ช่วงที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี ประเทศไทยเราแทบจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ ๆ ที่พอจะดึงดูดนักลงทุนให้มาตั้งฐานการผลิตต่าง ๆ ในประเทศเลย โครงการล่าสุดก็คงจะเป็น Eastern Seaboard นั่นแหละ แต่ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า ในสมัยก่อนเราสร้าง Eastern Seaboard เพื่อตอบโจทย์การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างพวกเม็ดพลาสติก ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือคอมพิวเตอร์
การผลิตพวกเม็ดพลาสติก ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือคอมพิวเตอร์ ที่เคยเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในสมัยก่อน มาถึงปัจจุบันมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นก็เลยเป็นที่มาว่า ทำไมมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลงทุนอีกครั้งเพื่อพัฒนาให้เราสามารถรองรับการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงได้อีกครั้ง ผ่านโครงการที่ชื่อว่า Eastern Economic Corridor หรือที่เราจะคุ้นชื่อที่เรียกกันว่า EEC
ซึ่งถ้าเราไม่ทำ มีแนวโน้มที่การลงทุนเพื่อสร้างฐานการผลิตก็อาจจะย้ายไปที่ประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นไปได้ เพราะมีบางส่วนได้ย้ายไปแล้ว อย่างเช่น Samsung LG รวมถึง DAIKIN ก็ได้ย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
EEC เป็นการพัฒนาทั้งการคมนาคมและการขนส่งต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเหตุที่ประเทศไทยเราอยู่ในตำแหน่งที่ดี ทางซ้ายเราเชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และด้านบนเราก็เชื่อมต่อจีนตอนใต้เข้ากับภูมิภาคแหลมทอง ทำให้เรามีโอกาสเป็นศูนย์กลางทางด้านการคมนาคมและการขนส่งของภูมิภาคได้ด้วยโครงการ EEC ที่มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.5 ล้านล้านบาท พัฒนาทั้งทางน้ำ ทางอากาศ ทางถนน และระบบรางให้เชื่อมกันอย่างสมบูรณ์
มีการพัฒนาเรื่องทางน้ำเพื่อให้รองรับการขนส่งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีการพัฒนาทั้งหมด 3 ท่าเรือ ได้แก่
1. ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อขยายกำลังการผลิตให้รองรับได้คอนเทนเนอร์ได้ 18 ล้าน TEU ต่อปี
2. ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดการวัสดุเหลวและก๊าซธรรมชาติให้รองรับได้มากขึ้น
3. ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ
สำหรับการพัฒนาทางอากาศจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
1. สนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก (EEC-A) เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น
2. ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (TG MRO Campus) เป็นศูนย์กลางที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคสำหรับการซ่อมบำรุงอากาศยาน
นอกจากนั้นก็มีการพัฒนาทางถนน เพื่อให้ถนนเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ช่วยพัฒนาในเรื่องการขนส่งและการคมนาคม โดยจะมีการพัฒนาถนนมอเตอร์เวย์ทั้งหมด 3 เส้นทางด้วยกัน ได้แก่
1. มอเตอร์เวย์ สายกรุงเทพฯ – ชลบุรี
2. มอเตอร์เวย์ สายพัทยา – มาบตาพุด
3. มอเตอร์เวย์ สายแหลมฉบัง – นครราชสีมา
และสุดท้ายจะมีการลงทุนพัฒนาระบบรางเพื่อเชื่อมสนามบินทั้ง 3 สนามบิน และรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ ได้แก่
1. รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา เพื่อความสะดวกและลดระยะเวลาการเดินทาง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลง
2. รถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ เชื่อมต่อเขตอุตสาหกรรมทั่วประเทศไปยังท่าเรือทั้ง 3 แห่ง
แล้วแน่นอนว่าเมื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ย้ายถิ่นฐานมา การเพิ่มขึ้นของชุมชนบริเวณนั้นก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ก็จะตามเพื่อรองรับความต้องการตรงนั้น และแน่นอนว่า “Origin Smart City Rayong” จาก ORIGIN ก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกพูดถึงอย่างมากเพื่อรองรับการเติบโตของ EEC ครั้งนี้
“Origin Smart City Rayong” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองระยองบนพื้นที่กว่า 24 ไร่ มูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาท !! โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่ของภาครัฐด้วยการนำเทคโนโลยี ภายใต้คอนเซปท์ “BEYOND A LIVING PLATFORM” ที่ช่วยทำให้จัดการชีวิตให้สะดวกสบายมากขึ้นมาพร้อม 3 แกน SMART TECH, SMART ECO และ SMART COMMUNITY
“Origin Smart City Rayong’’ มาในคอนเซปต์ BEYOND A LIVING PLATFORM ชีวิตอนาคต..กำหนดได้ที่นี่
ทรานฟอร์มการใช้ชีวิตสู่สังคมแห่งเทคโนโลยีอนาคต สร้างเมืองใหม่ตอบสนองการพัฒนาของภาครัฐด้วยโครงการเมกะโปรเจคกว่า 24 ไร่ มูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาท บนทำเล New CBD ใจกลางเมืองใหม่ระยอง
SMART TECH คือ สิ่งที่มาช่วยยกระดับชีวิตให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเราให้เชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารไร้สายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกกันว่า Internet of Thing (loT) พี่ทุยจะมาบอกเล่าสิ่งที่น่าสนใจให้ได้รู้กัน นั่นก็คือ
Home Automation ที่มีทั้งการควบคุมการล็อกประตูผ่าน Digital Door lock สั่งการผ่าน Mobile Application / ระบบเซนเซอร์เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ (Motion Sensor Nightlight) ช่วยทำให้พื้นที่ที่มีแสงน้อย ปลอดภัยขึ้น / ระบบเปิด-ปิดไฟผ่านสมาร์ทโฟน (Lighting Control) / ควบคุมและปรับอุณหภูมิแอร์ผ่าน Application (Air Control)
Intelligence Facility พื้นที่ส่วนกลางอัจฉริยะ ถือว่าเป็น Smart Platform สำหรับการอยู่อาศัยที่มีระบบความฉลาดล้ำเยอะแยะมากมาย
SMART ECO เป็นเมืองต้นแบบที่มีแนวคิดการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Management System) สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย และเกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้พลังงาน
SMART COMMUNITY
นอกจากนั้นแล้ว พี่ทุยก็รู้มาว่าในพื้นที่แห่งนี้ จะเป็นอาณาจักรที่สุดแสนจะสมาร์ท นั่นก็สามารถทำอะไรก็ได้ อยู่กันได้ทั้งวันที่นี่เลย ไม่ว่าจะเป็นเดินช็อปปิ้งซื้อสินค้าใน Supermarket หรือว่าจะนั่งทำงานที่ 24 Hours Co-Working Space บางครั้งเราอาจจะไม่ได้นั่งทำงานเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะชวนเพื่อนมานั่งกินกาแฟชิคๆก็ได้เหมือนกัน ภายในอาณาจักร ยังประกอบด้วย Serviced Apartment, Serviced Office และโรงแรม Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Group
ในปัจจุบันกระแส Cashless Society มาแรง ที่นี่ก็รองรับเช่นเดียวกัน มีทั้งเครื่องจำหน่าย Snack เครื่องดื่ม อัตโนมัติ 24 ชั่วโมง และเครื่องซักผ้า ที่รับการจ่ายเงินแบบ e-Payment ที่ใช้การสแกน QR Code ง่าย ๆ ก็สามารถใช้งานได้เรียบร้อย
เตรียมพบกับงานเปิดตัวของ Origin Smart City Rayong ปรากฎการณ์ทรานฟอร์มที่อยู่อาศัยได้เร็ว ๆ นี้ คลิก
Comment