วิธีกระจายความเสี่ยงการลงทุน

วิธีกระจาย “ความเสี่ยง” ที่เหมาะสม ควรเป็นแบบไหน ?

2 min read  

ฉบับย่อ

  • “ความเสี่ยง” มีการกระจายได้หลายวิธีมาก วิธีการนึงที่จะช่วยทำให้เราสามารถกระจายการลงทุนได้อย่างเหมาะสมก็คือ กำหนดให้ 1 พอร์ตการเงินต่อ 1 เป้าหมายทางการเงิน
  • ถ้าถามว่าควรลงทุนเท่าไหร่ เราต้องย้อนกลับมาเรื่องเป้าหมายการเงินกันก่อนต้องตั้งเป้าหมาย ! แล้วเป้าหมายจะเป็นคนบอกเราเองว่าเราควรกระจายการลงทุนแบบไหน ลงทุนเพิ่มเรื่อย ๆ หรือวางทิ้งไว้ชิว ๆ ถึงจะเหมาะสม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

การกระจาย “ความเสี่ยง” เป็นทฤษฎีที่นักลงทุนมือใหม่หลายคนมีอาการร้อนวิชาอยากที่จะทำตาม อาการนี้พี่ทุยเห็นได้บ่อยครั้งมาก และก็มีความพยายามกระจาย “ความเสี่ยง” ไปเต็มเหนี่ยว เยอะแยะไปหมด บางคนที่พี่ทุยเปิดดูพอร์ตรวมทั้งหมดแล้วบอกได้เลยว่ามีงงอยู่เหมือนกัน

  • กองทุนหุ้นปันผล 3 กอง
  • ไม่ปันผลอีก 2 กอง
  • SSF 1 กอง
  • RMF 1 กอง
  • ประกันชีวิต 3 ฉบับ
  • กองทุนตราสารหนี้ 1 กอง
  • กองทุนตลาดเงิน 1 กอง

อื้อหื้อออออ !!! เรียกได้ว่าขยันกระจายการลงทุนจริง ๆ ถามว่ากระจายเยอะแบบนี้ดีมั้ย !? ถ้าเราดูแลได้หมด ติดตามได้ครบถ้วน ก็ถือว่าไม่เลวนะ แต่พี่ทุยว่ามันจะดูเป็นการลงทุนที่วุ่นวายเกินไปหน่อย แล้วเราก็จะไม่รู้ด้วยว่าเวลาไหนควรซื้อเพิ่ม เวลาไหนควรขาย หรือถ้าเรามีเงินลงทุนเหลือเราจะกระจายการลงทุนยังไงต่อหรือว่าควรปล่อยให้โตต่อไปเรื่อย ๆ

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า แล้วเท่าไหร่ถึงจะดีล่ะ ?

พี่ทุยว่าเราต้องย้อนกลับมาเรื่องเป้าหมายการเงินกันก่อน อย่างที่พี่ทุยย้ำเสมอว่าเราต้องตั้งเป้าหมาย ! แล้วเป้าหมายจะเป็นคนบอกเราเองว่าเราควรกระจายการลงทุนแบบไหน ลงทุนเพิ่มเรื่อย ๆ หรือวางทิ้งไว้ชิว ๆ

เช่น การเกษียณอายุ ซื้อรถใหม่ บ้านใหม่ ซ่อมบ้าน เที่ยวรอบโลก ส่งลูกเรียน

การลงทุนแบบที่ควรจะเป็น คือ 1 พอร์ตการเงินต่อ 1 เป้าหมายทางการเงินนะ ถ้าอย่างเกษียณอายุ แน่นอนว่าเป็นเป้าหมายระยะยาว 10 ปีขึ้นไป พอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจก็คือ กองทุนรวมหุ้นไม่ปันผล กองทุนตราสารหนี้ระยาว
รวมถึง SSF RMF รวมไปถึงการลงทุนทางเลือกต่าง ๆ

แต่ถ้าอย่างเป้าหมาย ดาวน์รถใหม่ปีหน้า ระยะสั้นขนาดนี้ พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม คือ กองทุนรวมตลาดเงิน หรือ กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะมีระยะเวลาลงทุนน้อย ไม่ควรลงทุนอะไรที่เสี่ยง

หรืออย่าง ส่งลูกเรียน พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมก็คือ “ประกันชีวิต” เผื่อไว้เราเป็นอะไรไป ลูกเราก็ยังได้เรียน
แล้วเผื่อในกรณีที่เราไม่ตาย ก็ต้องมีให้ลูกเรียนเหมือนกัน ก็จะเป็น กองทุนหุ้นไม่ปันผล SSF กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว หรือจะซื้อ ประกันควบการลงทุนอย่าง Unit linked ก็เป็นทางเลือกที่แจ่มมมมมมมมเลยล่ะ

หรือถ้าอยากได้รายได้ประจำ เพิ่มจากการลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมรัพย์ หรือ REIT ก็เป็นอันใช้ได้ เห็นมั้ยว่าถ้าเรากำหนดเป้าหมายก่อนการลงทุน จะทำให้เรารู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า เราควรลงทุนอะไร ? การลงทุนทุกครั้ง ถามตัวเองเสมอว่า “เป้าหมายคืออะไร” นะ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย