ช่วงโควิด-19 ที่หลายธุรกิจซบเซา แต่ธุรกิจสินค้าหรู Luxury Brand กลับยังทำผลงานโดดเด่น ไม่ว่าจะกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และหนึ่งในบริษัทลัคชูที่ทรงอิทธิพล ก็คือ อาณาจักร หุ้น LVMH ที่มีสินค้าแบรนด์ดังอยู่ในเครือมากมาย ทั้งสร้างผลตอบแทนจนเจ้าของบริษัทกลายเป็นคนรวยอันดับ 2 ของโลก
พี่ทุยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ LVMH ทุกซอกทุกมุม กับ 5 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับหุ้น LVMH เจ้าของแบรนด์หรู Louis Vuitton, Dior, Fendi, Celine, Bulgar ฯลฯ
1. หุ้น LVMH แค่ชื่อเดียวแต่ครอง 75 แบรนด์ทั่วโลก
แท้จริงแล้วในชื่อ LVMH ก็บ่งบอกความหลากหลายของแบรนด์ ชื่อ LVMH ย่อมาจาก Louis Vuitton Moët Hennessy ซึ่งมาจาก
- Louis Vuitton แบรนด์แฟชั่น
- Moët & Chandon แบรนด์แชมเปญ
- Hennessy แบรนด์คอนญัก
และยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ภายใต้การบริหารงานของ LVMH โดยแบ่งเป็น 6 อุตสาหกรรม ดังนี้
- แฟชั่นและเครื่องหนัง ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 21,162 ล้านยูโร เช่น Louis Vuitton, Dior, Fendi, Celine
- น้ำหอมและเครื่องสำอาง ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 4,028 ล้านยูโร เช่น Dior, Fendi, Guerlian, Acqua di Parma
- นาฬิกาและอัญมณี ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 5,427 ล้านยูโร เช่น Bulgari, Zenith, TAG Heuer, Hublot
- ไวน์และสุรา ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 3,181 ล้านยูโร เช่น Hennessy, Moët & Chandon, Veuve Clicquot
- ค้าปลีกและจัดจำหน่าย ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 8,355 ล้านยูโร เช่น Sephora, Starboard Cruise
- ธุรกิจอื่น ครึ่งปีแรกของ 2023 มีรายได้ 87 ล้านยูโร เช่น Groupe Les Échos-Le Parisien
นับตั้งแต่ควบรวม Louis Vuitton กับ Moet Hennessy กลายเป็น LVMH เมื่อปี 1987 ก็เดินหน้าซื้อแบรนด์เข้ามาภายใต้การบริหารไปแล้วถึง 75 แบรนด์
2. Chairman รวยอันดับ 2 ของโลก
ข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index เผยให้เห็นว่า Bernard Arnault (เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์) รั้งอันดับ 2 ของมหาเศรษฐีโลก มีสินทรัพย์สุทธิ 191,000 ล้านดอลลาร์ (ณ วันที่ 14 ส.ค. 2023) ส่วนใหญ่ความมั่งคั่งมาจากการถือครองหุ้น
โดยแบ่งเป็นหุ้น Christian Dior มูลค่า 148,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือผ่านชื่อ Groupe Familial Arnault คิดเป็น 97.5% ของบริษัท Christian Dior โดย Christian Dior ก็ถือหุ้น LVMH อยู่ 41.4% ตามด้วยถือหุ้น LVMH เองอีกด้วยมูลค่า 30,500 ล้านดอลลาร์ และเงินสด 13,100 ล้านดอลลาร์
เส้นทางมหาเศรษฐีผู้นี้จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สืบทอดกิจการรับเหมาก่อสร้างจากพ่อ จากนั้นปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจอสังหาฯ ก่อนจะเข้าสู่ธุรกิจแฟชั่นและสิ่งทอ ด้วยการนำเงินจากธุรกิจครอบครัวซื้อบริษัท Agache-Willot-Boussac เจ้าของแบรนด์ Christian Dior เมื่อปี 1984
หลังจากนั้นก็ขยายอาณาจักรแบรนด์หรูด้วยการควบรวม Louis Vuitton และ Moet Hennessy กลายเป็น LVMH ก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และ Chairman ในปี 1989
3. หุ้น LVMH ขยายกิจการ เดินหน้าควบรวมไม่เกรงใจใคร
Bernard Arnault เดินหน้าขยายกิจการด้วยกลยุทธ์ใช้บริษัทแม่เข้าซื้อแบรนด์หรูเข้ามาในเครือ จนทำให้ปัจจุบัน (ณ วันที่ 14 ส.ค. 2023) บริษัท LVMH มีมูลค่าตลาดที่ 408,840 ล้านยูโร โดยมีดีลสำคัญ เช่น ปี 1997 ซื้อ Sephora ด้วยมูลค่า 262 ล้านดอลลาร์ ปี 2011 ซื้อ Bulgari ด้วยมูลค่า 5,200 ล้านดอลลาร์ ปี 2017 ซื้อ Christian Dior ด้วยมูลค่า 13,100 ล้านดอลลาร์ และปี 2019 ซื้อ Tiffany & Co. ด้วยมูลค่า 16,200 ล้านดอลลาร์
Bernard Arnault ชอบแนวคิดการลงทุนของ Warren Buffett ที่เป็นนักลงทุนระยะยาวเน้นคุณค่า โดยซื้อกิจการที่ดีและถือมันตลอดไป ไม่สนใจความผันผวนของราคาหุ้น ซึ่งนำมาใช้ตอนซื้อ Bulgari ที่รอให้ประสบปัญหาหลังรอมาเป็นสิบปี
4. กลยุทธ์เน้นครองใจชาวเอเชีย แหล่งรายได้หลัก
ประมาณสิบกว่าปีที่ผ่านมา แบรนด์หรูหันมาลุยตลาดเอเชีย เพราะเศรษฐกิจเอเชียกำลังเติบโต เข้าสู่สังคมคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นรับความมั่งคั่งจากคนรุ่นก่อน LVMH ก็หันมาตีตลาดนี้เช่นกัน ด้วยการใช้ศิลปิน K-Pop รวมถึงศิลปินจีนที่มีอิทธิพลต่อตลาดฝั่งเอเชียมาก
ที่เห็นชัดเจนเลยจากแบรนด์ Celine ที่โด่งดังขึ้นมาด้วยการมี Lisa Blackpink มาเป็น Muse ของแบรนด์ จนกลายเป็น Global Brand Ambassador ของทั้งแบรนด์ Celine และ Bulgari
ด้าน Louis Vuitton ก็ได้วง BTS มาเป็น House Ambassador ของแบรนด์ ส่วน Christian Dior ก็ได้ Jisoo Blackpink มาเป็น Global Brand Ambassador
ครึ่งแรกของปี 2023 LVMH มีสัดส่วนรายได้จากเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น 34%, สหรัฐฯ 24%, ยุโรปไม่รวมฝรั่งเศส 15%, ตลาดอื่น 12%, ฝรั่งเศส 8% และญี่ปุ่น 7%
5. รายได้และกำไรเติบโตสวนทางเศรษฐกิจ
ครึ่งแรกของปี 2023 มีรายได้ 42,240 ล้านยูโร เติบโต 15% จากครึ่งแรกของปี 2022 กำไรอยู่ที่ 8,480 ล้านยูโร เติบโต 29.84% จากครึ่งแรกของปี 2022
ปี 2022 มีรายได้ 79,184 ล้านยูโร กำไร 14,084 ล้านยูโร
ปี 2021 มีรายได้ 64,215 ล้านยูโร กำไร 12,036 ล้านยูโร
ส่วนปี 2020 มีรายได้ 44,651 ล้านยูโร กำไร 4,702 ล้านยูโร
ปี 2019 มีรายได้ 53,670 ล้านยูโร กำไร 7,171 ล้านยูโร
แม้จะเจอกับ COVID-19 ระหว่างปี 2020-2021 แต่จะเห็นว่ามีเพียงปี 2020 ที่ราคาและกำไรลดลง จากนั้นปี 2021 ก็กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยซ้ำ
พอย้อนไประหว่างปี 2013-2022 รายได้เพิ่มจาก 29,016 ล้านยูโร มาที่ 79,184 ล้านยูโร คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 9.55% ต่อปี ส่วนกำไรเพิ่มจาก 3,436 ล้านยูโร มาที่ 14,084 ล้านยูโร คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 13.15% ต่อปี ส่วนราคาหุ้น LVMH ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นจาก 128.11 ยูโร เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2013 มาที่ 816.20 ยูโร ในวันที่ 14 ส.ค. 2023 คิดแล้วสร้างผลตอบแทนทั้งหมด 552.49%
พี่ทุยมองว่าสินค้าแบรนด์หรูหรายังเป็นตลาดที่เติบโตต่อไปได้ ซึ่งถ้าใครสนใจที่จะเติบโตไปกับกระแสนี้ บริษัท LVMH เป็นคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจได้กำไรจนเอาไปซื้อสินค้าหรูหราได้เลย
อ่านเพิ่ม