ChatGPT แพลตฟอร์ม AI ที่เปิดตัวเมื่อเดือน พ.ย. 2022 มีอิทธิพลอย่างมากต่อหลายวงการโดยเฉพาะการศึกษา ช่วยหาข้อมูลง่ายยิ่งขึ้น แพลตฟอร์มที่ใช้ เทคโนโลยี AI นี้สร้างสถิติมากมายไม่ว่าจะเป็นมีผู้ใช้ถึง 1 ล้านคน ภายใน 5 วัน แซงเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Instagram ที่ใช้เวลาถึง 2.5 เดือน และใช้เวลาเพียง 2 เดือน ก็มีผู้ใช้ถึง 100 ล้านคน ทิ้งห่าง Tiktok ซึ่งใช้เวลา 9 เดือน
การใช้งานที่ใช้ได้จริงแถมกระแสตอบรับท่วมท้น จึงมีคำถามตามมา คือ ถึงเวลาแล้วหรือที่ AI จะก้าวขึ้นมาแทนมนุษย์? ยังมีโอกาสไหนที่ AI ไม่สามารถแทนมนุษย์ได้บ้าง? บทความนี้พี่ทุยขอพาทุกคนไปหาคำตอบนี้กัน
Chegg หุ้นเทคการศึกษาร่วงหนักเพราะ AI ส่วน IBM ปลดคน เอา AI ทำงานแทน
ต้นเดือน มี.ค. 2566 ราคาหุ้น Chegg บริษัทเทคโนโลยีด้านการศึกษาร่วงกว่า 48% ในวันเดียว หลังบริษัทเผยว่า ChatGPT กดดันการเติบโตแย่งลูกค้าที่ subscribe แบบฝึกหัดออนไลน์การพูดและเขียน essay ส่วน CEO บริษัท IBM ให้สัมภาษณ์ว่าตำแหน่งงานที่ไม่ต้องพบลูกค้าราว 30% จะถูกทดแทนด้วย AI ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ล่าสุดปลายเดือน พ.ค. NVIDIA ก็ได้ส่งสัญญาณว่ากระแส AI ได้เข้ามาสู่ชีวิตประจำวันแน่แล้ว หลังผู้บริหารเปิดเผยคาดการณ์รายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เกือบเท่าตัว แสดงว่าเหล่าบริษัททั้งหลายกำลังซุ่มสร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ AI
ทำไม AI ฉลาดได้มากขนาดนี้ ดูยังไงมนุษย์ก็น่าจะไม่รอด ก่อนจะไปหาคำตอบ ขอพาไปรู้จักก่อนว่า AI คืออะไร?
เทคโนโลยี AI คืออะไร?
Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือระบบคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์สร้างขึ้นให้มีความสามารถในการคิดเอง และแสดงออกหรือมีพฤติกรรมเหมือนมนุษย์
AI ได้รับชุดข้อมูลและการตรวจสอบจากมนุษย์เพื่อให้ AI เรียนรู้ โดยถ้า AI ได้รับชุดข้อมูล Input ก็จะนำไปประมวลผลแล้วตอบสนองกลับมา ทั้งเป็นข้อความ เสียง รูปภาพ หรือการกระทำ
ข้อดีของ AI และอาชีพที่มีโอกาสถูกแทนที่
จุดเด่นที่สุดของ AI คือช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์ นอกจากนี้ AI ยังทำงานได้ 24/7 ส่วนมนุษย์ทำงานเต็มความสามารถได้แค่ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ณ ตอนนี้ งานที่เหมาะกับการใช้ AI ที่สุด ก็คงเป็นงาน routine รวมถึงงานที่ต้องการการตัดสินใจแบบไม่มี bias
ส่วนในอนาคตงานที่ต้องการความสร้างสรรค์ การวินิจฉัยทางการแพทย์ และการตัดสินใจรวดเร็ว คงเป็นกลุ่มงานที่จะมี AI เข้าไปเกี่ยวข้องมากขึ้น (ไม่ถึงขั้นแทนที่ 100%)
อาชีพที่มีโอกาสถูก AI แทนที่ เช่น พนักงานขาย ฝ่ายบริการลูกค้า นักพิสูจน์อักษร นักแปล วิศวกรควบคุมระบบ นักบัญชี เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อ AI พัฒนามากกว่านี้อาจเป็นพนักงานขับรถ บุคลากรทางทหาร วิศวกรออกแบบ
ข้อผิดพลาดของ เทคโนโลยี AI และความน่ากังวล
ตัวอย่างความผิดพลาดของ AI เห็นชัดเมื่อ ChatGPT เปิดตัว Google ก็เปิดตัว Bard ออกมาแข่ง แต่แล้วก็ทำให้ราคาหุ้นร่วง เมื่อ Bard ตอบคำถามผิด ส่วน Binance ก็กลายเป็นเหยื่อข้อมูลผิดพลาดจาก ChatGPT บ้าง โดย AI Chatbot ดังกล่าวให้ข้อมูลว่า Changpeng Zhao (CZ) CEO ของบริษัทเป็นสมาชิกขององค์กรเยาวชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เมื่อต้นเดือน พ.ค. 2566 เจฟฟรีย์ ฮินตัน ผู้บุกเบิก AI ได้ลาออกจาก Google เพื่อให้เปิดเผยข้อมูล AI ได้อย่างอิสระ โดยเชื่อว่า AI อาจเป็นภัยต่อมนุษยชาติ สามารถเรียนรู้พฤติกรรมที่ไม่คาดคิดจากข้อมูลที่ได้รับอย่างมหาศาล
