เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่ทุยได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งนอกเหนือจากจุดประสงค์ที่จะไปพักผ่อนแล้วนั้น พี่ทุยอยากไปสัมผัสบรรยากาศ สถานที่ท่องเที่ยวตามจุดต่าง ๆ หลังจากที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่บรรเทาลง และสิ่งที่พี่ทุยสังเกตได้ก็คือ มีเพียงแค่นักท่องเที่ยวชาวไทยในจำนวนพอประมาณ ส่วนร้านค้าและร้านอาหารสตรีทฟู้ดตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ค่อนข้างจะซบเซา และมีจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการลงไป
พี่ทุยเลยอยากมาแชร์ถึงความสำคัญและสถานการณ์ของภาคท่องเที่ยวไทยในปัจจุบัน ให้ทุกคนได้ทราบว่าเป็นยังไงกันบ้าง ตามพี่ทุยมาเลยยยยย
ภาคท่องเที่ยวสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยแค่ไหน ?
“ภาคท่องเที่ยว” เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญและมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บางปีที่ภาวะทั่วโลก รวมถึงไทยเอง อยู่ในอาการซึม ๆ ก็เป็นภาคท่องเที่ยวนี่แหละ ที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยเอาไว้ได้
จากข้อมูลในปี 2562 ภาคท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศรวมทั้งหมดเป็นมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ต่อ GDP โดยรายได้นี้มาจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด และมูลค่าอีก 2 ล้านล้านบาท หรือ 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้นเกือบ 40 ล้านคน ที่ต่างตบเท้าเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
พี่ทุยอยากบอกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล จนถึงขนาดที่ทำให้ไทยติดอันดับ TOP5 ของโลก สำหรับประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุด เทียบได้กับประเทศฝรั่งเศสและสเปน ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของโลกได้เลย
ขณะเดียวกัน ภาคท่องเที่ยวก็เป็นภาคเศรษฐกิจที่มีแรงงานไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 3 ล้านคน และถ้านับรวมแรงงานไทยที่อยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวด้วยแล้วเนี่ย อาจมีจำนวนเฉียดๆ 10 ล้านคนเลยนะ หรือก็คิดเป็นสัดส่วนถึงราว 1 ใน 3 ของกำลังแรงงานไทยทั้งประเทศ
ถึงตรงนี้พอจะเห็นได้ว่า ภาคท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากแค่ไหน การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากจะช่วยสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับผู้ประกอบการ นักธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรงหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจจำหน่ายสินค้า และธุรกิจนำเที่ยว แต่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นด้วยนะ
สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ตั้งแต่ที่ไวรัสโควิด-19 ในไทยรุนแรงขึ้น ทำให้ไทยต้องประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งมีการปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วทั้งประเทศ และงดการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเลย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว เทียบกับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยทั้งหมด 6.7 ล้านคน
หมายความว่า ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือเพียง 6.7 ล้านคนเท่านั้น ลดลงจากปี 2562 ที่มีจำนวนถึงเกือบ 40 ล้านคน ทำให้รายได้เข้าประเทศหายไปแล้วราว 1 ล้านล้านบาท หรือลดลงถึง 80% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ของธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะจังหวัดที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
ซึ่งพี่ทุยได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมและร้านอาหาร ผู้ประกอบการรายย่อย และชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจอยู่ในพื้นที่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนัก มีการปิดเมืองทั่วทั้งประเทศ และไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย ทำให้รายได้ที่เคยรับเข้ามาหายไปแทบเป็นศูนย์ บรรยากาศการท่องเที่ยว ผู้คนที่ครึกครื้นกลายเป็นความเงียบเหงาเสมือนบ้านผีสิง แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีนักท่องเที่ยว คิดหาแนวทางแก้ไข ปรับแผน เปลี่ยนกลยุทธ์การทำธุรกิจในรูปแบบที่ต่างจากเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ในวันที่ทุกอย่างคลี่คลายลง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันที่ประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ก็จะเริ่มเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศกันบ้าง แต่คงต้องบอกตามตรงว่าคงไม่สามาถชดเชยการขาดหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทั้งหมด เพราะกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมากกว่าเท่าตัวและมีจำนวนวันเข้าพักที่สูงกว่ามาก
จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว – มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับคึกคักขึ้น หลายคนก็กำลังวางแผนเดินทางท่องเที่ยวกันในช่วงปลายปีด้วย
และล่าสุดภาครัฐได้ขยายมาตรการภายใต้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ไปจนถึง 31 มกราคม 2564 จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในสิ้นเดือนตุลาคม 2563 นี้ นอกจากนี้ภาครัฐได้อนุมัติเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) มาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา โดยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการอยู่ยาวอย่างน้อย 90 วัน แต่มีการจำกัดจำนวนการเดินทางเข้าประเทศไม่เกินเดือนละ 1,200 คน และต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขและต้องยินยอมกักตัวอยู่ในห้องพักเป็นเวลา 14 วัน (Alternative State Quarantine)
ตรงนี้เอง พี่ทุยคิดว่าถึงแม้สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการขาดหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มาตรการต่าง ๆ ของทางภาครัฐ ทั้งการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้บางส่วน และมาตรการการท่องเที่ยวในประเทศที่ออกมา ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเริ่มฟื้นตัวในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
พี่ทุยก็อยากเชิญชวนให้คนไทยที่พอมีกำลังมาใช้สิทธิ์ (พี่ทุยก็ใช้เหมือนกันนับว่าคุ้มค่าแก่การท่องเที่ยวมาก ๆ) จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐภายใต้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่เพิ่งขยายระยะเวลาไป ในการรับส่วนลดค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าอาหาร
ซึ่งนอกจากจะเป็นเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนไปในตัวแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ธุรกิจและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลับมามีรายได้อีกครั้ง และเป็นการช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจที่นับว่ามีความสำคัญที่สุดของไทยเลย
jzpjjesb
iwkgcvoj
symplemc
1
-1 OR 2+881-881-1=0+0+0+1 --
0'XOR(if(now()=sysdate(),sleep(15),0))XOR'Z
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
Anonymous
taozbauy
nnripwdf
eomzklty
lnrpwrhr
kaegrbty
nvdutjot
ybhncxfx
skaxqjhs
ryogbxbs
jphoqycq
Episa
usoszzwb
eaqhhxij
zorivare worilon
utpsqklv