ในช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ย.) มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ และพี่ทุยอยากมาเล่าให้ฟัง คือ “สรุปผลการประชุม กนง.” เนื่องจาก ‘อัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปที่ 0.50% โดยด้วยเหตุผลที่ว่า
- เศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า เนื่องจากการขาดหายไปของรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการใช้จ่ายในประเทศที่ยังถูกกดดันจากเรื่องการจ้างงานและรายได้ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 มีแนวโน้มติดลบน้อยกว่าที่คาดไว้ จากราคาพลังงานที่เริ่มปรับเพิ่มสูงขึ้น และจะค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้นในปี 2564
- ภาคการเงินยังมีความเปราะบางตามภาวะเศรษฐกิจ และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง
- ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐผันผวนในทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้
คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นเหลือติดลบเพียงเหลือ -7.8% จากเดิม 8.1% ในปี 2563
ถ้าใครได้ติดตามการแถลงของทาง กนง. อย่างต่อเนื่อง พี่ทุยบอกเลยว่าพี่ทุยเป็นแฟนพันธุ์แท้เลย จากการประชุมคราวที่แล้ว กนง. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะติดลบที่ 8.1% แต่จากการประชุมครั้งล่าสุดได้มีการปรับประมาณการณ์ดีขึ้น อยู่ที่ -7.8% แทนและสำหรับปี 2564 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ที่ 3.6% แต่คงยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ในอนาคตอยู่เหมือน
โดยเฉพาะความเสี่ยงของการแพร่ระบาดระลอก 2 ที่จะเข้ามากระทบการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการส่งออก ตลอดจนกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและประชาชนได้
ซึ่งจากผลการประชุมดังกล่าว พี่ทุยว่าเราจะยังใช้ชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงที่มีอยู่รอบตัวและอยู่ในภาวะที่ต้นทุนของการเงินมีราคาถูกต่อไปอีกสักพักใหญ่ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจและเป็นประโยชน์ให้กับคนทำธุรกิจหรือประชาชนให้สามารถเข้ามาขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อช่วยเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับตนเองในการนำไปใช้จ่ายหรือขยายการลงทุนเพิ่มเติมได้
ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำก็เป็นการช่วยลดภาระหนี้ของกลุ่มลูกหนี้ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และลูกหนี้รายย่อยต่างๆ ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องและประสบปัญหารายได้ที่ลดลงจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19
แต่ในเมื่อเหรียญมีสองด้าน พี่ทุยอยากจะเน้นย้ำอีกทีว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำ ต้นทุนทางการเงินและภาระดอกเบี้ยจะถูก แต่อย่าลืมว่าการกู้ยืมก็เป็นภาระที่ต้องชำระคืนในอนาคต เราไม่ควรไปยึดติดจนวิ่งเข้าหาสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อและขอเพิ่มวงเงิน โดยไม่หันกลับมาตรวจสอบฐานะทางการเงินและความจำเป็น จะกลายเป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับตัวเราเองได้ในอนาคต
ที่ผ่านมาต้องบอกว่าไม่ได้มีเพียงแต่ กนง. เท่านั้นที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนหน้านี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็มีการประชุมธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกหลายแห่ง ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และทางฝั่งเอเชียอย่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งผลการประชุมธนาคารกลางทุกแห่งต่างดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยกันอย่างพร้อมเพรียง และยังคงใช้มาตรการ QE กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
พี่ทุยหวังว่าการดำเนินนโยบายการเงินและการออกมาตรการต่าง ๆ ของประเทศเราในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง เยียวยาและแก้ไขปัญหาความสามารถในการชำระหนี้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน จนช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก
ประชุม กนง. รอบนี้เป็นวาระการประชุมรอบสุดท้ายของผู้ว่า ฯ ดร. วิรไท สันติประภพ
แล้วก็มีอีกเรื่องที่เผื่อใครที่ยังรู้หรือว่าอาจจะลืมกันไปก็คือ การประชุม กนง. รอบล่าสุด (23 ก.ย. 63) จะเป็นครั้งสุดท้ายของ ดร. วิรไท สันติประภพ ในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ซึ่งจะหมดวาระลงในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และในการประชุมครั้งถัดไป (18 พ.ย. 63) จะเป็น ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ จะเข้ามารับไม้ต่อในฐานะผู้ว่าการฯ คนใหม่นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
สุดท้ายพี่ทุยก็ขอขอบคุณ ดร. วิรไท สันติประภพ ที่เข้ามาดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินไทยในช่วงที่ผ่าน แถมยังตัดสินใจทำหลายเรื่องที่คาดไม่ถึงจนทำให้ระบบการเงินไทยมีความแข็งแรงอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาเลย จากนี้เรามาคอยดูกันต่อว่า ผู้ว่า ฯ คนใหม่จะดำเนินนโยบายอย่างไรกันต่อไป
ถ้าใครอยากติดตามเรื่องเศรษฐกิจ หรือการ “สรุปผลการประชุม กนง.” ในครั้งต่อไป ก็ติดตาม Money Buffalo เอาไว้ได้เลย
Comment