ช่วงที่ตลาดทั่วโลกพากันเทกระจาดอย่างนี้ ถ้าลองเปิดดูตามเว็บไซต์การเงินหรือแอปพลิเคชันการเงินต่าง ๆ เราจะเห็นได้ว่าในทุกครั้งที่ตลาดทั่วโลกพร้อมใจกันลง จะมีดัชนีหนึ่งที่ไม่เข้าพวกกับเค้าเลย เพราะจะเขียวสว่างไสวอยู่คนเดียว ยิ่งตลาดหุ้นอเมริกาแดงมากเท่าไหร่ เค้าก็จะยิ่งเขียวเท่านั้น วันนี้พี่ทุยขอแนะนำให้รู้จักกับเค้าคนนั้น คือ VIX Index เค้ามีชื่อเล่นอย่างไม่เป็นทางการแต่เป็นสากลเลย เพราะต่างชาติก็เรียกกันอย่างนี้ว่า “ดัชนีแห่งความกลัว” หรือ “Fear index” แล้ว VIX Index คืออะไร
VIX Index คืออะไร ?
ชื่อเต็มของ “VIX Index” ก็คือ Volatility Index ซึ่งคำนวณโดยตลาดซื้อขายอนุพันธ์ Chicago Board Options Exchange (CBOE) ดัชนีนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาในปี 1993 โดย ดร.Robert Whaley ในตอนแรก VIX คำนวณมาจากราคาของ Option S&P100 หรือ OEX ตอนนั้นมีเพียงเเค่ 8 Option เองที่นำมาใช้คำนวณ แต่ต่อมาในปี 2003 CBOE และ Goldman Sachs ก็ได้ปรับวิธีการคำนวณ VIX ใหม่ โดยเปลี่ยนไปอ้างอิงกับ Option ในตลาด S&P500 แทน
ดังนั้นจากเพียง Option 8 ตัว ในตอนแรกก็กลายเป็น Option จำนวนมากที่จะสะท้อนให้เห็นภาพรวมของตลาดได้ดีขึ้น เพราะตลาด S&P500 นี้ถือเป็นเกณฑ์ประเมิน (Benchmark) ที่ใช้ในการเปรียบเทียบ Performance ในสหรัฐอเมริกาเลย เช่น ถ้าซื้อกองทุนหุ้นเชิงรุก (active fund) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เราก็จะใช้ผลตอบแทนของ S&P500 เป็นตัวชี้วัดว่า กองทุนดังกล่าวทำผลงานได้ดีมั้ยนะ
ทำไม VIX Index ถึงถูกเรียกว่า FEAR INDEX?
ตัวเลข VIX บ่งบอกถึง Implied Volatility ของ Option ใน S&P500 ที่คาดการณ์ในอีก 30 วันข้างหน้า ซึ่ง Implied Volatility เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกถึงความถูกแพงของ Option ซึ่งจะเอาค่ากึ่งกลางระหว่าง Bid และ Ask ของ Option มาคำนวณ
พี่ทุยอธิบายอย่างนี้ หลายคนอาจจะเริ่มขมวดคิ้วกัน เอาเป็นว่าขอแปลไทยเป็นไทยง่าย ๆ ว่า VIX คำนวณมาจาก Option ใน S&P500 และสาเหตุที่เค้าถูกเรียกว่าดัชนีแห่งความกลัว (ในหลายครั้งก็ถูกเรียกว่าดัชนีแห่งความโลภด้วย) ก็เพราะเค้าสะท้อนถึงจำนวนของสัญญา Put Option เนี่ยแหละ
Call & Put Option คืออะไร ?
พี่ทุยขอทวนความจำสั้น ๆ ว่า เราจะซื้อ Call Option เมื่อมองว่าตลาดหรือหลักทรัพย์นั้น ๆ จะปรับตัวขึ้นและจะใช้ Put Option เมื่อมองว่าตลาดหรือหลักทรัพย์นั้น ๆ จะปรับตัวลง เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มียอดการซื้อ Put Option ของนักลงทุนมาก ๆ ย่อมแสดงว่านักลงทุนและนักเก็งกำไร (Trader) มีมุมมองว่าตลาดจะมีการปรับตัวลง
และเนื่องจาก Put Option เป็นอะไรที่มีความซับซ้อนประมาณนึง ผู้ที่เล่น Put Option ก็จะจำกัดนิดนึง ดังนั้นเมื่อปริมาณ Put Option สูงจึงแปลว่านักลงทุนรายใหญ่ เช่น ผู้จัดการกองทุน นักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนที่ลงทุนเป็นอาชีพมีมุมมองว่าตลาดจะปรับตัวลง จึงทำการซื้อ Put Option ไว้เพื่อประกันความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น เพราะพอร์ตหุ้นของผู้เล่นกลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ เคลื่อนไหวยาก
เช่น สมมุติว่ามีหุ้น X อยู่ร้อยล้านหน่วย ถึงจะมีมุมมองว่าหุ้น X จะปรับตัวลง ก็ไม่สามารถเทขายหุ้น X ทั้งหมดร้อยล้านหน่วยได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีคนซื้อ (Bid) รองรับเพียงพอ และการขายหุ้นปริมาณมหาศาลขนาดนี้ย่อมจะส่งผลให้ราคาตลาดของหุ้นตัวดังกล่าวปรับตัวลงอย่างรุนแรง ทำให้ต้องขายในราคาถูกลงเรื่อย ๆ เป็นต้น
ดังนั้นทางเลือกที่ง่ายที่สุดของพอร์ตใหญ่อย่างนี้ คือการซื้อ Put Option เพื่อประกันความเสี่ยง (Hedging) เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาลงตามที่คิดจริง ๆ ถึงจะขาดทุนหรือกำไรลดลงจากการที่ยังมีมันในพอร์ต ก็จะมีกำไรจากการซื้อ Put Option มาทดแทนไงและเมื่อมีการเข้าซื้อ Put Option มากขึ้น ก็จะส่งผลต่อ Implied Volatility ตัวเลขของ VIX Index ก็พุ่งขึ้นสูง
“VIX Index” แค่ไหนที่เรียกว่าสูง ?
Harvest Volatility Management ได้คำนวณค่าเฉลี่ยของ VIX Index โดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 1995 มาได้ว่า ตัวเลขจะอยู่ที่ 21 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับตัวเลขที่นักลงทุนควรเริ่มให้ความสนใจและเริ่มมองหาความผิดปกติของสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่หลายแหล่งเห็นตรงกันคือ 20
ที่ผ่านมามีปีที่ VIX Index สูงกว่า 20 หลายครั้ง เช่น ช่วงปี 1929-1940 ที่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ปี 1946 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Black Monday ในปี 1987 และล่าสุดก็คือ Hamburger Crisis นั่นเอง
มาดูค่า VIX Index ย้อนหลังกัน
ถึงแม้ตัวเลขค่าเฉลี่ยในบางปีอาจจะดูต่ำแต่ก็มีบางวันที่มีค่าสูง เกินกว่า 20 ไปเหมือนกัน และจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าปีที่ค่า VIX Index สูงโด่งเตะตาออกมาเลยคือปี 2008-2009 ที่เกิดวิกฤตซับไพร์ม หรือ Hamburger crisis
และเมื่อวันจันทร์ที่ 16 มี.ค. 20 ตลาดดาวโจนส์ได้ปิดลบถึงเกือบสามพันจุดหรือคิดเป็น 12.93% จนโดนปิดการซื้อขาย (Circuit Breaker) เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 อาทิตย์ ในขณะเดียวกัน VIX Index ก็ได้สร้างจุดสูงสุดใหม่ไปแล้วที่ระดับ 82.69 ล้มล้างจุดสูงสุดเดิมที่สร้างไว้เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2008 ที่ระดับ 80.86 แต่ยังไม่สามารถทำลายสถิติจุดสูงสุดระหว่างที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมในปี 2008 ได้
วันที่มีราคาปิดสูงสุดของ VIX Index สูงสุด 3 อันดับแรกคือ
อันดับ 1 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 82.69 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2020
อันดับที่ 2 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 80.86 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2008
อันดับ 3 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 80.06 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2008
วันที่มีราคาปิดสูงสุดของ VIX Index ต่ำสุด 3 อันดับแรกคือ
อันดับ 1 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 9.14 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017
อันดับ 2 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 9.15 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2018
อันดับ 3 ราคาปิดของดัชนี VIX Index อยู่ที่ 9.19 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2017
เราเทรด VIX ได้มั้ย ?
คุยกันมาจนถึงตอนนี้ พี่ทุยเชื่อว่าคงมีหลายคนที่สงสัยว่าเราสามารถเทรด VIX เหมือนเทรดดัชนี SET Index ได้หรือไม่ พี่ทุยขอตอบเลยว่า ได้ !!! แต่เราต้องไปเปิดบัญชีซื้อหุ้น หรือ อนุพันธ์ของตลาดต่างประเทศ เพื่อเข้าซื้อ VIX Future หลักการซื้อขายและทำกำไรก็จะเหมือนกับ Future ทั่วไปเลย หรือถ้าไม่มีบัญชีอนุพันธ์ก็สามารถซื้อผ่านบัญชีหุ้นต่างประเทศ ETF ได้เลย มีให้เลือกทั้งขาขึ้น (Bull) และ ขาลง (Bear)
ก่อนหน้าที่จะมีวิกฤตที่กระทบไปทั้งโลกอย่างเรื่องของการเกิดโรคระบาด พี่ทุยเคยได้ยินคำพูดทำนองว่า
SET ไทยไม่ใช่ดาวโจนส์ คนละตลาดกัน ไม่เกี่ยวกันหรอก
ขอบอกเลยว่าเกี่ยวข้องกันนะ ตลาดหุ้นไทยจะถูกแบ่งนักลงทุนออกเป็น 4 ประเภท และ 1 ในประเภทนั้นก็คือ นักลงทุนต่างชาติ การไหลเข้าออกของเงินต่างชาติมีผลต่อตลาดหุ้นบ้านเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมีเทคโนโลยีที่เชื่อมโลกได้ภายในเสี้ยววินาทีอย่างทุกวันนี้ ปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศเป็นเรื่องนึงที่ย่อมจะส่งผลกระทบถึงอารมณ์ของนักลงทุนอีกซีกโลกแล้ว เช่น สงครามการค้า ไม่ต้องพูดถึงว่าปัจจัยใหญ่ ๆ ที่ผลกระทบต่อทุกประเทศ จะมีผลขนาดไหน เพราะทุกสินทรัพย์และตลาดทั่วโลกมีสิ่งที่เรียกว่า ค่าสหสัมพันธ์ หรือ Correlation ระหว่างกัน
พี่ทุยเคยบอกว่าจะลงทุนอะไรต้องมีการกระจายความเสี่ยง (Diversified) วันนี้ขอเสริมนิดหน่อยนะว่าการกระจายความเสี่ยง เราต้องดูด้วยว่าเค้ามีความสัมพันธ์กันยังไง ถ้าเค้ามีความสัมพันธ์เป็นไปในทางเดียวกัน นอกจากจะไม่ช่วยกระจายความเสี่ยงเเล้วยังเสี่ยงมากขึ้นอีกด้วยนะ อันนี้ต้องระวังให้ดีเลย..
ติดตามคำศัพท์การเงินอื่น ๆ ได้ที่นี่
Comment