รู้จัก Kering เจ้าของ Gucci, YSL, Balenciaga คู่ปรับตลอดกาล LVMH

รู้จัก Kering เจ้าของ Gucci, YSL, Balenciaga คู่ปรับตลอดกาล LVMH

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • Kering มีจุดเริ่มต้นจากชายชื่อ François Pinault เปิดบริษัท Établissements Pinault ทำธุรกิจค้าไม้ เมื่อปี 1963 ต่อมาปี 1994 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Pinault Printemps Redoute เริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจแบรนด์หรูด้วยการซื้อหุ้นของ Gucci
  • Kering ยังให้ความสำคัญกับพนักงาน ส่งเสริมความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ อาจเป็นด้วยความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิสตรีของ Kering ที่ทำให้ Emma Watson รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้านความยั่งยืนของ Kering
  • Kering อาศัยแบรนด์หลัก 3 แบรนด์สร้างรายได้รวม 74.3% ประกอบด้วย Gucci (50.59%), Yves Saint Laurent (15.5%) และ Bottega Veneta (8.2%) ส่วนรายได้จากทั่วโลกพบว่าภูมิภาค Asia-Pacific ครองแชมป์ด้วยสัดส่วน 37% ตามด้วย Western Europe 27%, North America 22%, Japan 7% และอื่นๆ 7%

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ถ้าพูดถึงกระเป๋าแบรนด์หรูคงต้องมีชื่อ Gucci เป็นหนึ่งในนั้น เช่นเดียวกับ Yves Saint Laurent แบรนด์ขวัญใจสาวๆ ส่วน Balenciaga และ Bottega Veneta ต่างก็เป็นแบรนด์หรูหราที่ได้รับความนิยมระดับหัวแถว รู้หรือไม่ว่าแบรนด์ที่ว่ามาทั้งหมดต่างมีเจ้าของเดียวที่ชื่อว่า Kering

ซึ่ง Kering ก็นับว่าเป็นคู่ปรับ LVMH เจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton แถมยังต่างจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศสเหมือนกันอีก พี่ทุยก็สนใจใน บริษัท Kering เหมือนกันว่ามีที่มาที่ไปยังไง มีจุดเด่นด้านไหน แล้วบริษัทมีรายได้และกำไรดีขนาดไหน บทความนี้พี่ทุยเลยรวบรวมข้อมูลมาให้นักลงทุนสายแฟชั่นได้รู้จักกับบริษัท Kering กัน

ประวัติ บริษัท Kering และแบรนด์ในเครือ

เริ่มต้นจากชายชื่อ François Pinault (ฟรองซัวส์ ปิโนลต์) ชาวฝรั่งเศส ที่ลาออกจากโรงเรียนเพราะถูกเพื่อนดูถูกเรื่องความยากจน จึงไปช่วยพ่อทำงานต่อในโรงเลื่อยไม้ ช่วงปี 1963 กู้เงินจากครอบครัวและธนาคารเปิดบริษัท Établissements Pinault ทำธุรกิจค้าไม้ ต่อมาต้นทศวรรษที่ 70 เริ่มขยายกิจการซื้อบริษัทไม้ขนาดเล็ก

ในปี 1990 ซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า Printemps และซื้อกิจการโรงกลั่นไวน์ Chateau Latour ต่อมาปี 1994 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Pinault Printemps Redoute หรือ PPR และเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจแบรนด์หรูด้วยการซื้อหุ้นของ Gucci ซึ่งนับเป็นการเข้าซื้อหุ้นที่น่าจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (เดี๋ยวพี่ทุยมาเล่าให้ฟัง)

จากนั้นก็เข้าซื้อแบรนด์หรู Yves Saint Laurent แบรนด์เครื่องประดับ Boucheron และแบรนด์แฟชั่น Bottega Veneta และ Balenciaga รวมถึงแบรนด์กีฬาและไลฟ์สไตล์ทั้ง Puma และ Volcom (ขายออกไปแล้วเมื่อปี 2019)

ปี 2005 François Pinault ส่งต่อกิจการให้กับลูกที่ชื่อว่า François-Henri Pinault (เฮนรี ปิโนลต์) การบริหารเป็นไปด้วยดีจนถึงปี 2013 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Kering ปัจจุบันมีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 18 แบรนด์ ทั้ง Luxury และ Lifestyle เช่น Gucci, Yves Saint Laurent, Puma, Qeelin

หลัง François Pinault ลงจากการบริหารก็หันไปให้ความสนใจงานศิลปะ ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 30 ของโลกจากจัดอันดับของ Bloomberg Billionaires Index มีสินทรัพย์รวมประมาณ 40,200 ล้านดอลลาร์ โดยสินทรัพย์หลักเป็นการถือครองหุ้น Kering มูลค่าประมาณ 26,900 ล้านดอลลาร์ (ณ วันที่ 21 ส.ค. 2023)

บริษัทแฟชั่นที่เน้นความยั่งยืน ได้ Emma Watson นั่งประธานความยั่งยืน

Kering เป็นบริษัทแบรนด์แฟชั่น Luxury ที่เปลี่ยนตัวเองสู่ความยั่งยืนตั้งแต่ปี 1996 ด้วยหลักจรรยาบรรณแรก ที่เน้นการยั้บยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และจุดประกายการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศที่ดีกว่า ขณะเดียวกันยังสร้างห้องทดลองนวัตกรรมวัตถุดิบ Materials Innovation Lab (MIL)

