เมื่อคืนที่ผ่านมา Tesla ได้รายงานต่อ SEC (กลต.ของสหรัฐ) ถึงการเข้า “ซื้อ Bitcoin” เป็นเงินมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมประกาศรับ Bitcoin ในการชำระค่าสินค้าและบริการของ Tesla ในอนาคต
ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า 10% จาก 39,000 เหรียญสหรัฐ กลายเป็น 44,000 เหรียญสหรัฐ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ราคาของ Bitcoin ขึ้นไปทำ All Time High อีกครั้ง
การ “ซื้อ Bitcoin” ครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าเงินสดในมือของ Tesla นั้นเพิ่มขึ้น 150 ล้านเหรียญภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง แต่ทำไมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกถึงกล้านำเงินสดมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ มาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอย่าง Bitcoin
พี่ทุยจะมาสรุปให้ฟัง ว่ามีอะไรน่าสนใจ และมีประเด็นอะไรที่นักลงทุนอย่างเราต้องระวังกันบ้าง..
เหตุผลที่ Tesla “ซื้อ Bitcoin” เพื่อกระจายความเสี่ยง
เหตุผลที่ Tesla ลงทุนใน Cryptocurrency หรือ Bitcoin นั้น คือเพื่อกระจายความเสี่ยงโดยตั้งเงินทุนสำรองเป็นหลาย ๆ ค่าเงิน โดยปกติแล้วบริษัทที่ทำธุรกิจระดับโลกมักจะมีการกระจายความเสี่ยงของเงินสด (Cash) ไปในหลาย ๆ สกุลเงินอยู่แล้ว
เพราะค่าเงินมีการแข็งค่าและอ่อนค่าอยู่ตลอดเวลา การที่บริษัทใหญ่ ๆ ถือเงินสดเพียงค่าเดียวอาจจะทำให้ได้รับการผันผวนจากค่าเงินได้ การที่บริษัทกระจายเงินไปในค่าเงินหลาย ๆ ค่าที่มีความแข็งแรงและแนวโน้มที่ดี ก็ทำให้บริษัทลดความเสี่ยงเผลอ ๆ อาจจะกำไรจากค่าเงินด้วย
และถ้าใครติดตาม Elon Musk คงจะทราบกันดีว่า Elon Musk เป็นแฟนตัวยงของ Cryptocurrency อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่คณะกรรมการของ Tesla จะหันมาสนใจใน Bitcoin และเลือกใช้ Bitcoin เป็นหนึ่งในสกุลเงินทุนสำรองของบริษัท
อีกทั้งในปัจจุบันนั้นผลตอบแทนของเงินสดปกตินั้นแทบจะแตะ 0% เลยด้วยซ้ำ ซึ่งต่างจาก Bitcoin ที่ Elon Musk มองว่าจะต้องเป็นค่าเงินในอนาคต และช่วง 1 ปีที่ผ่านมา Bitcoin ก็มีการเติบโตที่สูงมากเติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่าในเวลา 1 ปี
สถานะเงินสดในมือของ Tesla ในปัจจุบัน
หลายคนคงคิดว่า 1,500 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้นเป็นเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นในมุมของ Tesla เงินส่วนนี้จะมากน้อยขนาดไหน
- ปี 2016 3,393 ล้านเหรียญ
- ปี 2017 3,368 ล้านเหรียญ
- ปี 2018 3,686 ล้านเหรียญ
- ปี 2019 6,268 ล้านเหรียญ
- ปี 2020 19,384 ล้านเหรียญ
จากข้อมูลย้อนหลังจะสังเกตได้ว่า Tesla มีเงินสดเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะช่วง 2019-2020 ที่มีการเติบโตของเงินสดอย่างมาก และในปลายปี 2020 นั้น Tesla มีเงินสด (Cash and Equivalents) อยู่ที่ 19,384 ล้านเหรียญ
ซึ่งเป็นปีแรกในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ที่ Tesla มีเงินสดมากกว่าหนี้สินที่มี ซึ่งในมุมของงบการเงินนั้นการที่มีเงินสดมากกว่าหนี้สินเท่ากับว่าบริษัทมีเงินมากพอที่จะชำระหนี้ทำให้ดูมั่นคงและเข็งแรง
ในทางกลับกันหากบริษัทมีเงินสดมากเกินไปเป็นระยะเวลานานก็อาจถูกมองว่าบริหารเงินสดไม่ดีพอ เพราะเงินสดให้ผลตอบแทนที่ต่ำมาก การถือเงินสดเป็นจำนวนมากเลยถูกมองว่าเป็นการเสียโอกาสไป
ซึ่ง Tesla เองได้นำเงินสดส่วนนึงมาบริหารในการลงทุนใน Bitcoin ซึ่ง Tesla เองลงทุนไป 1,500 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 7.74% ของเงินสดทั้งหมด ช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตของเงินสดที่มีพร้อมกับกระจายความเสี่ยงของค่าเงินออกไป แต่ก็แลกมาด้วยความผันผวนของ Bitcoin นั่นเอง
พลังการ Tweet ของ Elon Musk
Elon Musk ถือเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับทั้งวิสัยทัศน์ในด้านธุรกิจ เทคโนโลยี และการลงทุน จนทำให้ทุกครั้งที่ Elon Musk Tweet ถึงสินทรัพย์อะไรก็ตาม ราคาของสินทรัพย์นั้นจะพุ่งกระโดดอย่างน่าตกใจ
โดยล่าสุดก่อนการซื้อ Bitcoin ของ Tesla Elon Musk เพิ่งได้ Tweet Cryptocurrency นึงที่ชื่อว่า Dogecoin ในวันที่ 4 ก.พ. 64 และในวันที่ 6 ก.พ. 64 ก็ได้มีการตั้งโพลถึง Cryptocurrency และ Dogecoin อีกด้วย โดยมีคนมาตอบโพลมากถึง 2.4 ล้านโหวตเลยทีเดียว แสดงถึงความสนใจต่อ Tweet ของ Elon Musk เป็นอย่างมาก
จากการ Tweet เหล่านี้ทำให้ราคาของ Dogecoin เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Dogecoin มีมูลค่าประมาณ 0.03 เหรียญสหรัฐ และในช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.พ. 64 ราคาของ Dogecoin เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนมีมูลค่าสูงถึง 0.08085 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน และไปทำจุดสูงสุดที่ 0.08436 เหรียญสหรัฐ ซึ่งโตเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับก่อนที่ Elon Musk จะ Tweet ถึง และหากเทียบกับต้นปี 2564 Dogecoin มีมูลค่าเพียง 0.004739 เหรียญสหรัฐเท่านั้น เท่ากับว่าหากลงทุน 1 แสนบาทใน Dogecoin ตอนปีใหม่ ในวันนี้ (พี่ทุยเขียนบทความวันที่ 8 ก.พ. 64) จะมีเงินอยู่ประมาณ 1.7 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือเพิ่มขึ้นมาสูงถึง 17 เท่า !!
การเข้า “ซื้อ Bitcoin” ของ Tesla ครั้งนี้ส่งผลกระทบยังไงบ้าง ?
ที่ผ่านมามีกูรูหลายคนที่ออกมาบอกว่าราคาหุ้น Tesla ตอนนี้แพงเกินไปมูลค่าที่แท้จริงไปมากแล้ว และมีการ Short Sell มาตลอด ดังนั้นการลงทุนใน Bitcoin ของ Tesla ครั้งนี้ ทำให้คนที่ Short Sell หุ้น Tesla ก็เสียหายไปตาม ๆ กัน และหลังจากนี้นักลงทุนคงจะมองแค่มูลค่าตัวบริษัท Tesla อย่างเดียวไม่ได้ จะต้องคำนึงราคา Bitcoin ด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตีมูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin ได้
ตอนนี้ใครที่คิดจะ “ซื้อ Bitcoin” ตาม Elon Musk เราต้องคิดไว้เสมอว่า
เค้าซื้อมาก่อนที่เค้าจะพูด และตอนนี้เค้าก็ได้กำไรไปแล้ว
เพราะในการลงทุนทุกครั้ง พี่ทุยจะย้ำเสมอว่าเราต้องรู้ว่าเราเข้าลงทุนเพราะอะไร และการลงทุนเราจะต้องเจอความเสี่ยงอะไรบ้าง ไม่ใช่ลงตามคนอื่น
อนาคตของ Bitcoin หลังจากนี้
แน่นอนว่าการซื้อ Bitcoin ของ Elon Musk ครั้งนี้อาจทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น ไม่แน่ว่าในอนาคต Bitcoin อาจกลายเป็นสินทรัพน์ที่ทุกคนต้องมีติดตัว เหมือนกับเงินสด ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อาจเปิดรับ Bitcoin ให้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศก็ได้
แต่ยังไงพี่ทุยต้องขอย้ำอีกครั้งว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงจริง ๆ โดยเฉพาะการลงทุนใน Cryptocurrency อยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะ