ถ้าใครได้ติดตามโลกออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง พี่ทุยเชื่อว่าหลายคนต้องได้ยินข่าวการเชื่อมโยงของ “CP-Sinovac” กันมาบ้างแน่นอน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงได้ชี้แจงประเด็นการถือหุ้นที่เกิดขึ้นระหว่าง 3 บริษัท คือ CP, Sinovac Life Sciences และ Sino Biopharmaceutical
การร่อนจดหมายแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเกิดความสับสนในโลกออนไลน์ ซึ่ง CP ระบุไว้ว่า มีอยู่สองกระแสหลัก คือ
- CP ถือหุ้นซิโนแวค 15%
- CP อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาล
CP แถลงการณ์ว่าอย่างไรบ้าง?
แถลงการณ์ของ CP ตอบข้อสงสัยทั้ง 2 ข้อดังกล่าว คือ การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ Sinovac เพราะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล (G2G) โดยเอกชนอย่าง CP ไม่มีความเกี่ยวข้อง
อีกข้อคือปฏิเสธว่า ตัวบริษัท CP Group หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ไม่ได้เป็นผู้เข้าลงทุนใน บริษัทผู้ผลิตวัคซีน Sinovac Life Sciences ด้วยตัวเอง และเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท Sino Biopharmaceutical ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโดยตรงใน Sinovac Life Sciences เท่านั้น
ข่าว CP-Sinovac มาจากไหน?
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา นิกเกอิ (Nikkei) สื่อด้านธุรกิจรายใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานข่าวว่า “Hong Kong-listed Sino Biopharmaceutical, controlled by CP Pharmaceutical Group, is to put in $515 million, giving it a 15% stake in Sinovac Life Sciences, the unit in charge of CoronaVac production.”
แปลเป็นไทยใจความว่า “บริษัท Sino Biopharmaceutical ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและอยู่ภายใต้ CP Pharmaceutical Group ได้เข้าลงทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ในบริษัท Sinovac Life Sciences
ในการลงทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัท Sino Biopharmaceutical ถือหุ้น 15% ในบริษัท Sinovac Life Sciences ผู้ผลิตวัคซีน CoronaVac หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อวัคซีน Sinovac” ในรายงานยังระบุด้วยว่า ซีพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ CP Pharmaceutical เป็นหนึ่งในบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในจีนและให้ความสนใจกับธุรกิจหลากหลายด้านตั้งแต่อาหารไปจนถึงการประกันภัย
หลังจากรายงานของนิกเกอิ (Nikkei) ฉบับนี้ออกมา สื่อไทยหลากหลายเจ้าได้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวออกไป และเกิดการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ในเว็บไซต์ของ CP อย่าง wearecp.com กลับลงข่าวดังกล่าวใจความว่า
“สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ว่า บริษัท Sino Biopharmaceutical ได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติมจากบริษัท CP Pharmaceutical Group จำนวน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีน CoronaVac ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากเดิม 300 ล้านโดสต่อปี ให้กลายเป็น 600 ล้านโดสต่อปี”
Sino Biopharm เกี่ยวข้องกับ CP อย่างไร?
ในเว็บไซต์ของ CP Pharmaceutical Group ได้เขียนบทความส่วนที่อธิบายความเป็นมาของบริษัทเอาไว้ โดยมีตอนหนึ่งใจความว่า CP Pharmaceutical Group ได้จดทะเบียนเข้าตลาด Growth Enterprise Market ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์รองของฮ่องกง เมื่อปี 2000 โดยใช้ชื่อว่า “Sino Biopharmaceutical Limited” ก่อนจะย้ายไปยังตลาดหลักในปี 2003
นอกจากนี้ ในหน้าบทความดังกล่าวยังระบุด้วยว่า CP Pharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทรองของซีพีกรุ๊ป ได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่อย่างซีพีกรุ๊ปด้วย
เนื่องจากบริษัท Sino Biopharmaceutical ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องมีการออกรายงานประจำปีอย่างต่อเนื่อง โดยปีล่าสุดปี 2020 ระบุว่า ในบอร์ดของกรรมการบริษัท มี Ms. Tse หรือ Theresa Y Y วัย 28 ปี เป็นประธานบอร์ด ขณะที่ยังมีตระกูล Tse ดำรงตำแหน่งในบอร์ดอีกหลายตำแหน่ง
Theresa เป็นลูกสาวของ Tse Ping ผู้ก่อตั้งบริษัท CP Pharmaceutical วัย 69 ปี ซึ่งภายหลังได้นำทรัพย์สินส่วนหนึ่งไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อ Biopharmaceutical
จากประวัติที่ฟอร์บส์ (Forbes) เขียนเอาไว้ Tse Ping เป็นสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลเดียวกับธนินท์ เจียรวนนท์ ขณะที่ประวัติจากเว็บไซต์ Successstory.com ได้ลงประวัติของ Tse Ping เอาไว้ว่า ในช่วงปี 1950 ครอบครัวของเขาอพยพไปประเทศไทยกันหมด แต่ Tse Ping อยู่ที่จีนกับญาติอาวุโสที่ไม่ต้องการละทิ้งแผ่นดินเกิด
ความเห็นมวลชนเป็นอย่างไร?
เนื่องจากข้อมูลที่สับสนก่อนหน้า ทำให้หลายคนยังนำบทความในเว็บ wearecp ออกมาถามต่อตัว CP ภายใต้แถลงการณ์ดังกล่าวว่าทำไมในบทความของ CP เองถึงบอกว่า CP Pharmaceutical เป็นผู้ถือหุ้น 15% รวมถึงยังมีข้อมูลของบริษัท CP Pharmaceutical ซึ่งระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อีกด้วย
ขณะที่บางคนระบุว่า ภาพลักษณ์ของวัคซีน Sinovac ผูกติดกับบริษัท CP และรัฐบาลไปแล้ว ถ้าภาพลักษณ์ของวัคซีนไม่ดี ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ CP และรัฐบาลด้วยเช่นกัน
ส่วนบางความเห็นยังคงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเผ็ดร้อนว่าการที่ CP ออกแถลงการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ช่วยตอบคำถามว่าทำไมรัฐบาลถึงซื้อวัคซีนในราคาแพง ขณะที่ประสิทธิภาพยังไม่ได้รับการรับรองในหลายประเทศ
อ่านคอนเทนต์อื่น ๆ เพิ่มเติม