นอกจากนี้ปี 2003 จัดตั้งทีมงานด้านความยั่งยืนและสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรายงานเรื่องสิ่งแวดล้อม ปี 2007 ตั้งคณะผู้บริหารแผนกความยั่งยืนที่รายงานตรงต่อ CEO โดยตรง ส่วนโบนัสผู้บริหารจะคำนวณโดยใช้เป้าหมายความยั่งยืน และกำหนด Kering Standards ให้ซัพพลายเออร์และแบรนด์ในเครือต้องปฏิบัติตาม

มากกว่านั้น Kering ยังให้ความสำคัญกับพนักงาน ส่งเสริมความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ อาจเป็นด้วยความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิสตรีที่ทำให้ Emma Watson รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้านความยั่งยืนของ Kering ร่วมกับ Jean Liu นักธุรกิจหญิงชาวจีน

ย้อนอดีต Kering คว้า Gucci จากอ้อมอก LVMH

ทุกอย่างเริ่มต้นในเดือน ม.ค. ปี 1999 LVMH ทยอยสะสมหุ้น Gucci ไป 5% จากนั้นไม่กี่วันถัดมาก็เก็บหุ้นอีก 9.5% ต่อมาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนก็ถือหุ้น Gucci ไปแล้ว 26.7% และเพิ่มเป็น 34.6% ทำให้ LVMH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Gucci แต่การเจรจาซื้อหุ้นเพื่อครอบครองกิจการ Gucci ของ LVMH สะดุดเมื่อ LVMH ไม่รับประกันว่าผู้บริหาร Gucci จะบริหารงานโดยไม่มีการแทรกแซง

ทางผู้บริหาร Gucci จึงแก้เกมส์ออกหุ้นเพิ่ม ทำให้สัดส่วนหุ้น Gucci ที่ LVMH ถือลดลงเหลือ 20% โดยหุ้นส่วนที่เพิ่มทุนเข้ามาได้เอาไปขายให้กับ PPR จากนั้น PPR ก็ซื้อหุ้น Gucci จาก LVMH เพื่อได้สิทธิ์ครอบครอง Gucci และนำ Gucci ออกจากตลาดหลักทรัพย์

ต้องยอมรับว่าการถือครอง Gucci เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Kering ได้โอกาสซื้อแบรนด์หรูอื่นผ่าน Gucci group เช่น Balenciaga, Alexander McQueen แต่ Kering จะทำธุรกิจไม่กว้านซื้อแบรนด์และเน้นพัฒนาแบรนด์ที่ถือครอง

หุ้น Kering รายได้ กำไร เป็นอย่างไร น่าลงทุนหรือไม่?

ครึ่งแรกของปี 2023 Kering มีรายได้ 10,135 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 2.06% จากครึ่งแรกของปี 2022 และมีกำไรสุทธิ 1,780 ล้านยูโร ลดลง 10.21% จากครึ่งแรกของปี 2022 ถึงแม้กำไรสุทธิจะลดลงแต่ Net Profit Margin ก็ยังสูงถึง 17.57% (นับว่าไม่น้อยถ้าเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)

Kering อาศัยแบรนด์หลัก 3 แบรนด์สร้างรายได้รวม 74.3% ประกอบด้วย Gucci (50.59%), Yves Saint Laurent (15.5%) และ Bottega Veneta (8.2%)

เมื่อมองรายได้จากทั่วโลกพบว่าภูมิภาค Asia-Pacific ครองแชมป์ด้วยสัดส่วน 37% ตามด้วย Western Europe 27%, North America 22%, Japan 7% และอื่นๆ 7%

ปัจจุบัน Kering มีผู้ถือหุ้นหลักเป็น Artémis ซึ่งเป็น Holding company ของครอบครัวตระกูล Pinault ด้วยสัดส่วน 42%

และช่วง COVID-19 ก็เป็นสิ่งพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแบรนด์ซึ่งรายได้และกำไรเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก

  • ปี 2019 รายได้ 15,880 ล้านยูโร กำไร 2,130 ล้านยูโร
  • ปี 2020 รายได้ 13,100 ล้านยูโร กำไร 2,150 ล้านยูโร
  • ส่วนปี 2021 รายได้ 17,650 ล้านยูโร กำไร 3,180 ล้านยูโร
  • ปี 2022 รายได้ 20,350 ล้านยูโร กำไร 3,610 ล้านยูโร

ปัจจุบัน (ณ วันที่ 4 ก.ย. 2023) หุ้น Kering ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศสที่ระดับ P/E 17.68 เท่า แม้มูลค่าอาจน่าสนใจแต่มีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มซบเซา รายได้และกำไรอาจเติบโตช้าลง อย่างไรก็ตามหากเป็นนักลงทุนที่สนใจการลงทุนระยะยาว มีการเติบโตไปตามกระแส Megatrend ก็เรียกได้ว่าหุ้น Kering ตอบโจทย์นี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหุ้นใหญ่ในบ้านเรา เพราะกระแสแฟชั่นหรูหราระดับ Luxury ยังคงอยู่กับคนรุ่นใหม่ไปอีกนาน

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile