Fantom หรือ FTM เป็นหนึ่งในเหรียญเชนที่มีกระแสแรงมาก เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา แรงขนาดที่ว่าภายในไม่ถึง 1 ปีก็มีการอัตราการเติบโตของราคาสูงถึง 203 เท่า หรือประมาณ 20,300 % กันเลยทีเดียว แต่ถ้าใครติดตามข่าวในวงการคริปโตดี ๆ ก็จะรู้ว่าช่วงนี้ FTM กำลังเจอศึกหนัก เพราะหนึ่งในที่ปรึกษาชื่อดังได้ประกาศถอนตัวจากโปรเจกต์นี้ไป
ทำเอาราคาในปัจจุบันดิ่งลงมาแตะแนวรับสำคัญตามข่าวไปแล้วเรียบร้อย แต่นี้จะเป็นวิกฤตของ FTM หรือเป็นโอกาสให้นักลงทุนช้อนของถูกกันแน่ ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่า FTM มีดีอะไรและจะกลับมาผงาดได้อีกครั้งหรือไม่ ไปดู 10 ข้อน่ารู้ในวันนี้กันได้เลย
1. ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดย Dr. Ahn Byung Ik นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มากประสบการณ์จากเกาหลีใต้
2. FTM เป็นแพลตฟอร์ม Smart Contract แบบ Directed Acyclic Graph (DAG) ที่สามารถปรับขนาดของเครือข่ายโหนดให้สามารถตอบสนองต่อปริมาณของผู้ใช้งาน และมีความรวดเร็วในการทำธุรกรรม อีกทั้ง Fantom ยังมีเป้าหมายที่จะเอาชนะ Ethereum โดยการลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนเชนให้เหลือน้อยกว่า 2 วินาที
3. FTM ติดอันดับ 42 ของเหรียญที่มีมูลค่าที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าตลาดสูงถึง 2,838 ล้านดอลลาร์
4. FTM เป็นเหรียญที่มี Max Supply อยู่ที่ 3,175 ล้านเหรียญ และตอนนี้มีเหรียญหมุนเวียนในระบบไปแล้วกว่า 80% หรือ 2,550 ล้านเหรียญ
5. ทำ All Time High ไปเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ด้วยราคา 3.4842 ดอลลาร์
6. FTM มีอัตราการเติบโตตั้งแต่ต้นปี 2564 จนถึงช่วง All Time High อยู่ที่ 203 เท่าหรือ 20,300 % หรือถ้าเพื่อน ๆ ลงทุนไว้ 1 หมื่นบาทในวันที่ 1 ม.ค. 64 แล้วขายในช่วงพีคสุดของราคา เงินทุนก้อนนั้นจะมีมูลค่าราว ๆ 2,030,000 บาท !
7. ปัจจุบันความเร็วในการทำธุรกรรมเฉลี่ยของ FTM คือ 1 วินาที เมื่อเทียบกับ Ethereum ที่ใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 3 นาทีแล้ว FTM ถือว่าเร็วกว่าถึง 180 เท่า !
8. ผู้พัฒนาชื่อดังระดับโลกและหนึ่งในที่ปรึกษาของ Fantom อย่าง Andre Cronje ได้ประกาศถอนตัวจากโปรเจกต์ไปเมือเดือนที่แล้ว หรือเดือน มี.ค. 2565
9. Fantom เคยมี TVL สูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่าได้กับ De-Fi ชื่อดังระดับโลกอย่าง AAVE และ Uniswap ในปัจจุบัน
10. Node ของ FTM ไม่มีจำนวนจำกัด เพียงแค่ Staking ไว้ 1,000,000 FTM ก็จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยของเชน Fantom ซึ่งเป็นระบบการรักษาความปลอดภัยที่รู้จักกันในชื่อ Lachesis ซึ่งเป็นตัวอย่างของกลไกที่เรียกว่า Aysnchronous Byzantine Fault Tolerant (aBFT) ที่จะช่วยให้เครือข่ายสามารถรองรับผู้ใช้งานที่มีพฤติกรรมการใช้งานในทางที่ส่งผลเสีย (Malicious Behavior) ต่อเครือข่ายได้มากถึง 1 ใน 3 โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการดำเนินการของเครือข่ายนั่นเอง
ก็ต้องบอกเลยว่าถือเป็นอีกหนึ่งเชนที่น่าสนใจไม่น้อย แม้ที่ปรึกษาอย่าง Andre Cronje จะประกาศถอนตัวไปแล้ว แต่ Product ต่าง ๆ ของ FTM ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด อีกทั้งทาง FTM ไม่ได้มีผู้พัฒนาอย่าง “Andre Cronje” แค่เพียงคนเดียว แต่มาจากการทำงานและพัฒนากันเป็น “ทีม” นั่นเอง
ดังนั้น ผลกระทบของราคาที่ร่วงในครั้งนี้อาจจะเป็นแค่การ Panic จากข่าวร้ายเฉย ๆ ก็ได้ ซึ่งถ้าใครมองว่าเป็นโอกาสอันดี นี้ก็ถือเป็นจุดสำคัญที่น่าช้อนซื้อ
แต่นักลงทุนทุกคนก็ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจในระบบของ FTM กันให้ดีเสียก่อนจะเข้าไปลงทุนนะ เพื่อป้องกันเงินต้นที่มีโอกาสสูญหายได้ เนื่องจากตลาดคริปโตค่อนข้างผันผวนและอ่อนไหวง่ายกับข่าวต่างๆกันเสียเหลือเกิน