"สรุปผลการประชุม กนง." คงดอกเบี้ย เพราะอะไร ?

“สรุปผลการประชุม กนง.” คงดอกเบี้ย เพราะอะไร ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับต่ำสุดต่อไปที่ 0.50% และคาดว่าเศรษฐกิจปี 63 จะหดตัวที่ 7.8% และปี 64 จะกลับมาฟื้นตัวได้ที่ 3.6%
  • ธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ด้วยเช่นกัน อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารญี่ปุ่น (BOJ)
  • การประชุม กนง. รอบ 23 กันยายน 2563 เป็นครั้งสุดท้ายของผู้ว่าการฯ ธปท. ดร. วิรไท สันติประภพ ที่จะหมดวาระลงสิ้นเดือนนี้ และจะเป็น ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฯ ธปท. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ในช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ย.) มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ และพี่ทุยอยากมาเล่าให้ฟัง คือ “สรุปผลการประชุม กนง.” เนื่องจาก ‘อัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปที่ 0.50% โดยด้วยเหตุผลที่ว่า

  1. เศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า เนื่องจากการขาดหายไปของรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการใช้จ่ายในประเทศที่ยังถูกกดดันจากเรื่องการจ้างงานและรายได้ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
  2. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 มีแนวโน้มติดลบน้อยกว่าที่คาดไว้ จากราคาพลังงานที่เริ่มปรับเพิ่มสูงขึ้น และจะค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้นในปี 2564
  3. ภาคการเงินยังมีความเปราะบางตามภาวะเศรษฐกิจ และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง
  4. ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐผันผวนในทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้

คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นเหลือติดลบเพียงเหลือ -7.8% จากเดิม 8.1% ในปี 2563

ถ้าใครได้ติดตามการแถลงของทาง กนง. อย่างต่อเนื่อง พี่ทุยบอกเลยว่าพี่ทุยเป็นแฟนพันธุ์แท้เลย จากการประชุมคราวที่แล้ว กนง. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะติดลบที่ 8.1% แต่จากการประชุมครั้งล่าสุดได้มีการปรับประมาณการณ์ดีขึ้น อยู่ที่ -7.8% แทนและสำหรับปี 2564 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ที่ 3.6% แต่คงยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ในอนาคตอยู่เหมือน 

โดยเฉพาะความเสี่ยงของการแพร่ระบาดระลอก 2 ที่จะเข้ามากระทบการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการส่งออก ตลอดจนกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและประชาชนได้  

ซึ่งจากผลการประชุมดังกล่าว พี่ทุยว่าเราจะยังใช้ชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงที่มีอยู่รอบตัวและอยู่ในภาวะที่ต้นทุนของการเงินมีราคาถูกต่อไปอีกสักพักใหญ่ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจและเป็นประโยชน์ให้กับคนทำธุรกิจหรือประชาชนให้สามารถเข้ามาขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อช่วยเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับตนเองในการนำไปใช้จ่ายหรือขยายการลงทุนเพิ่มเติมได้  

ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำก็เป็นการช่วยลดภาระหนี้ของกลุ่มลูกหนี้ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และลูกหนี้รายย่อยต่างๆ ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องและประสบปัญหารายได้ที่ลดลงจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19

แต่ในเมื่อเหรียญมีสองด้าน พี่ทุยอยากจะเน้นย้ำอีกทีว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ ต้นทุนทางการเงินและภาระดอกเบี้ยจะถูก แต่อย่าลืมว่าการกู้ยืมก็เป็นภาระที่ต้องชำระคืนในอนาคต เราไม่ควรไปยึดติดจนวิ่งเข้าหาสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อและขอเพิ่มวงเงิน โดยไม่หันกลับมาตรวจสอบฐานะทางการเงินและความจำเป็น จะกลายเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับตัวเราเองได้ในอนาคต 

ที่ผ่านมาต้องบอกว่าไม่ได้มีเพียงแต่ กนง. เท่านั้นที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนหน้านี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็มีการประชุมธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกหลายแห่ง ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และทางฝั่งเอเชียอย่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งผลการประชุมธนาคารกลางทุกแห่งต่างดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยกันอย่างพร้อมเพรียง และยังคงใช้มาตรการ QE กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

พี่ทุยหวังว่าการดำเนินนโยบายการเงินและการออกมาตรการต่าง ๆ ของประเทศเราในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง เยียวยาและแก้ไขปัญหาความสามารถในการชำระหนี้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน จนช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก

ประชุม กนง. รอบนี้เป็นวาระการประชุมรอบสุดท้ายของผู้ว่า ฯ ดร. วิรไท สันติประภพ

แล้วก็มีอีกเรื่องที่เผื่อใครที่ยังรู้หรือว่าอาจจะลืมกันไปก็คือ การประชุม กนง. รอบล่าสุด (23 ก.ย. 63) จะเป็นครั้งสุดท้ายของ ดร. วิรไท สันติประภพ ในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ซึ่งจะหมดวาระลงในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และในการประชุมครั้งถัดไป (18 พ.ย. 63) จะเป็น ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะเข้ามารับไม้ต่อในฐานะผู้ว่าการฯ คนใหม่นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป 

สุดท้ายพี่ทุยก็ขอขอบคุณ ดร. วิรไท สันติประภพ ที่เข้ามาดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินไทยในช่วงที่ผ่าน แถมยังตัดสินใจทำหลายเรื่องที่คาดไม่ถึงจนทำให้ระบบการเงินไทยมีความแข็งแรงอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาเลย จากนี้เรามาคอยดูกันต่อว่า ผู้ว่า ฯ คนใหม่จะดำเนินนโยบายอย่างไรกันต่อไป

ถ้าใครอยากติดตามเรื่องเศรษฐกิจ หรือการ “สรุปผลการประชุม กนง.” ในครั้งต่อไป ก็ติดตาม Money Buffalo เอาไว้ได้เลย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply