ChatGPT

ChatGPT คืออะไร ? จะล้ม Google เจ้าตลาด Search Engines ?

4 min read  

ฉบับย่อ

  • ChatGPT ถูกปรับปรุงด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) เป็นการให้มนุษย์เป็นผู้ฝึกสอนและจัดลำดับคุณภาพการสนทนา ChatGPT สร้างจากภาษา GPT-3.5 ข้อมูลยังมีจำกัดถึงแค่ปี 2021 อีกทั้งข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนได้
  • เว็ปไซต์ surgehq.ai ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลระหว่าง ChatGPT กับ Google โดยจะถามคำถามเดียวกันโดยที่คำถามเหล่านั้นจะใช้ข้อมูลก่อนปี 2022 พบว่าผู้ใช้ให้คะแนนการค้นหาจาก ChatGPT สูงกว่า Google ที่ 42% ต่อ 40% และอีก 18% มองว่าไม่ต่างกัน
  • ทุกบริษัทต่างเข้าถึงทั้งโปรแกรมและข้อมูลที่ใช้สอนปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงไม่มีความต่างในแง่เทคโนโลยีมากนัก แต่การฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์และขั้นตอนการตอบคำถามต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล บริษัทขนาดใหญ่จึงมีโอกาสกลับมาครองตลาดจากความได้เปรียบด้านเงินทุน และเมื่อเงินทุนเป็นปัจจัยตัดสินการแข่งขันในตลาด Search Engines ดังนั้นจะมีจุดหนึ่งที่โลก Search Engines วนลูปกลับมาจุดที่มีโฆษณาปะปนมากับคำตอบเหมือนเดิม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ระบบ AI เป็นคำที่ใช้กันเกลื่อนในเกือบทุกวงการด้านเทคโนโลยี แต่แล้วการมาของ ChatGPT เมื่อเดือน พ.ย. 2022 ก็กลายเป็นกระแสที่พูดกันถึงตอนนี้ ทุกคนให้มาให้ความสนใจกับอุตสาหกรรม AI แรงกระเพื่อมนี้มีมากจนกระทั่ง Google เจ้าตลาด Search Engines ที่ทุกคนใช้กันมาตั้งแต่เด็กถึงกับต้องใช้รหัส Code Red กับ ChatGPT แล้ว วันนี้พี่ทุยจะขอพาไปส่องเบื้องลึกว่า ChatGPT คืออะไร ทำไม Google ถึงกลัวมากขนาดนี้ และตลาด Search Engines จะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน?

ChatGPT คืออะไร ? 

คือ AI Chatbot หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สื่อสารผ่านข้อความกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากพูดคุยกับมนุษย์ด้วยกันเอง ChatGPT ถูกพัฒนาโดย OpenAI มี Sam Altman และ Elon Musk รวมถึงคนอื่นเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง มีเงินก่อตั้งรวม 1,000 ล้านดอลลาร์ จากนั้นยังได้รับการสนับสนุนคนดัง เช่น Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn, Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และยังได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีจาก Microsoft มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์

ChatGPT ถูกปรับปรุงด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) เป็นการให้มนุษย์เป็นผู้ฝึกสอนและจัดลำดับคุณภาพการสนทนา การให้รางวัลตอบแทนการสนทนาที่ดีที่สุด ให้โมเดลเพิ่มประสิทธิภาพกับการสนทนา ประกอบกับการให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลให้ปัญญาประดิษฐ์สร้างประโยคในรูปแบบตนเองได้

ChatGPT สร้างจากภาษา GPT-3.5 ปรับปรุงต่อจาก GPT-3.0 ที่ถูกฝึกสอนด้วยข้อความจากหนังสือในเว็ปไซต์ Wikipedia เปรียบเสมือนมีความรู้ทั้งโลกในปัญญาประดิษฐ์นี้

จะเข้ามาแทนที่ Search Engines ดั้งเดิมอย่าง Google

ณ ปัจจุบันต้องตอบเลยว่ายังเป็นไปไม่ได้ ChatGPT รุ่นนี้ยังเป็นแค่เวอร์ชั่นทดลอง แม้กระทั่ง Sam Altman CEO ของ OpenAI ยังยอมรับว่า ChatGPT ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก โดยเวอร์ชั่น GPT-3.5 เพิ่งพัฒนาได้ไม่นาน ข้อมูลยังมีจำกัดถึงแค่ปี 2021 อีกทั้งข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนได้ ผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอาจได้รับข้อมูลผิดพลาด แต่เวอร์ชั่น GPT-4.0 ที่กำลังพัฒนาด้วยการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากขึ้นคาดว่าจะปรับปรุงข้อบกพร่องเหล่านี้ของเวอร์ชั่น GPT-3.5 ให้ดีขึ้น

ทำไม Google ต้องใช้ Code Red กับ ChatGPT

ที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ต่างมี AI Chatbot กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Google ก็มี Google Assistant ด้าน Amazon มี Alexa ส่วน Apple ก็มี Siri แต่ Chatbot เหล่านี้ทำได้เพียงแค่ตอบคำถามพื้นฐานเท่านั้น

การเปิดตัว ChatGPT สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการถึงขนาด Sundar Pichai CEO ของ Google เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้าน AI และแจ้งให้ทีมในบริษัทตั้งเป้าไปที่การจัดการกับภัยคุกคามต่อธุรกิจ Search Engines ของ Google

การเปิดตัว ChatGPT เทียบเท่าการเปิดตัว iPhone เมื่อปี 2007 ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงโลกโทรศัพท์มือถือไปตลอดกาล ChatGPT มีโอกาสดึงดูดผู้ใช้งานจาก Google ได้จำนวนมาก เนื่องจากการตอบคำถามที่เหมือนกับมนุษย์มาตอบคำถามเอง คำตอบที่ได้จะมาในลักษณะคำตอบที่เรียบเรียงมาแล้ว แตกต่างจาก Google ที่ผู้ใช้ต้องค้นหาต่อจากลิ้งค์เว็ปไซต์ที่ได้มา อีกทั้งยังมีข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งผู้ใช้ต้องคัดกรองเองและยังเจอกับลิ้งค์เว็ปไซต์โฆษณาอีก

ChatGPT มีความสามารถตอบคำถามที่น่าทึ่ง เช่น ปรับ Resume ตามแต่ละบุคคล, แต่งมุกตลก หรือแม้กระทั่งอธิบายเนื้อหาแสนยากไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ หรือการตอบคำถามเกี่ยวกับโปรแกรมเบื้องหลัง ChatGPT

ย้อนมาที่ Google ซึ่งดูเหมือนจะตอบสนองกับการเปิดตัวครั้งนี้มากที่สุด เพราะ Google มีรายได้จากการคลิกลิ้งค์เว็ปไซต์ที่มีการโฆษณาประมาณ 208,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 81% ของรายได้ทั้งหมดของปี 2021 และก็ยังไม่มีธุรกิจอื่นเข้ามาเป็นรายได้อื่นให้กับ Google อย่างไรก็ตามด้วยขนาดบริษัทที่ใหญ่ของ Google จึงทำให้การปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง AI Chatbot ซึ่งยังมีจุดอ่อนด้านความน่าเชื่อถือของข้อมูลต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก เพราะจะมีความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทมากกว่าบริษัทสตาร์ทอัพ

เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง Google กับ ChatGPT

เว็ปไซต์ surgehq.ai ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลระหว่าง ChatGPT กับ Google โดยจะถามคำถามเดียวกันโดยที่คำถามเหล่านั้นจะใช้ข้อมูลก่อนปี 2022 พบว่า ผู้ใช้ให้คะแนนการค้นหาจาก ChatGPT สูงกว่า Google ที่ 42% ต่อ 40% และอีก 18% มองว่าไม่ต่างกัน

ขณะที่คำตอบเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม 100 คำถาม พบว่า

ChatGPT ให้คำตอบดีกว่า Google ถึง 70% ส่วน Google ให้คำตอบดีกว่ามีเพียง 18% และให้คำตอบได้ไม่ต่างกัน 12%

ส่วนเว็ปไซต์อื่นที่มีบทความการเปรียบเทียบประสิทธิภาพ เช่น CNBC และ seo.ai ก็ให้ความเห็นที่คล้ายกัน นั่นคือ ทั้ง ChatGPT และ Google ยังเฉือนกันไม่ลง ต่างฝ่ายต่างเหมาะกับประเภทคำถามที่ต่างกัน

ดูเหมือนว่า ChatGPT ยังไม่ได้มีชัยเหนือ Google อย่างแท้จริง เพราะต่างมีจุดเด่นที่ต่างกัน ChatGPT จะตอบโจทย์ผู้ที่อยากได้คำตอบทันทีและสำเร็จรูป แต่หาก ChatGPT เข้าใจบริบทของประโยคหรือคำในรูปประโยคผิดไปจากความตั้งใจของผู้ใช้ก็ทำให้ไม่ได้คำตอบตามที่ต้องการ 

ส่วน Google เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการตัวเลือกและรายละเอียดประกอบการตัดสินใจ ซึ่งก็ต้องพบกับลิ้งค์เว็ปไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องและโฆษณา

โลก Search Engines จะเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะ ChatGPT จริงหรือไม่ ?

การเปิดตัว ChatGPT ได้รับกระแสตอบรับด้านบวกเกินคาดเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของโลก Search Engines ไปตลอดกาล เพราะบริษัทเทคโนโลยีที่ต่างมี AI Chatbot อยู่แล้วต้องเร่งพัฒนา อย่างที่เห็นว่า Google ถึงขั้นต้องใช้ Code Red กับโปรเจค AI เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้บริษัทอาจมองว่า AI Chatbot จะไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้และทำเงินไม่ได้ แต่จากนี้ไปพี่ทุยบอกเลยว่าทุกคนจะได้สัมผัสประสบการณ์การหาข้อมูลที่ได้คำตอบแบบสำเร็จรูปมากยิ่งขึ้น

ทุกบริษัทต่างเข้าถึงทั้งโปรแกรมและข้อมูลที่ใช้สอนปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงไม่มีความต่างในแง่เทคโนโลยีมากนัก แต่การฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์และขั้นตอนการตอบคำถามต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล บริษัทขนาดใหญ่จึงมีโอกาสกลับมาครองตลาดจากความได้เปรียบด้านเงินทุน และเมื่อเงินทุนเป็นปัจจัยตัดสินการแข่งขันในตลาด Search Engines ดังนั้นจะมีจุดหนึ่งที่โลก Search Engines วนลูปกลับมาจุดที่มีโฆษณาปะปนมากับคำตอบเหมือนเดิม

ส่วนอีกปัจจัยตัดสินการแข่งขันระหว่างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ด้วยกันเองก็อาจเป็นด้านความน่าเชื่อถือ รูปแบบคำตอบที่ได้ และข้อจำกัดด้านศีลธรรมของ AI แต่ละบริษัท

Google จะถึงจุดจบ ? 

ไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้แน่นอน การเปิดตัว ChatGPT ที่ยังเดินหน้าพัฒนาเป็นการกระตุกหนวดเสือบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกไปเรียบร้อย ในระยะสั้น Google น่าจะเห็นผลกระทบอย่างชัดเจนโดยเฉพาะกระแสในโลกโซเชียล อย่างไรก็ตามในระยะยาวด้วยทรัพยากรทั้งเงินและบุคคลของ Google น่าจะเปิดโอกาสให้ Google เปิดตัว AI Chatbot แก้เกมส์นี้ได้ รูปแบบการค้นหาข้อมูลอาจเปลี่ยนไปแต่สุดท้ายบริษัทที่ครองตลาดอาจวนลูปกลับมาเหมือนทุกวันนี้ที่ Google ครองตลาด Search Engines อยู่ก็เป็นได้

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย