ธุรกิจใดบ้างที่อยู่รอดในวิกฤต "โควิด"-19 ?

ธุรกิจใดบ้างที่อยู่รอดในวิกฤต “โควิด”-19 ?

 

ฉบับย่อ

  • “โควิด”-19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
  • แต่ก็ไม่ใช่ทั้ง 100% ของธุรกิจที่จะได้รับผลในด้านลบ เพราะในทุกวิกฤตย่อมเป็นโอกาสสำหรับบางคน อย่าง ธุรกิจ VDO Streaming, ธุรกิจ Healthcare และธุรกิจ Grocery store

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

12 ปี นับจาก วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ พี่ทุยเห็นว่าขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ชื่อว่า “โควิด” -19 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจส่วนมากก็ถูกกระทบในวงกว้าง

แต่ก็ไม่ใช่ทั้ง 100% ของธุรกิจที่จะได้รับผลในด้านลบ เพราะในทุกวิกฤตย่อมเป็นโอกาสสำหรับบางคน พี่ทุยขอยกตัวอย่างของธุรกิจที่ดูเหมือนจะได้รับผลบวกจากการระบาดของไวรัสในครั้งนี้มาให้ดูกัน

1. ธุรกิจ VDO Streaming ชื่อที่น่าจะโผล่ขึ้นมาในหัวของหลาย ๆ คน คงจะหนีไม่พ้น Netflix

นับแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Netflix ยังคงยืนอยู่ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ แม้ว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี MSCI World Index จะร่วงลงมากว่า 20% ส่วนตลาด NASDAQ ที่ Netflix จดทะเบียนอยู่ ก็ร่วงลงมาถึง 24% ธรรมชาติธุรกิจของ Netflix คือการให้บริการบอกรับสมาชิก สำหรับการรับชมภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ซึ่งในตอนนี้มีสมาชิกรับชมเพิ่มมากขึ้น อย่างในกรณีที่คนส่วนมากเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ที่บ้าน แทนที่ของการออกไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงจาก “โควิด”-19

ปัจจุบัน Netflix มีจำนวนบัญชีสมาชิกราว 167 ล้านคนทั่วโลก โดยแบ่งเป็นในสหรัฐฯ ประมาณ 61 ล้านคน แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า “โควิด”-19 ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ Netflix เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่หากพิจารณาจากในอดีตช่วงปี 2008 – 2010 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและไข้หวัดหมูระบาดทั่วโลก การเติบโตของรายได้ในเวลานั้นยังคงเติบโตได้เฉลี่ย 25% จาก 1,365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 2,163 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปี 2019 ที่ผ่านมา รายได้ของ Netflix เพิ่มขึ้น 27% มาอยู่ที่ 20,156 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนกำไรในปี 2008 – 2010 เพิ่มจาก 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โตเฉลี่ย 39% และปี 2019 กำไรของ Netflix เติบโต 54% มาเป็น 1,867 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2. ธุรกิจ Healthcare จากตัวอย่างของบริษัท Teladoc Health ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการทางการแพทย์

ในสถานการณ์ “โควิด”-19 แบบนี้ หนึ่งในบริการที่ถูกพูดถึงกันมากขึ้นในขณะนี้ คือ Telehealth ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-time เช่นเดียวกับการสื่อสารผ่านระบบ video conference ที่คู่สนทนาสามารถมองเห็นหน้าและสนทนากันได้ทั้ง 2 ฝ่าย โดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่

โดย Teledoc ได้พัฒนาระบบในส่วนนี้จนสามารถให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ทั่วโลก ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ามากกว่า 10,000 ราย โดยกว่า 40% ของบริษัทใน Fortune 500 ได้เข้ามาใช้บริการของ “Teladoc” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นจึงนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่เรียกได้ว่ามีศักยภาพที่น่าสนใจอย่างมาก

จากการเป็นหนึ่งในผู้นำของเทคโนโลยีบริการรูปแบบใหม่ทางการแพทย์ หุ้นของ Teledoc ในช่วงที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาดอยู่นี้ สามารถพุ่งขึ้นมาได้เกือบ 70%

3. ธุรกิจ Grocery store เชนค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดคือ Kroger

สำหรับในสหรัฐอเมริกา หนึ่งในเชนค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดคือ Kroger ซึ่งราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นราว 20% ด้วยลักษณะธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และเมื่อคนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการในสินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย

ตัดภาพกลับมาในประเทศไทย ภาพของความต้องการสินค้าที่จำเป็นเหล่านี้ก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แม้หุ้นอย่าง CPALL จะร่วงลงมา 16-17% แต่โดยภาพรวมก็ยังคงแข็งแกร่งกว่า SET ที่ลดลงถึง 35% ส่วนหุ้นอย่าง MAKRO ลดลงประมาณ 10%

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply