 6 เลย

คราวนี้ ลองมาดูเหตุผลกันบ้างว่า ทำไมนะ ลักเซมเบิร์ก สวีเดน และไอร์แลนด์ ถึงเป็นอันดับ 1-3 ของเวทีนี้

ในดัชนีนี้อธิบายไว้ว่า มีหนังสือเดินทางหลายประเทศมาก ๆ ที่ยกเลิกการเดินทางข้ามประเทศแบบไม่ต้องขอวีซ่า เนื่องจากโควิด-19 ที่ทำให้เงื่อนไขการเข้าไปในหลายประเทศยากขึ้น ดังนั้นหนังสือเดินทางไหนที่เข้าไปประเทศอื่นยากลำบากขึ้น คะแนนด้านการเดินทางก็จะหายไป ทีนี้คะแนนด้านการถือสัญชาตินั้นเป็นสัญชาติที่สองได้ ก็มีความสำคัญมากขึ้น ส่วนคะแนนด้านการเก็บภาษีและเสรีภาพของพลเมือง ก็มีความสำคัญขึ้นเช่นกัน เพราะทั้ง 2 ส่วนนี้ ในบางประเทศได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปเต็ม ๆ

ส่วนเหตุผลที่ลักเซมเบิร์กครองที่ 1 นั้น ต้องบอกก่อนว่า ประเทศนี้ไม่ได้เพิ่งเป็นแชมป์ปีนี้ แต่ลักเซมเบิร์กได้แชมป์มา 5 ปีติดต่อกันแล้ว สาเหตุมาจากการที่เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่พลเมืองมีเสรีภาพสูง แล้วการรับรู้เกี่ยวกับหนังสือเดินทางก็ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ประเทศยังพร้อมต้อนรับนักเดินทางต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ แถมชาวต่างชาติยังเปลี่ยนมาเป็นพลเมืองได้ง่ายขึ้นด้วย 

ส่วนสวีเดนที่ได้อันดับ 2 นั้น เพราะว่าเรื่องเสรีภาพของประชาชน และการรับรู้ชื่อเสียงของประเทศนี้ที่มีในระดับโลก ขณะที่ไอร์แลนด์ ได้อันดับ 3 มาเพราะความโดดเด่นที่ประเทศนี้นำเสนอภาษีนิติบุคคลต่ำที่สุดในยุโรป ส่วนคะแนนด้านการขอตรวจลงตรา (วีซ่า) เพื่อเข้าประเทศอื่นก็อยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุด ประเทศยังมีชื่อเสียงยอดเยี่ยม ทำให้คนไอริชเดินทางได้ไม่ยุ่งยาก

กลับมาดูที่ไทยกันบ้าง ถ้าดูจากคะแนนด้านต่าง ๆ ไปเทียบกับประเทศที่ได้อันดับต้น ๆ แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่า คะแนนที่ทำให้อันดับอยู่ท้าย ๆ ก็มาจากเรื่องความยากง่ายในการใช้เดินทางเข้าประเทศอื่นนั่นเอง 

แต่พี่ทุยก็อยากปลอบใจว่า อันดับของไทยในปีนี้ ก็ดีขึ้นมาจากปีที่ผ่านมาแล้ว เพราะในดัชนีเดียวกันที่ทำไว้เมื่อปี 2021 ไทยอยู่ในอันดับที่ 111 โดยในปีนั้นคะแนนรวมไทยอยู่ที่ 55.50 แล้วถ้าดูคะแนนแยกตามแต่ละหัวข้อ พบว่า คะแนนเกือบทุกด้านที่ได้ เท่ากับปี 2022 แต่ว่าคะแนนด้านเสรีภาพส่วนบุคคลอยู่ที่ 20 เท่านั้น

คราวนี้ ลองมาดูภาษีของพาสปอร์ตไทย ในมุมที่พิจารณาแค่เรื่องการเดินทางอย่างเดียวเน้น ๆ กันบ้าง โดยข้อมูลนี้มาจากเว็บไซต์ Passportindex.org ที่ประเมินพลังของหนังสือเดินทาง โดยวัดจากความง่ายในการใช้ผ่านเข้าประเทศต่าง ทั้งการได้รับยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า การได้รับอนุญาตให้ขอวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทางได้ (Visa on arrival) และการขอวีซ่าทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

ผลคะแนนของเวทีนี้คือ

อันดับความคล่องตัวของพาสปอร์ต

จะเห็นได้ว่าในการจัดอันดับของ Passportindex.org เน้นที่เรื่องความง่ายในการเข้าประเทศอื่นได้เท่านั้น ซึ่งประเทศที่ได้อันดับหนึ่งอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น หลัก ๆ ก็มาจาก เป็นพาสปอร์ตที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าจากหลายประเทศมาก ๆ ซึ่งพอมาดูข้อมูลนี้ของไทยนั้น ก็พบว่าต่างกันลิบลับ เราต้องขอวีซ่าเพื่อเข้าเมืองหลายประเทศมาก ๆ เยอะแบบห่างไกลจากอันดับต้น ๆ มากเลยล่ะ

พอลองเอาคะแนนความคล่องตัวของพาสปอร์ตไทยในปี 2022 ไปเทียบดูกับสถิติย้อนหลัง ก็จะพบว่า จริง ๆ คะแนนในปีนี้ ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ มาจากช่วงโควิดแล้ว

พาสปอร์ตไทยเดินทางไปไหนได้บ้าง

สีแดง หมายถึง ถ้าใช้พาสปอร์ตไทยเดินทางไปประเทศนั้นจะต้องได้วีซ่าก่อนถึงจะเข้าประเทศได้

สีเหลือง หมายถึง ไม่ต้องขอวีซ่า แต่ว่าต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อขอเข้าประเทศ หรือขอวีซ่าทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

สีน้ำเงิน หมายถึง ขอวีซ่าตอนมาถึงปลายทางได้ หรือขอวีซ่าทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แบบรวดเร็ว

สีเขียว หมายถึง ยกเว้นวีซ่าให้ เข้าประเทศได้เลยไม่ต้องขอก่อน แต่ว่าแต่ละประเทศ ก็จะมีจำนวนวันที่ให้อยู่ในประเทศได้แตกต่างกัน

โดยรวมแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าพาสปอร์ตของไทย อาจจะมีพลังไม่มากในเวทีโลก มีมูลค่าที่แท้จริงเทียบกับอันดับต้น ๆ ไม่ได้ แต่สำหรับนักเดินทางแล้ว พาสปอร์ตก็อาจมีมูลค่าทางจิตใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้ ที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มปลดล็อคให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปเที่ยวได้มากขึ้น บางคนขอแค่ได้หยิบพาสปอร์ตแล้วใช้เดินทางไปเที่ยว ก็คงฟินแล้ว เพราะเหมือนได้ออกไปโบยบิน ออกท่องเที่ยว เสริมประสบการณ์ชีวิตอย่างที่เคยทำได้เสียที

สุดท้ายนี้ ไหน ๆ พูดเรื่องพาสปอร์ตแล้ว พี่ทุยก็ขอให้คำแนะนำสำหรับคนที่จะไปทำพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปต่างประเทศกันหน่อยว่าจะต้องทำยังไงบ้าง

แบบแรกคือ ไม่จองคิวล่วงหน้า ตรงไปยังสำนักงานที่ให้บริการเลย แบบที่สองคือ จองคิวล่วงหน้าไว้ก่อนผ่านเว็บไซต์ https://www.qpassport.in.th/

สำหรับบุคคลทั่วไป ปัจจุบันมีหนังสือเดินทางให้เลือก 2 แบบ คือ แบบอายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และแบบอายุ 10 ปี ค่าธรรมเนียม 1,500 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าคนที่จะทำหนังสือเดินทางแบบ 10 ปีได้ ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแล้ว และในกรณีที่ไปยื่นขอทำหนังสือเดินทางแบบด่วน รับเล่มภายในวันนั้น จะถูกคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเข้าไปอีก 2,000 บาท

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile