แม้ในเดือน พ.ย. 64 จะไม่ใช่เดือนที่สดใสสำหรับการลงทุนใน Cryptocurrency เท่าไรนัก แต่ว่าในความมืดมิดก็ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ! ซึ่งหนึ่งในเหรียญที่น่าจับตามองในช่วงสิ้นปีนี้ก็คือ “Cardano” หรือที่เราคุ้นชื่อกันว่า “ADA” นั่นเอง โดยประเด็นก็คือการอัปเกรดเฟสที่ 4 ที่เรียกว่า “Basho”
วันนี้พี่ทุยจะมาสรุปให้ฟังว่าการอัปเกรด Basho คืออะไร ? และหลังจากอัปเกรดแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง ? รวมถึงมาดูกันว่าแนวโน้มของเหรียญจะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อจากนี้กันด้วย
การอัปเกรด “Basho” คืออะไร ?
คือส่วนหนึ่งของแผนการ “Roadmap” ของ “Cardano” จากทั้งหมด 5 ส่วนด้วยกัน ซึ่งถือเป็นเฟสที่ 4 ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการปรับขนาดและการทำงานร่วมกันของเครือข่าย (Scalability & Interoperability) โดยในช่วงก่อนหน้านี้ เฟสของการพัฒนาจะเป็นเรื่องการกระจายศูนย์กลางและการเพิ่มศักยภาพในด้านของ Smart Contract เป็นหลัก โดยการอัปเกรดเฟสที่ 4 นี้ จะเริ่มพร้อมใช้งานได้จริง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 64 เป็นต้นไป ตามแผนการที่ได้มีการระบุไว้
หลังอัปเกรดมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ?
1. การเพิ่มขนาดบล็อกของ “Cardano” ประมาณ 12.5%
เป็นการปรับการตั้งค่าพารามิเตอร์ของเครือข่าย ทำให้จากเดิมมีจำนวนบล็อกอยู่ที่ 64KB เพิ่มขึ้นเป็น 72KB แม้จะเป็นปริมาณการเพิ่มบล็อกที่ดูสูง แต่ด้านนักพัฒนาเเจ้งเพิ่มเติมว่า จำนวนบล็อกที่เพิ่มขึ้นมาดังกล่าวนั้นไม่ได้มากจนเกินไป เนื่องจากได้คำนึงถึงเรื่องของ Demand ที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตประกอบด้วย
การปรับขนาดบล็อกในครั้งนี้ ส่งผลให้การทำธุรกรรมในบล็อก ๆ หนึ่งสามารถบรรจุปริมาณได้มากกว่าเดิม เหมือนกับกล่องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็สามารถเก็บสิ่งของได้มากขึ้น และส่งผลให้การทำธุรกรรมในบล็อกของ “Cardano” มีความรวดเร็วมากขึ้นตามไปด้วย
2. การขยายข้อจำกัดการเขียนโค้ด “Plutus” ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของการทำธุรกรรมและ Smart Contract ให้มีการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยทางนักพัฒนาได้ทำการเพิ่มหน่วยความจำสคริปต์ Plutus ต่อธุรกรรมให้สูงขึ้น ซึ่งจะสามารถทำให้พัฒนาสคริปต์ Plutus ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้ และนำไปประยุกต์ใช้กับการทำ Dapps (Decentralized Application) ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
การอัปเกรดครั้งนี้ ส่งผลต่อราคาของ “ADA” อย่างไรบ้าง ?
โดยภาพรวมการอัปเกรดในครั้งนี้ ทำให้การทำงานไม่ว่าจะในรูปแบบของธุรกรรมหรือ Smart Contract ดูจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และยังตอบโจทย์กับการพัฒนาต่อยอดไปยัง Dapps ได้ ซึ่งนั่นอาจจะดึงดูดนักลงทุน และทำให้ Demand ของเหรียญเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้พัฒนาได้คาดการณ์เอาไว้จากการขยายบล็อกนั่นเอง