ผู้ที่ไม่ได้มีแต้มต่อในชีวิตหลายคนคงเคยมีความคิดในเชิงตัดพ้อน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ที่ไม่ได้เกิดมารวยแบบเงินจะได้ต่อเงินง่าย ๆ หรืออยู่ในครอบครัวที่มีธุรกิจมั่นคงให้สืบทอดอยู่แล้ว ถ้าตีเป็นตัวเลข 1-100 ลูกเศรษฐีเหล่านั้นไม่ต้องเริ่มเดินจาก 0 เหมือนคนทั่ว ๆ ไป ฝึกคลานครั้งเเรกก็อยู่ที่เลข 50 แล้ว แต่เชื่อมั้ยว่า การที่ได้เริ่มต้นจาก 0 เรียกได้ว่ามีเเต้มต่อชีวิตสำหรับบางคนแล้ว เพราะเค้าเริ่มต้นจาก -10 จนขยับเข้าใกล้ 100 มาเรื่อย ๆ อย่างทุกวันนี้ พี่ทุยจะมาเล่าเรื่องแบรนด์ยิ่งใหญ่ระดับโลกแบรนด์หนึ่ง ที่เริ่มต้นมาอย่างไม่สวยงามอย่าง Huawei พี่ทุยจะบอกว่าบอกว่าใคร ๆ ก็สามารถมีบริษัทยิ่งใหญ่แบบ Huawei ได้
เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง Huawei ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
ชีวิตในวัยเด็กของ เหรินเจิ้งเฟย ลำบากมาก เขาเกิดในครอบครัวที่มีพี่น้องถึง 7 คน ในบ้านไม่มีตู้เก็บของที่ล็อคกุญแจได้แม้แต่ตู้เดียว ที่นอนนุ่ม ๆ ก็ไม่มี แต่ต้องนอนบนพื้นที่ปูด้วยฟางข้าวให้นุ่มขึ้น พี่น้อง 2 คนต้องแบ่งกันห่มผ้าผืนเดียวกัน เหรินเจิ้งเฟยไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่ แม้แต่ชุดนักเรียนก็ไม่มีใส่ แต่ครอบครัวของเหรินเจิ้งเฟยให้ความสำคัญกับการศึกษามาก เขาจึงได้มีโอกาสเรียนมหาลัย และตอนเรียนนั้น พ่อของเหรินเจิ้งเฟยก็ติดคุกแถมโดนซ้อมปางตายบ่อย ๆ ด้วยถึงไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เหรินเจิ้งเฟยก็ใช้มือสองข้างที่มีอยู่ขยัน สร้างเนื้อสร้างตัวจนอิ่มได้อย่างทุกวันนี้เนี่ยแหละ
Huawei เริ่มต้นที่เซินเจิ้น
พี่ทุยเชื่อว่าถ้าไปทำการสำรวจแล้ว เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า “เซินเจิ้น” คนจะคิดถึงอะไร แทบจะร้อยทั้งร้อยคงตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่านึกถึงของก๊อป เพราะเซินเจิ้นในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่คือแหล่งผลิตของเลียนเเบบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจอมก็อปปี้ของโลกอย่างจีน แต่พี่ทุยบอกเลยว่าควรไปเซินเจิ้นกันสักครั้ง เราจะได้รู้ว่าภาพจำในหัวเกี่ยวกับเซินเจิ้น หรือแม้กระทั่งเมืองจีนต้องเปลี่ยนไปแน่นอน
ตอนนี้เราอาจจะคิดว่าการที่ Huawei ตั้งอยู่ที่เซินเจิ้นก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร แต่ลองย้อนเวลาไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เเบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักสิ การถูกตราหน้าว่าเป็นแบรนด์มือถือเซินเจิ้นคงถือเป็นอุปสรรคชิ้นโตที่เหนี่ยวรั้งเค้าเอาไว้และคงต้องฝ่าฟันมาไม่น้อย กว่าจะสามารถเป็นมังกรยืนเคียงข้างกับเเบรนด์ระดับโลกสัญชาติอเมริกันทั้งหลายได้อย่างทุกวันนี้
Huawei ผู้เปลี่ยนเงิน 90,000 บาทเป็น 6 แสนล้านบาท
ใครไม่มีทุนเริ่มต้นมากมาดูนี่เร็ว ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei นั้น เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1987 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 21,000 หยวนหรือประมาณ 90,000 บาทไทย โดย “เหรินเจิ้งเฟย” และเพื่อนอีก 5 คน โดยชื่อ Huawei คือ “จงหวาโหย่วเหวย” ซึ่งแปลว่า “จีนเลอเลิศ”
ในตอนแรกที่ก่อตั้งบริษัท Huawei ขายทุกอย่างเลยที่ขายได้ ตั้งแต่เครื่องส่งสัญญาณเตือนเวลาเกิดไฟไหม้จนถึงยาลดความอ้วน ก่อนจะเริ่มมาโฟกัสที่ด้านสื่อสาร อย่างเป็นตัวแทนขายตู้โทรศัพท์ ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 เหรินเจิ้งเฟยติด 100 อันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกจากนิตรสาร TIME
ในปี ค.ศ. 2008 Huawei ติดอันดับ 10 บริษัทที่ทรงอิทธิพลของโลกจาก Businessweek
ในปี ค.ศ. 2013 Huawei ติด 315 ใน 500 สุดยอดอันดับบริษัทโลกที่จัดโดยนิตรสาร Fortune
และทุกวันนี้ Huawei มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 6 แสนล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 600,000,000,000,000%!! และจากพนักงาน 6 คนก็ขยายเป็นกว่า 150,000 คน
ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนของ Huawei ครองส่วนเเบ่งการตลาดสูงเป็นอันดับสอง แซงหน้าไอโฟนและเป็นรองเพียงเเค่ซัมซุงเท่านั้น ถึงแม้ว่าในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เค้าจะมีปัญหากับอเมริกาซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายไม่น้อย แต่ก็ยังรักษาแท่นอันดับสองไว้ได้อย่างเหนียวเเน่น
พูดถึงที่มาในอดีต ความสำเร็จในปัจจุบันของเค้ากันไปแล้ว มาดูเรื่องผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้และกำลังจะมีในอนาคตกันบ้าง
นอกจาก Smartphone ที่เหมือนเป็นโลโก้เวลาพูดถึง Huawei แล้ว เค้าก็ยังมี Tablet และ Laptop รุ่นต่าง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมี Gadget อื่น ๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับ Smartphone และ Tablet อย่าง ตัวชาร์จแบบไร้สาย หูฟังไร้สาย ตัวสำรองข้อมูลแล้วก็ยังมีนาฬิกา เครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่องกรองอากาศอีกด้วย ฟังชื่อสินค้าแล้ว คงจะรู้สึกเฉย ๆ ใช่มั้ยล่ะ แต่เค้าสามารถเปลี่ยนสินค้าที่ดูธรรมดาอย่างนี้ให้ไม่ธรรมดาได้ ด้วยการเชื่อมต่อทุกอย่างกับมือถือด้วยแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Huawei Health โดยไม่ต้องใช้มือถือของเค้าก็ได้ พี่ทุยขอหยิบมาเล่าให้ฟังนิดนึงนะ
เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล Huawei
ลักษณะภายนอกเหมือนเครื่องชั่งดิจิตอลทั่วไปทุกอย่าง แต่คุณสมบัติภายในเค้าเหนือชั้นกว่ามาก เพราะไม่ได้ชั่งได้แต่น้ำหนักตัวเท่านั้น แต่ยังวัดค่าอื่น ๆ ได้อีก ได้แก่ ค่า BMI (ดัชนีมวลกาย) Basal Metabolic Rate (อัตราการเผาผลาญพลังงานต่อวัน) Visceral Fat Level (ปริมาณไขมันในช่องท้อง) Muscle Mass (สัดส่วนมวลกล้ามเนื้อจากน้ำหนักตัว) Bone Mineral Content (สัดส่วนมวลกระดูกในร่างกาย) ปริมาณโปรตีนและน้ำในร่างกาย โดยข้อมูลเหล่านี้จะแสดงออกมาในหน้าแอปพลิเคชัน Huawei Health ซึ่งจะมีการเก็บข้อมูลเราไว้เรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ชั่งน้ำหนัก และรายงานผลออกมา มีจัดทำเป็นกราฟให้เห็นด้วยนะ เราจะเห็นได้เห็นเลยว่าน้ำหนักและค่าต่าง ๆ ของเรามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงยังไง น่าสนใจและน่าปวดใจสำหรับสาว ๆ ไปพร้อมกันเลยนะ
Huawei Watch GT
เจ้าตัวนี้คือ นาฬิกาที่สายออกกำลังกายต้องโดน มันอาจไม่ได้ตอบโจทย์หลากหลายเหมือนสมาร์ทวอทช์ อย่าง Apple Watch ที่กดเปลี่ยนเพลงผ่านนาฬิกาได้ และติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ แต่ Huawei Watch GT ทำส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายได้แบบห้าดาวเลยนะ เช่น จับชีพจร จับเวลาในการออกกำลังกาย มี GPS มีเข็มทิศ บอกสภาพอากาศ บอกความดันและระดับความสูงได้ รวมถึงฟังก์ชั่นที่ดูเหมือนจะได้ใจคน Gen Y ไปเต็ม ๆ อย่างจับสถิติการนอนหลับ ว่าการนอนของเรามีประสิทธิภาพแค่ไหนก็มีนะ
ฟังค์ชั่นการทำงานอาจจะไมได้ทำให้เค้าดูโดดเด่น แต่สิ่งที่ทำให้ Huawei Watch GTเป็นที่นิยม จนยอดขายโต 282.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ก็คือ การที่แบตเตอรี่อึดมาก Huawei Watch GT สามารถใช้งานต่อเนื่องแบบไม่ต้องชาร์จแบตนานถึง 2 อาทิตย์ ในขณะที่Apple Watch ใช้ได้นานต่อเนื่องแค่ 18 ชั่วโมงเท่านั้น เท่ากับว่าต้องคอยชาร์จทุกวันเหมือนมือถือเลย
Huawei Gentle Monster
Gadget ตัวล่าสุดของ Huawei ตัวนี้คือ Smart Glasses ที่ไม่ได้เหมือนกับ Google Glasses ที่สามารถถ่ายรูปได้ แต่จะรองรับคำสั่งเสียง โดยมีลำโพงซ้ายขวาอยู่ที่ขาแว่น แค่ใส่เเว่นตาเราก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้ ตอนนี้ยังไม่มีขายในไทย ใครอยากได้ก็กำเงินรอเลยนะจ้ะ ราคาเปิดตัวน่าจะอยู่ที่ 4 หลักปลาย ๆ จ้า
เวลาที่ดูหนังจีนทุกครั้ง เรามักจะเห็นภาพของคนจีนคงแก่การเรียนสอบจอหงวน ซึ่งต้องอ่านหนังสือเป็นตั้ง ๆ ในลักษณะของการท่องจำมากกว่าประยุกต์ใช้และจากผลการวิเคราะห์การแข่งขันนานาชาติของสถาบันMID ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พบว่า นักศึกษาจีนจบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ประมาณปีละสามแสนคน ซึ่งจัดเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่กำลังการแข่งขันด้านเทคโนโลยีจัดเป็นอันดับที่ 28 เท่านั้น ทั้งสองอย่างนี้ย่อมแสดงถึงการที่จีนไม่ค่อยเก่งด้านเทคโนโลยี แต่ Huawei ก็แก้สิ่งนี้ได้ด้วยการทุ่มงบพัฒนาด้านวิจัยและพัฒนา (research and development) อย่างต่อเนื่อง จนมีนวัตกรรมปัง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
จากยอดขายของ Huawei ไม่ได้ดึงดูดให้สิ่งดี ๆ เข้ามาเท่านั้น ทุกคนคงจำกันได้ว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศแบน Huawei และข้อกล่าวหาหลักในโลกที่ Big Data มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าอาวุธร้ายใด ๆ อย่างทุกวันนี้ ก็คือ Huawei อาจจะแอบสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับรัฐบาลจีน พี่ทุยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้เท่าไหร่นะ
แต่ได้ข่าวมาว่าผู้บริหารระดับสูงของ Huawei มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์ ที่จำได้แม่นเลยคือ ในตอนที่ Huawei ตกที่นั่งลำบากเพราะจะถูกแบนไม่ให้ใช้ชิปที่ผลิตในอเมริกา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ก็ได้แสดงสัญลักษณ์ตอบโต้ โดยการไปเยี่ยมโรงงานผลิตแร่ Rare-Earth ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายและจีนส่งออกกว่า 80% เสมือนเป็นการย้ำเตือนเบา ๆ ว่า อเมริกามีชิป จีนเองก็มีไม้ตาย คือ แร่ Rare-Earth นะ ถ้าจีนไม่ส่งออกให้ อเมริกามีหนาวแน่ !
เราจะเห็นได้ว่า เส้นทางธุรกิจของเค้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกว่าจะยิ่งใหญ่ได้แบบทุกวันนี้ ถ้าเราวางแผนและมองดี ๆ มันก็อาจจะคือประตูที่มีลูกบิดให้เปิดเข้าไปแทนก็ได้นะ แต่ขอขีดเส้นใต้ตรงคำว่า “มองดี ๆ” หน่อยนะจ้ะ มองหาโอกาสและหาจังหวะก่อน อย่าเพิ่งพุ่งตัวไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวหัวโนแล้วจะมาโวยวายกับพี่ทุยไม่ได้นะ อิอิ
Comment