“ธุรกิจความงาม” ประเภทไหน โตสวนกระแสโควิด-19

โควิด-19 เป็นช่วงที่กระทบเกือบทุกธุรกิจจริง ๆ อุตสาหกรรมความงามก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อต้องอยู่บ้านมากขึ้น เจอกันน้อยลง สาว ๆ ทั้งหลายก็ไม่ต้องตื่นเช้ามาแต่งสวยกันแต่เช้าทุกวัน และต่อให้ต้องออกจากบ้านก็ยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัยกัน พื้นที่ในการแต่งหน้าก็ลดลง เมื่อบวกกับเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนัก เดินห้างไม่สะดวก สินค้าที่เคยจำเป็นสำหรับสาว ๆ ก็ถูกใช้งานลดลง การตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องสำอางก็เลยลดลงตามมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั้นทำให้ “ธุรกิจความงาม” โดนผลกระทบไปค่อนข้างสูง

สินค้าความงามต้องได้สัมผัสก่อนซื้อ

ผลิตภัณฑ์ความงามปกตินั้นมียอดขายมาจากร้าน Offline สูงถึง 85% เพราะเครื่องสำอางเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สาว ๆ ทุกคนก็อยากได้ลองสัมผัสสินค้าเหล่านั้นกับตัวเองก่อน ว่าเข้ากับเรามากน้อยเพียงใดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งในช่วงโควิด-19 นี้ จึงส่งผลกระทบต่อ “ธุรกิจความงาม” อย่างรุนแรง แม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่อย่าง Gen-Z ที่คุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เอง แต่กับผลิตภัณฑ์ความงามนั้นมีสัดส่วนการซื้อสินค้าจากหน้าร้านถึง 62% และเป็นการเลือกชมสินค้าจากหน้าร้านก่อนซื้อถึง 80% ถึงแม้จะซื้อออนไลน์ก็ขอแวะไปเจอของจริงก่อนนะ ดังนั้นโควิด-19 จึงมีผลกระทบต่อ “ธุรกิจความงาม” สูงมาก ทำร้านค้าผลิตภัณฑ์ความงามต้องปิดตัวลงไปถึง 30% และคาดว่ายอดขายทั่วโลกอาจลดลงไปถึง -25% ถึง -35% เลยทีเดียว

Maskne ปัญหาใหม่ของสาว ๆ ที่แบรนด์เครื่องสำอางต้องสนใจ

โควิด-19 มาพร้อมกับการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งผลที่ตามมาคือปัญหาสิวหรือปัญหาที่เรียกว่า Maskne เพราะการใส่หน้ากากอนามัยมีส่วนให้เราต้องสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้งขึ้น และอาจทำให้เกิดโอกาสในการสะสมสิ่งสกปรกและการระคายเคืองต่อผิวหน้าได้ และยิ่งคนที่ใส่ซ้ำอย่างไม่ถูกต้องจะยิ่งเกิดปัญหา ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้เป็นที่สนใจและมีการเติบโตที่ดีอีกด้วย จนเกิดหมวดหมู่ใหม่ Maskne ผลิตภัณฑ์ที่มาแก้ปัญหาจากการใส่หน้ากากอนามัยจนทำให้เกิดสิวอักเสบบนใบหน้า Maskne ก็อาจเป็นอีกหนึ่งคำตอบหรือทางออกนึงสำหรับแบรนด์ความงามต่าง ๆ ที่จะได้ขยายช่องทางตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายหรือเอาตัวรอดจากวิกฤตในช่วงนี้

สินค้าความงามที่โตสวนกระแสในช่วงโควิด-19

ถึงแม้เครื่องสำอางจะมีแนวโน้มยอดขายที่ลดลง แต่ในอีกด้านหนึ่งกลุ่มรักษาความสะอาด บำรุงผิวหรือ Skin Care ก็เติบโตขึ้น อีกด้านที่โตขึ้นคือ Do-it-yourself beauty care หรือโปรดักส์ที่สามารถเสริมความงามด้วยตัวเอง เพราะจากผลของโควิด-19 นั้น สิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown คือร้านตัดผม ร้านเสริมสวยความงามต่าง ๆ ปิดลง ทำให้กิจกรรมของสาว ๆ หลายอย่างต้องหยุดงักไป และเปลี่ยนมาทำด้วยตัวเองมากขึ้น

ทำให้กลุ่มบำรุงผิวเล็บ บำรุงผมต่าง ๆ โตขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงโปรดักส์ในการตัดผมผู้ชายอีกด้วย ที่เกิดเป็นกระแสการตัดผมเอง หรือให้แฟนตัดผมให้ตาม Social จนกลุ่มดูแลเล็บและอุปกรณ์ตัดผมผู้ชายมีราคาที่สูงขึ้นสวนกระแสราคาสินค้าอื่น ๆ ที่ลดลง

ตลาด E-Commerce ในช่วงโควิด-19

ตลาดออฟไลน์ (Offline)  ถึงแม้จะเป็นจุดสำคัญของธุรกิจความงาม แต่เมื่อถึงช่วงโควิด-19 ก็กลายเป็นอีกตัวอย่างที่ดีของ New Normal ด้วยเหมือนกัน เพราะโควิด-19 ผลักดันให้ทุกคนทำธุรกรรมบนออนไลน์ (Online) มากขึ้น หลายคนรู้อยู่แล้วว่าเราสามารถซื้อเครื่องสำอางผ่านช่องทางออนไลน์ได้ แต่ก็เลือกที่จะไปหน้าร้านเพื่อที่จะได้เห็นได้ทดลองสินค้า แต่พอเกิดโควิด-19 ก็กลายเป็นตัวผลักดันให้ลูกค้าเริ่มมีเวลาศึกษาเรียนรู้กับระบบออนไลน์ และเริ่มได้ตัดสินใจซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น จนทำให้ตัวเลขของต้นปีนี้ตลาด E-Commerce มีการเติบโตขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด

แสดงให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนของผู้บริโภคที่เริ่มเข้ามาในตลาดออนไลน์มากขึ้น ถึงแม้ยอดขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นนั้นยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับยอดขายโดยรวมจากหน้าร้านหรือออฟไลน์ก็ตาม และเมื่อหลาย ๆ ประเทศคลาย Lockdown ลง ก็อาจส่งผลระยะยาวที่ผู้บริโภคจะเริ่มหันมาหาช่องทางออนไลน์มากขึ้น และกลับไปซื้อผ่านออฟไลน์ในปริมาณที่ไม่สูงเท่าเดิมอีก