เรื่องน่ากังวลของเทคโนโลยี AI ก็มีตัวอย่างแล้วเช่นกัน Samsung Electronics สั่งห้ามพนักงานใช้ AI Chatbot หลังเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อพบพนักงานนำโค้ดโปรแกรมและข้อมูลเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์สำคัญถาม ChatGPT ทำให้ข้อมูลที่สำคัญรั่วไหล เช่นเดียวกับสถาบันการเงินสหรัฐฯ อย่าง JPMorgan, Bank of America และ Citi ห้ามใช้ ChatGPT
นอกจากนี้ยังมีกรณีการใช้ Deepfakes ปลอมคลิปวิดีโอและเสียงใส่ร้ายคู่ต่อสู้ทางการเมืองในหลายประเทศ
ข้อผิดพลาดและความน่ากังวลอาจเกิดจากความใหม่ของเทคโนโลยี AI เหมือนทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่ถูกเปิดตัว ซึ่งยังมีหลายฝ่ายที่มองว่า AI กลับสร้างโอกาสให้มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีได้มากกว่านี้ และก็ยังมีอาชีพที่จะไม่ถูก AI แทนที่เหลืออยู่
AI อาจไม่แทนมนุษย์ แต่ส่งเสริมผลงานที่ดีขึ้น
โปรแกรม AI ยังมีข้อจำกัดอยู่ ยังไม่เข้าใจงานเชิงนามธรรม ต้องสั่งงานที่ชัดเจน เนื่องจากข้อจำกัดของชุดข้อมูล นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้เพียงแค่ในชุดข้อมูลที่มีให้เรียนรู้ จึงไม่ตั้งคำถามนอกกรอบชุดข้อมูล ดังนั้นการใช้งาน AI ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นตัวอย่างข้อจำกัดที่ชัดเจน
AI ทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ การประมวลผลคำตอบก็ยังอยู่ภายใต้ข้อมูลที่เรียนรู้ และยังไม่สามารถคำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนอื่นที่ไม่อยู่ในข้อมูล
มนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็นช่วยสร้างไอเดียใหม่ซึ่งผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนา มนุษย์จึงทำหน้าที่เป็นผู้นำการคิดค้นนวัตกรรมใหม่
การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI เป็นสิ่งดีที่สุด AI ช่วยมนุษย์ทำงานที่ซ้ำซาก ต้องใช้ความเร็วและการตัดสินใจที่เร็ว รวมทั้งงานประมวลผลข้อมูลมหาศาล การคำนวณซับซ้อน ส่วนมนุษย์ก็ใช้เวลาไปคิดไอเดียใหม่ และใส่ข้อมูลใหม่ที่ได้จากความอยากรู้อยากเห็นให้ AI
ผลลัพธ์จากการทำงานระหว่างมนุษย์และ AI คือ เทคโนโลยีก้าวกระโดด นวัตกรรมใหม่ที่รวดเร็ว การทำงานผิดพลาดน้อยลง
กลุ่มอาชีพเกี่ยวกับการตัดสินใจและความคิดสร้างสรรค์ยังอยู่รอดในยุค AI เช่น CEO, ดีไซเนอร์, นักพัฒนาโปรแกรม และ Computer Scientists
สรุป
ปัจจุบันเป็นยุคเริ่มต้นของ AI ยังมีเรื่องต้องปรับปรุงและข้อผิดพลาดอีกมากมาย ทุกคนยังต้องระมัดระวังการอัพโหลดข้อมูลที่สำคัญและการใช้ข้อมูลที่ได้จาก AI
AI มีข้อจำกัดอยู่มาก และมนุษย์ก็ยังมีความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่มี แน่นอนว่ามีหลายอาชีพจะถูกแทนที่ด้วย AI และอีกหลายอาชีพได้ประโยชน์ รวมทั้งสร้างอาชีพที่เกี่ยวกับการพัฒนา AI ด้วย ดังนั้นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI เป็นสิ่งดีที่สุด ซึ่งโลกจะได้ประโยชน์จากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
อ่านเพิ่ม