หุ้นกู้ ITD เลื่อนชำระหนี้ อิตาเลียนไทยจะหาเงินคืนได้มั้ย?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) หรือ ITD เตรียมนัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 17 ม.ค. 67 เพื่อขอยืดชำระเงินต้นหุ้นกู้ทุกรุ่นไป 2 ปี แต่ยังคงจ่ายดอกเบี้ยให้ตามปกติ โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อีก 0.25-0.5%
  • บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนประมาณ 64,700 ล้านบาท ต่ำกว่าหนี้สินหมุนเวียนที่มีอยู่ประมาณ 71,000 ล้านบาท มีสภาพคล่องพร้อมใช้ประมาณ 5,366 ล้านบาท หนี้สินระยะสั้นมีอยู่ประมาณ 18,000 ล้านบาท
  • จากนี้ต้องติดตามว่าที่ประชุมจะพิจารณาว่ากรณีนี้เป็นการผิดนัดชำระหนี้ (Default) หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลต่อถึงหนี้ที่เป็นเงินกู้จากธนาคารมูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งอาจถูกจัดเป็นหนี้ NPL

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

займ безработным без отказа. เป็นข่าวใหญ่สำหรับตลาดหุ้นและหุ้นกู้ไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 นี้เลย สำหรับข่าวบริษัท อิตาเลียนไทย ยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้าง ขอยืดชำระเงินต้นหุ้นกู้ไป 2 ปี ส่งราคาหุ้นร่วงวันเดียว 12.37% พร้อมกดดันดัชนี SET ไทยปิดลบ 0.67% วันนี้พี่ทุยเลยรวบรวมข้อมูลมาสรุป พร้อมเจาะลึกที่มาที่ไป สภาพการเงินบริษัท ทำไม หุ้นกู้ ITD เลื่อนชำระหนี้ อนาคตมีอะไรต้องติดตาม และคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่กังวล ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย

ITD นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ขอยืดชำระเงินต้น 2 ปี เพิ่มดอกเบี้ย 0.25-0.5%

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 67 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) หรือ ITD เปิดเผยว่าเตรียมนัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 17 ม.ค. 67 เพื่อขอยืดชำระเงินต้นหุ้นกู้ทุกรุ่นไป 2 ปี แต่ยังคงจ่ายดอกเบี้ยให้ตามปกติ โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อีก 0.25% นับแต่วันถัดจากวันครบกําหนดไถ่ถอนเดิมจนถึงวันครบ 1 ปี จากวันครบกําหนดเดิม (ปีที่ 0-1) และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อีก 0.50% นับแต่วันถัดจากวันครบ 1 ปีจากวันครบเดิมจนถึงวันครบกําหนดใหม่ (ปีที่ 1-2)

โดย ITD มีหุ้นกู้รุ่น ITD242A ที่จะครบกำหนดวันที่ 15 ก.พ. 67 มูลค่า 2,000 ล้านบาท และมีอีก 2 รุ่นที่ครบกำหนดในวันที่ 4 ธ.ค. 67 คือ ITD242DA, ITD24DB มูลค่ารวม 3,670 ล้านบาท

ส่วนปี 2568 มีหุ้นกู้ครบกำหนดในวันที่ 29 เม.ย. 68 คือ ITD254A มูลค่า 6,000 ล้านบาท และปี 2569 มีหุ้นกู้ครบกำหนดในวันที่ 2 มิ.ย. 69 คือ ITD266A มูลค่า 2,785 ล้านบาท

ส่องสภาพการเงิน ITD แย่แค่ไหน? ถึงขอเลื่อนชำระหุ้นกู้

เพียงแค่ส่องผลประกอบการย้อนหลังก็เห็นสัญญาณไม่ดีแล้ว ระหว่างปี 2562-2565 ขาดทุนสุทธิทุกปี ส่วน 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิรวม 379 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเป็นรายได้พิเศษ ไม่ได้เกิดจากธุรกิจหลัก

แม้ผลประกอบการจะดูดีขึ้นบ้าง แต่อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นต่อเนื่องช่วงที่ผ่านมาก็กระทบสภาพการเงิน ITD เช่นกัน ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับเดียวกันของปี 2565

ทีนี้ลองดูเงินในกระเป๋าของบริษัทตอนนี้กันบ้าง บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนประมาณ 64,700 ล้านบาท ต่ำกว่าหนี้สินหมุนเวียนที่มีอยู่ประมาณ 71,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งมาดูสภาพคล่องระยะสั้นจะพบปัญหาอีกว่าบริษัทมีสภาพคล่องระยะสั้นไม่เพียงพอชำระหนี้สินระยะสั้นได้ทั้งหมด

บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 4,071 ล้านบาท เงินฝากสถาบันการเงินที่มีข้อจำกัดการใช้-หมุนเวียน 781 ล้านบาท และเงินลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ 514 ล้านบาท รวมแล้วมีสภาพคล่องพร้อมใช้ประมาณ 5,366 ล้านบาท

ฝั่งหนี้สินระยะสั้นมีอยู่ประมาณ 18,000 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือน ก.พ. 67 จำนวน 2,000 ล้านบาท และหนี้สินระยะยาวที่มีกำหนดต้องชำระคืนภายในหนึ่งปี 16,000 ล้านบาท

แต่จากอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่าย ในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 2.75 เท่า ทำให้ ITD เสนอยืดการชำระเงินต้นแต่ยังจ่ายดอกเบี้ยอยู่

สาเหตุที่ ITD ย่ำแย่ขนาดนี้

ปัญหานี้เกิดจากสาเหตุที่เรื้อรังมายาวนาน โดยเฉพาะไปลงทุนหลายโครงการแล้วผิดพลาด มีทั้งไม่เป็นไปตามแผนและล่าช้ากว่ากำหนด เช่น โครงการทวาย ที่เมียนมา มูลค่า 8,000 ล้านบาท ที่ล่าช้าและเจอสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา, โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท รวมถึงเจอปัญหางบค้างท่อและการเบิกจ่ายงบภาครัฐที่ล่าช้า ซึ่งนักลงทุนต่างคาดหวังโครงการเหมืองโปแตซ แต่กระแสข่าวก็เงียบไปแล้ว ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

ด้วยบริษัทประกอบธุรกิจรับเหมาที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมาก และการที่โครงการเหล่านี้ลงทุนไปแล้วแต่ไม่มีรายได้หรือสภาพคล่องเข้าบริษัท ทำให้ไม่สามารถแข่งขันรับงานใหญ่เพื่อหารายได้เข้าบริษัท ส่งผลให้ ITD มีปัญหาสภาพคล่องตึงตัวต่อเนื่องมาจนปะทุในวันนี้

ปัญหานี้สะท้อนออกมาเรื่อย ๆ ผ่านราคาหุ้นซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 9.45 บาท เมื่อเดือน ก.พ. 2558 แล้วลดลงต่อเนื่องจนถึงวันนี้ (8 ม.ค. 67) มาอยู่ที่ระดับ 0.85 บาท

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นกู้ และวงการก่อสร้าง

ต่อจากนี้ต้องติดตามว่าเจ้าหนี้จะพิจารณาว่ากรณีนี้เป็นการผิดนัดชำระหนี้ (Default) หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลต่อถึงหนี้ที่เป็นเงินกู้จากธนาคารมูลค่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งอาจถูกจัดเป็นหนี้ NPL และกระทบต่อผลประกอบการธนาคารพาณิชย์และความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ

ตลาดหุ้นกู้ไทยปี 2567 มีหุ้นกู้ครบกำหนด 1.07 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment Grade 9 แสนล้านบาท และ High Yield 1.7 แสนล้านบาท โดยต้องติดตามว่าความกังวลจะลุกลามไปสู่หุ้นกู้วงการอสังหาฯ ที่มีครบกำหนด 1.8 แสนล้านบาท

ที่สำคัญต้องติดตามในระยะสั้น ไตรมาส 1 ปี 2567 มีหุ้นกู้ครบกำหนด 1.9 แสนล้านบาท เป็นกลุ่ม Investment Grade 1.48 แสนล้านบาท และ High Yield 2.04 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ที่ครบกำหนดในไตรมาสนี้จะเป็นกลุ่มอสังหาฯ อีกด้วย

ถึงแม้ปัญหานี้อาจไม่ก่อให้เกิดวิกฤติ แต่ก็น่าจะสร้างความกังวลมากพอที่จะทำให้บริษัทอื่นออกหุ้นกู้ใหม่ยากขึ้นมาก หรืออาจต้องเสนอดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติจนอาจกลายเป็นภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น

แต่ก็ยังมีข่าวดีบ้างในวงการก่อสร้าง โดยทั้งบริษัท CIVIL และ STEC เผยในทิศทางเดียวกันว่าบริษัทยังมี Backlog จำนวนมากและไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติม โดยภาพรวมอุตสาหกรรมปี 2567 บริษัทที่พึ่งพารายได้จากภาครัฐอาจเจอปัฐหาเบิกงบล่าช้า แต่คาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติในปี 2568

อนาคต หุ้นกู้ ITD จะเป็นยังไงต่อ? คนถืออยู่ต้องทำไงดี?

ยังมีความไม่แน่นอนรออยู่อีกมากทั้งการพิจารณาว่าจะเป็นการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ การเจรจาจ่ายเงินต้นจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบในวงกว้างมากแค่ไหน แต่คาดว่าอนาคตของบริษัทน่าจะยากลำบาก หารายได้ยากขึ้น เนื่องจากอาจถูกตัดสิทธิ์ประมูลงานจากปัญหาด้านคุณสมบัติ รายได้ลดลงต่อ และสร้างปัญหาหนี้สินตามมาอีก

ดังนั้นใครที่ยังไม่ได้ลงทุน ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัท ITD และถ้ามีการลงทุนอยู่ทั้งในหุ้นและหุ้นกู้ควรลดสัดส่วนจนถึงระดับที่ไม่กังวลหรือถ้ากังวลควรขายทั้งหมด แล้วไปหาโอกาสใหม่ที่น่าสนใจกว่า

สรุปกรณี หุ้นกู้ ITD ยืดจ่ายหนี้ 2 ปี ส่งหุ้นร่วงหนักวันเดียว -12.37%

ต้องติดตามเลยว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้จะพิจารณาว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ เพราะอาจสร้างความกังวลได้อีกระลอก แต่ถ้ามองภาพรวมก็จะเห็นว่าไม่ได้น่ากังวลทั้งหมด พี่ทุยมองว่าใครที่กำลังลงทุนหุ้นกู้ ควรวิเคราะห์แยกแต่ละบริษัท ดูเรื่องรายได้และสภาพคล่องเป็นหลัก ถ้าพบว่าถือลงทุนบริษัทที่อาจมีปัญหาควรเปลี่ยนไปลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างการเงินในเกณฑ์ดี

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile