ถอดแนวคิดของ "Jim Rogers" ที่นักลงทุนควรรู้

ถอดแนวคิดของ “Jim Rogers” ที่นักลงทุนควรรู้

3 min read  

ฉบับย่อ

  • “Jim Rogers”เคยกล่าวไว้คือ “หากคุณเป็นคนฉลาดในปี 1807 คุณจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่กรุงลอนดอน และถ้าคุณฉลาดในปี 1907 คุณจะย้ายไปมหานครนิวยอร์ก และถ้าหากคุณฉลาดในปี 2007 คุณจะเลือกย้ายมาเอเชีย
  • “Jim Rogers” เคยกล่าวไว้ว่า หากคุณอ่านรายงานประจำปี เท่ากับคุณได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 90% ในตลาด หากคุณอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วย คุณก็ได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 95% ในตลาด และถ้าหากคุณนั่งลงวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มตัวเลขสำคัญ ๆ ด้วยตัวเองแล้วละก็ คุณได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 98% ในตลาดเลยทีเดียว

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

หลายคนอาจจะคุ้นหูกับชื่อของ จอร์จ โซรอส (George Soros) ในฐานะพ่อมดการเงินผู้เห็นโอกาสจากความผิดพลาดของนโยบายการเงินไทยในช่วงก่อนปี 40 และเข้ามาโจมตีค่าเงินบาท จนนำไปสู่วิกฤตต้มยำกุ้งในที่สุด แต่ก่อนที่ จอร์จ โซรอส จะเริ่มมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง นามว่า จิม โรเจอร์ส (Jim Rogers) ที่แม้ว่าคนไทยอาจจะไม่ได้คุ้นหูเท่ากับโซรอส แต่โรเจอร์ส คือ ผู้ร่วมก่อตั้ง Quantum Fund กองทุนแห่งแรกที่กระจายการลงทุนไปทั่วโลก พี่ทุยจะพามาถอดแนวคิดและทำความรู้จักกับ “Jim Rogers” ให้มากขึ้นกว่านี้ในบทความนี้เลย

นับแต่ปีแรกที่ Quantum fund ก่อตั้งในปี 1973 ว่ากันว่าโรเจอร์สและโซรอสร่วมกันบริหารพอร์ตลงทุนในขณะนั้น ให้เติบโตได้ถึง 4,200% เทียบกับดัชนี S&P ที่เติบโตขึ้นเพียง 47% แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในระยะเวลานั้น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาเองเคยขาดทุนจนเข้าขั้นล้มละลายมาแล้วเมื่อปี 1970 ในช่วงอายุ 27 – 28 ปี แต่ “Jim Rogers” ได้กล่าวไว้ว่า การผิดพลาดจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่จนเกินไป เมื่อคุณเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น การผิดพลาดในช่วงที่ยังแค่เริ่มต้น เมื่อคุณไม่ได้มีเงินให้สูญเสียมากนัก มันจะเป็นบทเรียนที่คุ้มค่าไปตลอดชีวิต

หลังจากนั้นเขาได้ตัดสินใจเกษียณอายุตัวเองด้วยวัยเพียงแค่ 37 ปี เมื่อปี 1980 เพื่อออกเดินทางรอบโลกด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจ เป็นระยะทางรวมถึง 160,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม Rogers ยังคงเป็นนักลงทุนอยู่เช่นเดิม และความโดดเด่นของ Rogers คือการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ถึงขนาดที่เขาสามารถพัฒนาดัชนี Rogers International Commodity Index (RICI) ขึ้นมาในปี 1998

ก่อนที่ตัวเขาจะตัดสินใจเดินทางรอบโลกอีกครั้งด้วยรถยนต์ ในปี 1999 กับ 116 ประเทศทั่วโลก รวมระยะทางประมาณ 245,000 กิโลเมตร การเดินทางในแต่ละครั้งของ Rogers ไม่ได้เป็นเพียงแค่การพักผ่อนหย่อนใจ แต่เขาต้องการออกไปเห็นโลกจริง ๆ ว่ากำลังดำเนินไปอย่างไร ซึ่งทั้งสองครั้งของการเดินทาง ช่วยให้ Rogers เขียนหนังสือออกมา 2 เล่ม คือ Investment Biker และ Adventure Capitalist ท้ายที่สุดในปี 2007 Rogers ตัดสินใจขายอพาร์ทเมนท์ในมหานครนิวยอร์ก ก่อนจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่สิงคโปร์

สิ่งที่ Rogers เคยกล่าวไว้คือ “หากคุณเป็นคนฉลาดในปี 1807 คุณจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่กรุงลอนดอน และถ้าคุณฉลาดในปี 1907 คุณจะย้ายไปมหานครนิวยอร์ก และถ้าหากคุณฉลาดในปี 2007 คุณจะเลือกย้ายมาเอเชีย”

Rogers เชื่อว่าโอกาสของการลงทุนจะย้ายมาอยู่ที่เอเชีย ขณะเดียวกันเขาก็ได้เตรียมความพร้อมไว้ให้กับลูกสาวโดยการเรียนภาษีจีน ในปี 2008 Rogers เคยพูดไว้ว่าคนจีนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก และเขาต้องการที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น แนวคิดทางการลงทุนที่สำคัญของ Rogers อย่างหนึ่งคือ การวิเคราะห์หุ้นด้วยตัวเองเสมอ และอย่ากังวลหากคุณคิดไม่เหมือนคนอื่น

Rogers เคยกล่าวไว้ว่า หากคุณอ่านรายงานประจำปี เท่ากับคุณได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 90% ในตลาด หากคุณอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วย คุณก็ได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 95% ในตลาด และถ้าหากคุณนั่งลงวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มตัวเลขสำคัญ ๆ ด้วยตัวเองแล้วละก็ คุณได้ทำการบ้านมากกว่านักลงทุน 98% ในตลาดเลยทีเดียว ขณะเดียวกัน Rogers บอกสมองว่าการเป็นนักลงทุน จำเป็นจะต้องเป็นคนช่างเลือก เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งจากตลาดคือ การไม่ขาดทุน มีนักลงทุนหลายคนที่อาจจะทำกำไรได้ดีมาก ๆ ติดต่อกันสองปี แต่ต่อมาก็ประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก

“นักลงทุนหลาย ๆ คนมักจะรู้สึกว่า พวกเขาควรจะทำอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา คุณไม่ควรรู้สึกแบบนั้น แต่ควรจะรอคอยด้วยความอดทน รอจนเจอหุ้นที่มั่นใจได้อย่างมากว่ามันน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะแค่การตัดสินใจถูกเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้คุณทำกำไรได้มากกว่าคนส่วนใหญ่แล้ว” Jim Rogers.

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply