ทำไม สหรัฐฯ พิมพ์เงินดอลลาร์ ได้ไม่จำกัด ?

2 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • สหรัฐฯ เป็นประเทศที่พิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ไม่ต้องมีทองสำรอง แต่ก็ยังไม่เกิด Hyperinflation
  • สหรัฐฯ เป็นประเทศมหาอำนาจของโลก จากที่เป็นผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สร้างกฏหมายเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) และปี 1971 ริชาร์ด นิกสัน ได้ประกาศยกเลิกกฏหมายเบรตตันวูดส์ โดยเงินดอลลาร์จะไม่อิงกับทองคำอีกต่อไป
  • แม้ว่า Supply ของดอลลาร์ เยอะมาก ๆ แต่ Demand ก็เยอะมาก ๆ เช่นกัน เพราะ สหรัฐฯ ใช้อำนาจทำให้ให้สินค้าโภคภัณฑ์หลายตัว เช่น ทองคำ น้ำมัน ที่ต้องใช้เงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไม สหรัฐฯ พิมพ์เงินดอลลาร์ ได้ไม่จำกัด เวลาคิดจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ QE หรือ ไม่ใช่ QE ตามหลักทฤษฎีก็ตาม ก็ทำได้เลย แต่ยังไม่เกิด Hyperinflation (การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทั่วไปอย่างรวดเร็ว มากเกินไป และอยู่เหนือการควบคุมในระบบเศรษฐกิจ)

เพราะตามหลักแล้ว เมื่อมีการอัดฉีดเงิน จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าปริมาณเงินเพิ่มขึ้น มูลค่าเงินก็จะด้อยค่าลง ท้ายที่สุดก็จะเกิด Hyperinflation แบบซิมบับเว เวเนซุเอลา ได้ แต่ทำไม๊ ทำไม ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงหมุนไปได้ แบบที่ไม่เกิดวิกฤตอย่าง 2 ประเทศนั้น พี่ทุย สรุปมาให้แล้ว ไปฟังกัน

ทำไม สหรัฐฯ พิมพ์เงินดอลลาร์ ได้ไม่จำกัด เป็นประเทศมหาอำนาจผู้ชนะ

ต้องยอมรับว่าในรอบ 100 ปีมานี้ สหรัฐฯ เป็นพี่ใหญ่ของโลก เป็นประเทศมหาอำนาจผู้ชนะในการเขียนการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกล่าสุด หรือ กฏหมายเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ที่จักการประชุมขึ้นที่เมืองเบรตตันวูดส์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1944 ซึ่งตัวแทน 44 ประเทศ ได้ก่อตั้งระบบจัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบใหม่ ที่จะทำให้ไม่มีประเทศไหนต้องเสียเปรียบกัน และล้มเลิกการผูกสกุลเงินกับทองคำ แต่ให้ผูกโยงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แทน

ด้วยเหตุผลในเวลานั้นว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนหลังด้วยทองคำอยู่แล้ว และเป็นประเทศที่มีทองคำมากที่สุด ใครอยากแลกทองคำก็เอามาแลกไปได้เลย โดยตอนนั้นสหรัฐฯ ตรึงราคาทองคำไว้ที่ 35 ดอลลาร์ต่อ 1 ออนซ์ 

แต่หลังสงครามโลก สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า (นำเข้ามากกว่าส่งออก) เลยทำให้หลายประเทศสงสัยว่า สหรัฐฯ มีทองคำเพื่อพิมพ์เงินจริงไหม ? ประเทศต่าง ๆ เริ่มย้ายกลับจากถือดอลลาร์สหรัฐฯ มาสำรองทองคำ

จนทำให้เกิดปัญหาคนไปเอาเงินดอลลาร์แลกทองออกมา จนปี 1971 ริชาร์ด นิกสัน ได้ประกาศยกเลิกกฏหมายเบรตตันวูดส์ โดยเงินดอลลาร์จะไม่อิงกับทองคำอีกต่อไป ทำให้ราคาทองคำขยับขึ้นตลอดมา

แม้ว่า Supply ของดอลลาร์ เยอะมาก ๆ แต่ Demand ก็เยอะมาก ๆ เช่นกัน

ถึงแม้ว่า Supply ของดอลลาร์ เยอะมาก ๆ แต่ Demand ก็เยอะมาก ๆ เช่นกัน

เพราะ สหรัฐฯ ใช้อำนาจทำให้ให้สินค้าโภคภัณฑ์หลายตัว เช่น ทองคำ น้ำมัน ที่ต้องใช้เงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรม นั่นทำให้ยิ่งทองคำแพงขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งต้องใช้ดอลลาร์ซื้อทองมากขึ้นเท่านั้น ทำให้สามารถเพิ่มเงินขึ้นมาได้อีก

รวมถึงน้ำมัน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของพลังงาน และไปตกลงกลับกลุ่ม OPEC ว่าต้องซื้อขายน้ำมันผ่านเงินดอลลาร์ เมื่อเศรษฐกิจโลกขยายตัวด้วยอุตสาหกรรม ความต้องการน้ำมันเพิ่ม การผลิตดอลลารก็ต้องเพิ่มตาม

ดอลลาร์เป็นที่ต้องการในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของทั่วโลก

อีกเหตุผลที่ สหรัฐฯ พิมพ์เงินดอลลาร์ ได้ไม่จำกัด เพราะดอลลาร์เป็นที่ต้องการในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของทั่วโลก โดยยิ่งเศรษฐกิจแต่ละประเทศโตเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเท่านั้น ความต้องการเงินดอลลาร์ก็จะมากขึ้น

จากข้อมูลสิ้นปี 2022 เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ​ยังคงเป็นเงินสกุลหลักของโลก ที่มีสัดส่วนในทุนสำรองระหว่างประเทศสูงที่สุดเทียบทุกสกุล โดยอยู่ที่ 58.36% หรือ 6.47 ล้านล้านดอลลาร์

ยิ่งไปกว่านั้น ยังกำหนดว่าหากใครต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (ที่เขาว่ากันว่ามั่นคงที่สุดในโลก) ต้องใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อเช่นกัน

แต่ประเด็นที่น่าติดตามก็คือ แม้ปัจจุบันสหรัฐฯ จะสามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้โดยไม่จำเป็นต้องมีทองคำสำรอง เพราะเป็นสกุลเงินหลักของโลกและเป็นสกุลที่ถูกใช้ทำการค้าทั่วโลกมากที่สุด แต่ตอนนี้มีความพยายามที่ใช้สกุลเงินท้องถิ่นอื่น ๆ ซื้อขายระหว่างประเทศกันเอง ตัวอย่างชัดเจนช่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็มีความพยายามจะใช้เงินสกุลอื่น ๆ ซื้อขาย เช่น หยวน ยูโร เยน รูเบิล เป็นการดิ้นรนของประเทศอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบไม่รู้จบ มูลค่าเงินดอลลาร์เสื่อมลงเรื่อย ๆ

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile