ถ้าจะพูดถึงของคู่กายอย่างหนึ่งที่ใครหลายคนพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไอเทมยอดฮิตหนึ่งในนั้นก็คือ “ยาดม” นั่นเอง เพราะเป็นตัวช่วยได้ดีในยามที่หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม โดยเฉพาะเวลาขึ้นไปเบียดเสียดบนรถไฟฟ้า รถเมล์ ที่คนอัดแน่นเป็นปลากระป๋อง วันนี้พี่ทุยก็เลยอยากชวนทุกคนมาส่องตลาด ยาดมไทย ตอนนี้ตลาดมีขนาดใหญ่แค่ไหน ตีตลาดทั่วโลกไปถึงไหนแล้ว
ตลาดยาดมทั่วโลก
ถ้าดูตลาด Aromatherapy หรือการบำบัดโดยการใช้กลิ่น ทั่วโลกนั้น จากข้อมูลโดย Research Nester ระบุว่า ในปี 2022 ตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 1,820 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปี ในช่วงปี 2023-2033 ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดขยับขึ้นไปเป็น 5,830 ล้านดอลลาร์ ในปี 2033
สำหรับตลาดนี้ หากแบ่งตามการใช้งาน เกี่ยวกับการบำบัดด้วยกลิ่น ก็จะพบว่า แบ่งเป็น การใช้งานสำหรับบรรเทาอาการหวัดและไอ , การดูแลผิวและเส้นผม, การจัดการความเจ็บปวดและแผลเป็น, การใช้สำหรับอาการนอนไม่หลับ และอื่นๆ ซึ่งถ้าพูดตามลักษณะการแบ่งตามการใช้งานแล้ว ยาดม ก็น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มการใช้งานสำหรับบรรเทาอาการหวัดและไอ และอื่น ๆ
ยาดมไทย ถูกซื้อซ้ำบ่อย
คราวนี้ หากเราโฟกัสมาที่ตลาดยาดมในประเทศไทยโดยเฉพาะ พบว่า Nielsen บริษัทวิจัยตลาด เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ตลาดยาดมในไทยนั้น มีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยคนไทยที่ใช้ยาดม มีประมาณ 10% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งแต่ละคนก็มักจะซื้อยาดมมากกว่า 1 ชิ้นต่อปี เพราะว่า เป็นไอเทมที่ทำหายได้บ่อย
ขณะที่ ตลาดยาดมนั้น มีโอกาสขยายตัวได้ถึงปีละ 10-20% จากการที่มีคนไทยหน้าใหม่ ๆ ใช้เพิ่มขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติที่มีความนิยมใช้ยาดมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาที่มาเมืองไทย ก็นิยมซื้อเป็นของฝากติดมือไปด้วย เพราะกลิ่นหอมเฉพาะตัว และราคาย่อมเยา ซึ่งส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กระแสยาดมบูมในหมู่ชาวต่างชาตินั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากมีศิลปินดังใช้ยาดม อย่างเช่น ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BlackPink และ แจ็คสัน หวัง Got7 เป็นต้น
พี่ทุยลองไปรวบรวมแบรนด์ยาดมบางส่วนที่คนรู้จักค่อนข้างมากในตลาด ลองมาดูกันดีกว่าว่า แต่ละแบรนด์ เขามีจุดเด่นยังไง และมีกลยุทธ์การทำตลาดยังไงบ้าง
5 แบรนด์ ยาดมไทย ที่เฟมัสสุด ๆ
ลองมาดูกันว่า ในประเทศไทย มีแบรนด์ยาดมอะไรบ้างที่คนรู้จักกัน หรือกำลังบุกตลาดนี้อยู่
1. โป๊ยเซียน
ยาดมตราโป๊ยเซียน เป็นของ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานนับตั้งแต่ปี 2479 จนถึงวันนี้ก็ 88 ปีแล้ว ถือว่าเก่าแก่มาก ๆ โดยนอกจากผลิตและจำหน่ายยาดมตราโป๊ยเซียนแล้ว บริษัทนี้ยังผลิตและจำหน่ายยาดมพีเป๊กซ์ รวมถึงพิมเสนน้ำ และยาหม่องด้วย
สโลแกนที่เจ้านี้ใช้ในการทำตลาดยาดมคือ “ใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน” โดยเจนนี่ BlackPink เคยโพสต์ภาพแผงยาดมโป๊ยเซียนเอาไว้ผ่านช่องทางโซเชียลของเธอ ทำให้ยาดมโป๊ยเซียนกลายเป็นหนึ่งในของฝากยอดนิยม ที่หมู่แฟนคลับ BlackPink ที่มาเมืองไทย ต้องซื้อกลับไป
สิ่งที่น่าสนใจ ก็คือ ยาดมโป๊ยเซียน ไม่ได้มีขายแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีขายในต่างประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ
เมื่อพูดถึงรายได้ของบริษัทนี้ ก็พบว่า มีข้อมูลย้อนหลังดังนี้
- ปี 2562 รายได้ 1,015 ล้านบาท กำไร 349 ล้านบาท
- ปี 2563 รายได้ 798 ล้านบาท กำไร 234 ล้านบาท
- ส่วนปี 2564 รายได้ 751 ล้านบาท กำไร 284 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 967 ล้านบาท กำไร 378 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 1,087 ล้านบาท กำไร 509 ล้านบาท
2. หงส์ไทย
ชื่อนี้ ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะว่า หลังจากติดอยู่ในโผของในกระเป๋าที่ลิซ่า BlackPink พกติดตัวไปด้วย ก็ทำให้เหล่าสาวกอินเทรนด์ขอพกยาดมหงส์ไทยติดตัวด้วยเช่นกัน งานนี้ต้องบอกว่า หลังจากลิซ่า ออกมาสัมภาษณ์เพียงไม่กี่วัน และเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ยาดมหงส์ไทย ขนาดตลาดแบบชั่วข้ามคืน
สำหรับยาดมหงส์ไทยนั้น ผลิตและจำหน่ายโดย บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 18 แล้ว โดยนอกจากยาดม บริษัทยังผลิตและจัดจำหน่าย น้ำมันหอมระเหย ยาหม่อง และสเปรย์นวดแก้ปวด ด้วย
จุดเด่นของบรรจุภัณฑ์ยาดมหงส์ไทยคือ โลโก้เป็นรูป หงส์ บนพื้นหลังสีของธงชาติไทย บนขวดจะมีเขียนสโลแกนไว้ว่า มุ่งมั่น เข้าใจ เข้าถึง ซื่อสัตย์ ยอมรับ สังคม
สำหรับรายได้ของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด จากข้อมูลที่ปรากฎบนสื่อต่างๆ มีดังนี้
- ปี 2563 รายได้ 17.8 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 24.8 ล้านบาท
- ส่วนปี 2565 รายได้ 39.5 ล้านบาท
- เป้าหมายปี 2567 รายได้ 500 ล้านบาท
3. เป๊ปเปอร์มินท์ ฟิลด์
ยาดม โดย บริษัท เบอร์แทรม (1985) จำกัด โดยบริษัทนี้ เป็นผู้ผลิตยาหม่องน้ำเซียงเพียว (เซียงเพียวอิ๊ว) ที่มีการแตกไลน์มาทำยาดมเป๊บเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ เพิ่มเติม ตั้งแต่ปี 2548 โดยเน้นออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้ง่าย ทันสมัย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทก็เพิ่งดึง พีพี-กฤษร์ อำนวยเดชกร มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ เป๊บเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ เน้นสะท้อนแนวคิด “ลมหายใจที่มีคุณภาพ” สำหรับขยายตลาด สร้างการจดจำแบรนด์ให้มากขึ้น
4. ถ้วยทอง
ยาดมที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2487 หรือ 80 ปีแล้ว มีผลิตภัณฑ์หลักที่คนทั่วไปรู้จักกันดีคือ ยาหม่องตราถ้วยทอง นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้แก่ แอลกอฮอล์ ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และยาแผนปัจจุบันอีกหลายอย่างด้วย สำหรับสโลแกนที่ใช้กับยาดมถ้วยทอง ก็คือ สดชื่น ผ่อนคลาย พกติดตัวง่าย
5. มังกรทอง
ยาดมที่ผลิตโดย บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2490 หรือ 77 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการจำหน่ายผลิตและจำหน่ายยาสมุนไพรหลากหลายรายการ เช่น ฟ้าทะลายโจร ยาอมสมุนไพรมังกรทอง
และจากตลาดยาดมที่มีขนาดถึง 4,500 ล้านบาท ทำให้อ้วยอันโอสถมองว่า ตลาดนี้น่าสนใจ จึงผลิตยาดมสมุนไพรตรามังกรทอง ออกมาสู่ตลาดในปี 2567 นี้ โดยชูสโลแกน ความหอมสดชื่นที่คุณสูดได้ พร้อมกันนี้ ได้ดึง นนกุล-ชานน สันตินธรกุล นักแสดงรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์
นอกเหนือจาก 5 แบรนด์นี้แล้ว พี่ทุยต้องบอกว่า มียาดมอีกหลายแบรนด์เลยที่เป็นที่รู้จักในตลาด เช่น ยาดมตราเสือ ยาดมตราวังว่าน ยาดมตราอภัยภูเบศร และยาดมส้มมือจรุงจิต เป็นต้น และพี่ทุยเชื่อว่า เพื่อน ๆ อาจจะรู้จักยาดมยี่ห้ออื่นๆ ที่พี่ทุยไม่ได้กล่าวถึง แต่เป็นที่นิยมเช่นกันก็ได้
เอาเป็นว่า ก็น่าปลื้มใจไม่น้อย ที่ยาดมไทย เข้าไปอยู่ในใจชาวต่างชาติ กลายเป็นของฝากยอดฮิตได้ ไม่ว่ายี่ห้อไหนจะโกยยอดขายไปได้ ก็ดีต่อประเทศทั้งสิ้น เพราะว่า รายได้ก็เข้าประเทศเรานั่นเอง
FYI
ยาดมเป็นไอเทมที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ รวมถึงอาการคัดจมูกเนื่องจากอาการหวัด โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า เหมาะสำหรับการใช้บรรเทาอาการเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดการติดยาดม โดยที่ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาดม ก็คือ ผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ และเด็กเล็ก ขณะที่อย. มีการกำหนดปริมาณตัวยา หรือสมุนไพร เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองในการสูดดมเอาไว้ด้วย
อ่านเพิ่ม