พี่ทุยยอมรับเลยว่า อุตสาหกรรมเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง หนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่มีบทบาทค่อนข้างมากในอุตสาหกรรม คือ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บทความนี้พี่ทุยจะมาเจาะลึกความสำเร็จของ “คาราบาว” ให้ทุกคนได้ฟังกัน..
ประวัติความเป็นมาของ “คาราบาว”
ก่อนจะมาเป็นบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เรารู้จักในปัจจุบัน ในปีพ.ศ. 2544 กลุ่มธุรกิจของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ได้ร่วมทุนเปิดบริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด กับคุณยืนยง โอภากุล หรือที่เราจะรู้จักกันในชื่อ น้าแอ๊ด คาราบาว ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาทเพื่อทำธุรกิจหลักในการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง
หลังจากเปิดบริษัทไปได้สักพัก ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้นไปได้มากกว่านี้อีก เลยมีการก่อตั้งบริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขึ้นมาในวันที่ 8 ก.ค. 57 เพื่อจะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และในวันที่ 21 พ.ย. 57 หุ้นคาราบาว หรือ CBG ก็ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย
ในปัจจุบันคาราบาว มีผลิตภัณฑ์มากมาย ทั้ง
- คาราบาวแดงขวด
- น้ำดื่มตราคาราบาว
- กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม ตราคาราบาว
- กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงทรีอินวัน ตราคาราบาว
- เครื่องดื่มเกลือแร่คาราบาว สปอร์ต
- คาราบาวกรีนแอปเปิ้ล
- Woody C+ Lock
กลยุทธ์สู่ความสำเร็จของ “คาราบาว”
ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ทำให้ผู้คนเริ่มรู้จักคาราบาว คือ เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง ที่นำน้าแอ๊ด วงคาราบาวมาเป็น Presenter เพราะมองเห็นว่าฐานแฟนเพลงวงคาราบาว จะเป็นผู้บริโภคหลักของเครื่องดื่มชูกำลัง
คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ CEO ของบริษัทเคยกล่าวไว้ว่า
เครื่องดื่มชูกำลังเป็นเครื่องดื่มที่จำเป็นของผู้ใช้แรงงานเช่นเดียวกับกาแฟที่จำเป็นกับพนักงานออฟฟิศ
ดังนั้นในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต จะเป็นช่วงที่ยอดขายเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละบริษัทก็จะมีการจ้างผู้ใช้แรงงานมากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจ
และ Pull & Push Strategy คือ กลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จ โดย Pull Strategy คือ การที่มีน้าแอ๊ดเป็น Presenter และจัดคอนเสิร์ตทั่วประเทศ รวมถึงการใช้สื่ออื่น ๆ เพื่อโปรโมตสินค้า ส่วน Push Strategy คือ มีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้า Modern Trade หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และร้านโชห่วย ที่มีที่ตั้งอยู่แทบทุกที่ ทั้งในหมู่บ้าน หรือตามซอกซอยต่าง ๆ ทำให้คนรู้กับกับคาราบาวแดงในวงกว้างมากขึ้น
นอกจากในประเทศไทยแล้ว ยังได้ขยายฐานการตลาดไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศกัมพูชา พม่า จีน และก็ได้มีการเข้าไปเป็น Sponsor ของถ้วยฟุตบอลอังกฤษในชื่อ Carabao Cup เป็นจุดที่ทำให้คาราบาวเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้
และอีกสิ่งหนึ่งที่คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ การคัดเลือกบุคลากร เพราะบุคลากรแต่ละคนก็เหมือนกับฟันเฟืองซี่หนึ่ง ถ้าฟันเฟืองทุกซี่ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่บริษัทจะประสบความสำเร็จ
งบการเงินของคาราบาว
ปี 2560
- รายได้ 13,067.77 ล้านบาท
- กำไร 1,245.81 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 9.53%
ปี 2561
- รายได้ 14,597.43 ล้านบาท
- กำไร 1,158.57 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 7.94%
ปี 2562
- รายได้ 15,051.82 ล้านบาท
- กำไร 2,506.46 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 16.65%
ไตรมาส 3 ปี 2563
- รายได้ 13,103.57 ล้านบาท
- กำไร 2,651.89 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 20.24%
จากตัวเลขด้านบนจะเห็นว่ามีรายได้ กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี เนื่องจากการรุกตลาดต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น จากการมีศูนย์กระจายสินค้าและรถกระจายสินค้าเป็นของตัวเองและผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่ก็ยังได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีอีกด้วย
อนาคตของคาราบาว
ก่อนหน้านี้คาราบาวมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอยู่เพียงตัวเดียว คือ เครื่องดื่มชูกำลัง จนกระทั่งปี 2561 ที่บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบ Energy Drink ภายใต้แบรนด์ “Carabao Can กลิ่น Green Apple” มาเพื่อจับตลาดกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงการจับมือกับพิธีกรชื่อดังอย่างวู้ดดี้ เปิด บริษัท A Woody Drink จำกัด เพื่อผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยนำร่องด้วยเครื่องดื่มวิตามิน ซี Woody C+ Lock ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของขวดสีเขียวที่เคลมว่าสามารถล็อกวิตามิน ซี ได้ดีกว่าขวดทั่วไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
และล่าสุด จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศปลดล็อกกัญชง ให้นำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด พี่ทุยมองว่ากลุ่มเครื่องดื่มดูเหมือนจะได้รับประโยชน์จากกรณีนี้มากที่สุด เนื่องจากสามารถนำกัญชงไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะคาราบาว กรุ๊ป ที่มีบริษัท A Woody Drink ที่เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว
ถึงแม้ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องดื่มจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดอยู่ตลอดเวลา แต่พี่ทุยเชื่อว่า ความแข็งแกร่งของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกผลิตมาค่อนข้างถูกใจผู้บริโภค รวมถึงวิสัยทัศน์ที่ดีของผู้บริหาร จะทำให้คาราบาว กรุ๊ป ยังคงครอง Market Share หรือ ส่วนแบ่งตลาดในอันดับต้น ๆ ได้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงตลาดต่างประเทศที่ยังเปิดกว้างให้กับคาราบาว กรุ๊ป..
อ่านเพิ่มเติม