"ไต้หวัน" กำลังก้าวสู่การเป็น Tech Hub แห่งใหม่ของโลก

“ไต้หวัน” กำลังก้าวสู่การเป็น Tech Hub แห่งใหม่ของโลก

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • “ไต้หวัน” คือผู้ผลิตและส่งออก Semiconductor ให้กับบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก แต่หลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นไต้หวันเปลี่ยนสถานะจากการเป็นผู้ส่งออก มาเป็นผู้เล่นหลักในแวดวงเทคโนโลยีของโลก
  • จุดเด่นที่สุดของ “ไต้หวัน” คือการพัฒนาคน โดยประชากรไต้หวัน 98.5% ของประชากรทั้งหมด 23.5 ล้านคน สามารถอ่านออกเขียนได้ และ 25% ของคนที่จบปริญญาในไต้หวันอยู่ในสาขาของวิศวกรรม ซึ่งช่วยดึงดูบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google IBM และ Microsoft เข้าไปลงทุน
  • วิกฤตโควิด-19 ซึ่งฉุดให้ GDP ทั่วโลกติดลบ แต่ “ไต้หวัน” ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ GDP ยังเติบโตได้ 1.54% แม้จะเป็นการเติบโตที่ลดลง และในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ไต้หวันก็เป็นหนึ่งในประเทศที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการได้เป็นอย่างดี

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

โลกที่กำลังก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว ทำให้โอกาสทางธุรกิจก็เคลื่อนไปอยู่ในอุตสาหกรรมนั้นด้วย เมื่อลองดูบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก ก็จะเห็นว่า 7 ใน 10 ล้วนเป็นบริษัทที่มีฐานทางด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น และในระดับประเทศ ซึ่งมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ก็กำลังเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้หลั่งไหลเข้ามาจากทุกสารทิศ ซึ่ง “ไต้หวัน” คือหนึ่งในเป้าหมายของเงินลงทุนเหล่านั้น!

เดิมที “ไต้หวัน” เป็นประเทศที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของโลก สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะกลุ่ม Semiconductor หรือสารกึ่งตัวนำที่นำมาใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อาทิ Smartphone, laptop เป็นต้น แต่ความท้าทายอย่างหนึ่งที่ไต้หวันกำลังเผชิญในระหว่างการก้าวขึ้นไปเป็นแถวหน้าของประเทศเทคโนโลยีคือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งบีบให้ไต้หวันอาจจะจำเป็นต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด โดยเฉพาะแรงกดดันจากทางฝั่งสหรัฐฯ ที่ไม่ต้องการให้ธุรกิจ Semiconductor ของไต้หวันป้อนอุปกรณ์ให้กับบริษัทของจีน อาทิ Huawei หรือบริษัทใน Blacklisted ของสหรัฐฯ หลาย ๆ แห่ง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแนวทางที่ไต้หวันพยายามที่จะยกระดับตัวเองขึ้นมา อาจจะช่วยลดแรงกดดันดังกล่าวลงมาได้บ้างในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้ Edwin Liu ประธานของสถาบันวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของไต้หวัน (ITRI) เชื่อว่า การยกระดับอุตสาหกรรมไม่ได้เป็นทางเลือกของไต้หวัน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ แทนที่จะโฟกัสในเรื่องของปริมาณ ไต้หวันจะหันมาโฟกัสคุณภาพและความล้ำสมัยของผลิตภัณฑ์ และแทนที่ไต้หวันจะเป็นผู้ตามเทรนด์เทคโนโลยีของโลก Edwin Lui เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ไต้หวันจะเริ่มต้นเป็นผู้นำเทรนด์เสียบ้าง

ITRI ได้พัฒนาแผน ‘2030 Technology Strategies and Roadmap’ ซึ่งจะช่วยยกระดับแนวคิดตั้งแต่ระดับผู้บริหารถึงพนักงานทั่วไป ให้มองเห็นความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต และเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนที่เทคโนโลยีจะกลายเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป

ขณะที่รัฐบาลเองก็เข้ามาสนับสนุนอย่างเต็มที่ อย่างการอัดฉีดเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2017 ให้กับการพัฒนาธุรกิจ Startup รวมถึงการให้เครดิตทางภาษี และผ่อนปรนกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีจากภายนอกเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น

ในด้านประชากร อิงข้อมูลจาก Organization for Economic Development ประชากรไต้หวัน 98.5% จาก 23.5 ล้านคน สามารถอ่านออกเขียนได้ และจากการทดสอบความรู้ทางคณิตศาสตร์มาตรฐาน ไต้หวันรั้งอยู่อันดับ 4 ของโลก นอกจากนี้ 25% ของคนที่จบปริญญาในไต้หวันอยู่ในสาขาของวิศวกรรม เมื่อภายในประเทศมีความพร้อมและชัดเจน ความสนใจจากภายนอกก็ตามติดเข้ามาไม่ขาดสาย บริษัทอย่าง Google, IBM และ Microsoft ต่างมุ่งสู่ไต้หวัน และมองหาโอกาสในการลงทุน อย่างกรณีของ Google ได้ทุ่มเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าลงทุนใน HTC ในส่วนของงานออกแบบสมาร์ทโฟน ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศรับคนในประเทศเพิ่มอีก 300 ตำแหน่ง พร้อมกับออกโครงการฝึกอบรมนักศึกษา 5,000 คน ในส่วนของปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ขณะที่ Microsoft ก็มองว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีความสามารถในการพัฒนา AI และ Internet of Things (IoT) อย่างมาก โดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องความสามารถของพนักงาน โดย Microsoft มีแพลนที่จะรับคนไต้หวันเข้าทำงาน 100 คน ในปี 2020 และอีก 200 คน ภายใน 5 ปี สำหรับส่วนของงานวิจัยและพัฒนา

นอกจากนี้ ไต้หวันยังโดดเด่นในเรื่องของการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ อย่างช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุมจนทำให้ผู้ติดเชื้อต่ำเพียง 400 กว่าราย และทำให้ไต้หวันเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังสามารถรักษาการเติบโตของ GDP ไตรมาสแรกที่ 1.54% แม้จะเป็นการเติบโตที่ลดลง

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ไต้หวันอยู่ในจุดที่พร้อมจะพัฒนาอย่างเต็มที่ ทั้งรากฐานและการสนับสนุนจากภายในประเทศ และโอกาสจากการเข้ามาของบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลก หลังจากนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างมากว่า “ไต้หวัน” จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน Technology Hub แห่งใหม่ของโลกได้เมื่อใด

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply