Huawei ผู้เปลี่ยนเงินหมื่นเป็นแสนล้าน

Huawei ผู้เปลี่ยนเงินหมื่นเป็นแสนล้าน

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • Huawei ทำลายข้อจำกัดหลายอย่างที่มักมีเวลาคิดจะเริ่มทำธุรกิจ​ โดยเริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียนเพียง​ 21,000 หยวน หรือ​ 90,000​ บาท​ จนกลายมาเป็นบริษัท​ยักษ์​ใหญ่​ของโลกที่มีมูลค่า​ถึงหกแสนล้านบาทอย่างทุกวันนี้
  • ผลิตภัณฑ์​หลายอย่างของ Huawei มีจุดเด่นที่ความหลากหลาย เเละล้วนทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน​ Huawei Health เช่น​ เครื่องชั่งน้ำหนัก​ ที่จะรายงานผลค่าอื่น ๆ​ นอกจาก​น้ำหนักผ่านแอปพลิเคชัน​และ Huawei Watch GT​ ที่รองรับการใช้งานสำหรับคนชอบออกกำลังกา​ย ​
    ภายใต้การมีเเบตเตอรี่ที่อึดกว่า
    Smart Watch ยี่ห้ออื่น
  • คนจีนไม่ค่อยเชี่ยวชาญ​ด้านวิทยาศาสตร์​ และเทคโนโลยี​มากนัก​ ถึงจะมีนักศึกษา​จบทางด้านวิทยาศาสตร์ ​และเทคโนโลยีเฉลี่ยสามแสนคนต่อปี​ ซึ่งถือเป็นอับดับ 1 ของโลก แต่กำลังการเเข่งขัน​เป็นแค่อันดับที่ 28 ของโลก​เท่านั่น​ Huawei จึงทุ่มเงินในการวิจัยและพัฒนา​(Research​ and Development) จนเกิดนวัตกรรม​ใหม่ ๆ​ ตลอดเวลา

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ผู้ที่ไม่ได้มีแต้มต่อในชีวิตหลายคนคงเคยมีความคิดในเชิงตัดพ้อ​น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง​ ที่ไม่ได้เกิดมารวยแบบเงินจะได้ต่อเงินง่าย ๆ​ หรืออยู่ในครอบครัวที่มีธุรกิ​จมั่นคงให้สืบทอดอยู่แล้ว​ ถ้าตีเป็นตัวเลข​ 1-100​ ลูกเศรษฐี​เหล่านั้นไม่ต้องเริ่มเดินจาก​ 0​ เหมือนคนทั่ว ๆ​ ไป​ ฝึกคลานครั้งเเรกก็อยู่ที่เลข 50 แล้ว​ แต่เชื่อมั้ยว่า​ การที่ได้เริ่มต้นจาก​ 0​ เรียกได้ว่ามีเเต้มต่อชีวิตสำหรับบางคนแล้ว​ เพราะเค้าเริ่มต้นจาก​ -​10 จนขยับเข้าใกล้ 100 มาเรื่อย ๆ​ อย่างทุกวันนี้ พี่ทุยจะมาเล่าเรื่อง​แบรนด์​ยิ่งใหญ่​ระดับโลกแบรนด์​หนึ่ง ที่เริ่มต้นมาอย่างไม่สวยงามอย่าง​ Huawei พี่ทุยจะบอกว่าบอกว่าใคร ๆ​ ก็สามารถมีบริษัทยิ่งใหญ่แบบ​ Huawei​ ได้

เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง​ Huawei​ ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

ชีวิตในวัยเด็กของ เหรินเจิ้งเฟย ลำบากมาก​ เขาเกิดในครอบครัวที่มีพี่น้องถึง​ 7​ คน​ ในบ้านไม่มีตู้เก็บของที่ล็อคกุญ​แจได้แม้แต่ตู้เดียว​ ที่นอน​นุ่ม ๆ​ ก็ไม่มี แต่ต้องนอนบนพื้นที่ปูด้วยฟางข้าวให้นุ่มขึ้น​ พี่น้อง​ 2 คนต้องแบ่งกันห่มผ้าผืนเดียวกัน​ เหรินเจิ้งเฟยไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่​ แม้แต่ชุดนักเรียนก็ไม่มีใส่​ แต่ครอบครัวของเหรินเจิ้งเฟยให้ความสำคัญ​กับการศึกษา​มาก​ เขาจึงได้มีโอกาสเรียนมหาลัย​ และตอนเรียนนั้น​ พ่อของเหรินเจิ้งเฟยก็ติดคุกแถมโดนซ้อมปางตายบ่อย ๆ​ ด้วยถึงไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด​ เหรินเจิ้งเฟยก็ใช้มือสองข้างที่มีอยู่ขยัน​ สร้างเนื้อสร้างตัวจนอิ่มได้อย่างทุกวันนี้เนี่ยแหละ

Huawei เริ่มต้นที่เซินเจิ้น

พี่ทุยเชื่อว่าถ้าไปทำการสำรวจแล้ว เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า​เซินเจิ้นคนจะคิดถึงอะไร​ แทบจะร้อยทั้งร้อย​คงตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่านึกถึงของก๊อป เพราะเซินเจิ้นในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่คือแหล่งผลิตของเลียนเเบบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจอมก็อปปี้ของโลกอย่างจีน​ แต่พี่ทุยบอกเลยว่าควรไปเซินเจิ้นกันสักครั้ง เราจะได้รู้ว่าภาพจำในหัวเกี่ยวกับเซินเจิ้น หรือแม้กระทั่งเมืองจีนต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

ตอนนี้เราอาจจะคิดว่าการที่​ Huawei​ ตั้งอยู่ที่เซินเจิ้นก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร​ แต่ลองย้อนเวลาไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เเบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักสิ​ การถูกตราหน้าว่าเป็นแบรนด์​มือถือเซินเจิ้นคงถือเป็นอุปสรรคชิ้นโตที่เหนี่ยวรั้งเค้าเอาไว้​และคงต้องฝ่าฟันมาไม่น้อย​ กว่าจะสามารถเป็นมังกรยืนเคียงข้างกับเเบรนด์ระดับโลกสัญชาติ​อเมริกัน​ทั้งหลายได้อย่างทุกวันนี้

Huawei ผู้เปลี่ยนเงิน​ 90,000 บาทเป็น​ 6 แสนล้านบาท

ใครไม่มีทุนเริ่มต้นมากมาดูนี่เร็ว ๆ​ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง​ Huawei นั้น​ เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี​ ..1987 ด้วยทุนจดทะเบียน​เพียง​ 21,000 หยวนหรือประมาณ​ 90,000​ บาทไทย​ โดย​เหรินเจิ้งเฟยและเพื่อนอีก​ 5 คน​ โดยชื่อ​ Huawei คือ​จงหวาโหย่วเหวยซึ่งแปลว่า​จีนเลอเลิศ

ในตอนแรกที่ก่อตั้งบริษัท​ Huawei​ ขายทุกอย่างเลย​ที่ขายได้​ ตั้งแต่เครื่องส่งสัญญาณ​เตือนเวลาเกิดไฟไหม้จนถึงยาลดความอ้วน​ ก่อนจะเริ่มมาโฟกัสที่ด้านสื่อสาร อย่างเป็นตัวแทนขายตู้โทรศัพท์​ ต่อมาในปี ​ค.. 2005 เหรินเจิ้งเฟยติด​ 100 อันดับผู้ทรงอิทธิพล​ของโลก​จากนิตรสาร​ TIME

ในปี ค.. 2008 Huawei ติดอันดับ​ 10 บริษัท​ที่ทรงอิทธิพล​ของโลกจาก​ Businessweek

ในปี ค.. 2013 Huawei ติด​ 315 ใน​ 500​ สุดยอดอันดับบริษัท​โลก​ที่จัดโดยนิตรสาร​ Fortune

และทุกวันนี้  Huawei  มีมูลค่าบริษัทสูงถึง​ 20,000​ ล้านเหรียญสหรัฐ ​หรือคิดเป็นเงินไทย​ 6 แสนล้านบาท​ คิดเป็นผล​ตอบแทนประมาณ​ 600,000,000,000,000%!! และจากพนักงาน​ 6 คนก็ขยายเป็นกว่า​ 150,000​ คน

ทุกวันนี้สมาร์ทโฟน​ของ​ Huawei ครองส่วนเเบ่งการตลาด​สูงเป็นอันดับสอง​ แซงหน้าไอโฟนและเป็นรองเพียงเเค่ซัมซุงเท่านั้น​ ถึงแม้ว่าในช่วงปลายเดือนพฤษภา​คมที่ผ่านมา​ เค้าจะมีปัญหากับอเมริกาซึ่งส่งผลกระทบ​ต่อยอดขายไม่น้อย​ แต่ก็ยังรักษาแท่นอันดับสองไว้ได้อย่างเหนียวเเน่น

Huawei ผู้เปลี่ยนเงินหมื่นเป็นแสนล้าน

พูดถึงที่มาในอดีต​ ความสำเร็จ​ในปัจจุบันของเค้ากันไปแล้ว​ มาดูเรื่องผลิตภัณฑ์​ที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้และกำลังจะมีในอนาคตกันบ้าง

นอกจาก Smartphone ที่เหมือนเป็นโลโก้เวลาพูดถึง​ Huawei​ แล้ว​ เค้าก็ยังมี ​Tablet และ ​Laptop รุ่นต่าง ๆ​ นอกจากนี้​ก็ยังมี​ Gadget อื่น ๆ​ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับ Smartphone และ Tablet อย่าง​ ตัวชาร์จ​แบบไร้สาย​ หูฟังไร้สาย​ ตัวสำรองข้อมูลแล้วก็ยังมี​นาฬิกา​ เครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่องกรองอากาศอีกด้วย​ ฟังชื่อสินค้าแล้ว​ คงจะรู้สึกเฉย ๆ​ ใช่มั้ยล่ะ​ แต่เค้าสามารถเปลี่ยนสินค้าที่ดูธรรมดา​อย่างนี้ให้ไม่ธรรมดาได้ ด้วยการเชื่อมต่อทุกอย่างกับมือถือด้วยแอปพลิเคชัน​ที่มีชื่อว่า​ Huawei Health โดยไม่ต้องใช้มือถือของเค้าก็ได้​ พี่ทุยขอหยิบมาเล่าให้ฟังนิดนึงนะ

เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Huawei

ลักษณะ​ภายนอกเหมือนเครื่องชั่งดิจิตอลทั่วไปทุกอย่าง​ แต่คุณสมบัติ​ภายในเค้าเหนือชั้นกว่ามาก​ เพราะไม่ได้ชั่งได้แต่น้ำหนักตัวเท่านั้น​ แต่ยังวัดค่าอื่น ๆ​ ได้อีก​ ได้แก่​ ค่า BMI (ดัชนีมวลกาย)​ Basal Metabolic Rate (อัตราการเผาผลาญพลังงานต่อวัน)​ Visceral Fat Level (ปริมาณไขมันในช่องท้อง)​ Muscle Mass (สัดส่วนมวลกล้ามเนื้อจากน้ำหนักตัว)​ Bone Mineral Content (สัดส่วนมวลกระดูกในร่างกาย)​ ปริมาณ​โปรตีนและน้ำในร่างกาย​ โดยข้อมูลเหล่านี้จะแสดงออกมาในหน้าแอปพลิเคชัน ​Huawei Health ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลเราไว้เรื่อย ๆ​ ทุกครั้งที่ชั่งน้ำหนัก​ และรายงานผลออกมา​ มีจัดทำเป็นกราฟให้เห็นด้วยนะ​ เราจะเห็นได้เห็นเลยว่าน้ำหนักและค่าต่าง ๆ​ ของเรามีแนวโน้ม​เพิ่มขึ้นหรือลดลงยังไง​ น่าสนใจและน่าปวดใจสำหรับสาว ๆ​ ไปพร้อมกันเลยนะ

Huawei Watch GT

เจ้าตัวนี้คือ​ นาฬิกาที่สายออกกำลังกา​ย​ต้องโดน​ มันอาจไม่ได้ตอบโจทย์หลากหลายเหมือนสมาร์ทวอทช์ อย่าง Apple Watch ที่กดเปลี่ยนเพลงผ่านนาฬิกาได้ และติดตั้งแอปพลิเคชัน​เพิ่มเติมได้​ แต่ Huawei Watch GT ทำส่วนอื่น ๆ​ ที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย​ได้แบบห้าดาวเลยนะ​ เช่น​ จับชีพจร​ จับเวลาในการออกกำลังกาย​ มี​ GPS มีเข็มทิศ​ บอกสภาพอากาศ​ บอกความดันและระดับความสูงได้​​ รวมถึงฟังก์ชั่น​ที่ดูเหมือน​จะได้ใจคน Gen Y ไปเต็ม ๆ อย่างจับสถิติการนอนหลับ​ ว่าการนอนของเรามีประสิทธิภาพ​แค่ไหนก็มีนะ

ฟังค์ชั่น​การทำงานอาจจะไมได้ทำให้​เค้าดูโดดเด่น​ แต่สิ่งที่ทำให้​ Huawei Watch GT​เป็นที่นิยม​ จนยอดขายโต​ 282.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว​ ก็คือ​ การที่แบตเตอรี่​อึดมาก​ Huawei​ Watch GT​ สามารถใช้งานต่อเนื่องแบบไม่ต้องชาร์จ​แบตนานถึง​ 2 อาทิตย์​ ในขณะที่​Apple Watch ใช้ได้นานต่อเนื่องแค่​ 18 ชั่วโมง​เท่านั้น​ เท่ากับว่าต้องคอยชาร์จ​ทุกวันเหมือนมือถือเลย

Huawei Gentle Monster

Gadget ตัวล่าสุดของ Huawei ตัวนี้คือ​ Smart Glasses ที่ไม่ได้เหมือนกับ​ Google Glasses ที่สามารถถ่ายรูปได้​ แต่จะรองรับคำสั่งเสียง​ โดยมีลำโพงซ้ายขวาอยู่ที่ขาแว่น​ แค่ใส่เเว่นตาเราก็สามารถคุยโทรศัพท์​ได้​ ตอนนี้ยังไม่มีขายในไทย​ ใครอยากได้ก็กำเงินรอเลยนะจ้ะ​ ราคาเปิดตัวน่าจะอยู่ที่​ 4 หลักปลาย ๆ​ จ้า

เวลาที่ดูหนังจีนทุกครั้ง​ เรามักจะเห็นภาพของคนจีนคงแก่การเรียนสอบจอหงวน​ ซึ่งต้องอ่านหนังสือ​เป็นตั้ง ๆ​ ในลักษณะ​ของการท่องจำมากกว่าประยุกต์ใช้​และจากผลการวิเคราะห์​การแข่งขัน​นานาชาติ​ของสถาบันMID ประเทศสวิตเซอร์แลนด์​พบว่า​ นักศึกษา​จีนจบด้านวิทยาศาสตร์​และเทคโนโลยี่​ประมาณ​ปีละสามแสนคน​ ซึ่งจัดเป็นอันดับ​ 1 ของโลก​ แต่กำลังการแข่งขันด้านเทคโนโลยี​จัดเป็นอันดับที่​ 28​ เท่านั้น​ ทั้งสองอย่างนี้ย่อมแสดงถึงการที่จีนไม่ค่อยเก่งด้านเทคโนโลยี​ แต่​ Huawei​ ก็แก้สิ่งนี้ได้ด้วยการทุ่มงบพัฒนาด้านวิจัยและพัฒนา ​(research and development) อย่างต่อเนื่อง​ จนมีนวัตกรรม​ปัง ๆ​ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

จากยอดขายของ Huawei​ ไม่ได้ดึงดูดให้สิ่งดี ๆ​ เข้ามาเท่านั้น​ ทุกคนคงจำกันได้ว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศแบน Huawei และข้อกล่าวหา​หลักในโลกที่  Big Data มีประสิทธิภาพ​ยิ่งกว่าอาวุธ​ร้าย​ใด ๆ​ อย่างทุกวันนี้ ก็คือ​ Huawei​ อาจจะแอบสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับรัฐบาลจีน​ พี่ทุยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้​เท่าไหร่นะ

แต่ได้ข่าวมาว่าผู้บริหารระดับสูงของ Huawei มีความสัมพันธ์​ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์​ ที่จำได้แม่นเลยคือ​ ในตอนที่ Huawei ตกที่นั่งลำบากเพราะจะถูกแบนไม่ให้ใช้ชิปที่ผลิตในอเมริกา​ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ก็ได้แสดงสัญลักษณ์​ตอบโต้​ โดยการไปเยี่ยมโรงงานผลิตแร่​ Rare-Earth ซึ่งเป็นส่วนประกอบ​สำคัญ​ในอุปกรณ์​อิเล็กทรอนิกส์​ทั้งหลาย​และจีนส่งออกกว่า​ 80% เสมือนเป็นการย้ำเตือนเบา ๆ​ ว่า​ อเมริกามีชิป​ จีนเองก็มีไม้ตาย​ คือ​ แร่ Rare-Earth ​นะ​ ถ้าจีนไม่ส่งออกให้​ อเมริกา​มีหนาวแน่ !

เราจะเห็นได้ว่า​ เส้นทางธุรกิจ​ของเค้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ​กว่าจะยิ่งใหญ่ได้แบบทุกวันนี้ ถ้าเราวางแผนและมองดี ๆ​ มันก็อาจจะคือประตูที่มีลูกบิดให้เปิดเข้าไปแทนก็ได้นะ​ แต่ขอขีดเส้นใต้ตรงคำว่า​มองดี ๆ​หน่อยนะจ้ะ มองหาโอกาสและหาจังหวะก่อน​ อย่าเพิ่งพุ่งตัวไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า​ เดี๋ยว​หัวโนแล้วจะมาโวยวายกับพี่ทุยไม่ได้นะ อิอิ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply