หุ้น THG หรือ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป กำลังเป็นที่กังวลหลังจากราคาหุ้นลดลงมาต่อเนื่อง ในเดือน ก.ย. ลดลงประมาณ -40% เลยทีเดียว ผลประกอบการรายได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แถมยังมีข่าวอื้อฉาวทำให้นักลงทุนต่างกังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากตัว THG เอง RAM หรือ โรงพยาบาลราม เองก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ได้รับผลกระทบครั้งนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปหาคำตอบกัน
เกิดอะไรขึ้นกับ หุ้น THG
จากจัดสูงสุดที่ 99.5 บาทต่อหุ้น ในปี 2022 ราคาของ THG ก็ปรับลดลงมาต่อเนื่อง ก่อนที่จะมาหยุดอยู่แถว ๆ 70 บาท ทั้งที่มีกำไรสูงถึง 1601.69 ล้านบาท และเมื่อ Q3 ปี 2023 งบกำไรขาดทุนที่ลดลง จนทำให้รายได้ทั้งปีของ THG เหลือไม่ถึง 300 ล้าน
จากกำไรที่ลดลงทำให้ราคา THG ลดลงอย่างต่อเนื่องพร้อมกับข่าวการตรวจพบรายการอันควรสงสัย จนทำให้ราคาหุ้นเหลือเพียง 18.80 บาท ในวันที่ 3 ต.ค. 2567
20 ก.ย. 2567 คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท THG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงรายการอันควรสงสัย ซึ่งสิ่งที่น่าสงสัยคือมีรายการที่ THB และ THH บริษัทย่อยของ THG ได้มีการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท RTD หรือ บริษัท ราชธานีพัฒนากร (2014) จำกัด ซึ่งมีกลุ่มครอบครัววนาสิน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมเป็นยอดสูงถึง 145 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัท TMG หรือ ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด ที่มี RTD เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมียอดสั่งซื้อเทคโนโลยีทางการแพทย์จากบริษัทสิงค์โปรอีก 55 ล้านบาท แต่ไม่มีการรับมอบสินค้าจริงเกิดขึ้น และบริษัทสิงค์โปรนี้เพิ่งก่อตั้งในปี 2566
ผังการถือหุ้นของแต่ละบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ THG และตระกูลวนาสิน
ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ THG คือ RAM หรือโรงพยาบาลรามคำแพง ซึ่งถือหุ้น THG สูงถึง 24.59% โดยมีตระกูลวนาสินรวมแล้วถือหุ้น 17.93% ซึ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องในข่าวนี้อย่าง RTD ก็มีตระกูลวนาสิน ก็ถือหุ้นอยู่ 40.8% ส่วน THH และ THB มี THG ถือหุ้นอยู่ 51.22% และ 81.03% ตามลำดับ
ลำดับผู้ถือหุ้นของ THG
งบการเงินปัจจุบัน
รายได้
- ปี 2563 – 7,446.4 ล้านบาท
- ปี 2564 – 10,974.92 ล้านบาท
- ในปี 2565 – 11,983.90 ล้านบาท
- ปี 2566 – 9,987.28 ล้านบาท
- งบ 6 เดือน 2567 – 4,768 ล้านบาท
กำไรสุทธิ
- ปี 2563 – 62.43 ล้านบาท
- ปี 2564 – 1,337.43 ล้านบาท
- ในปี 2565 – 1,609.69 ล้านบาท
- ปี 2566 – 295.41 ล้านบาท
- งบ 6 เดือน 2567 – 49.2 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าแม้รายได้ของ THG จะยังทรง ๆ เดิมลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ามองในมุมกำไรนั้น จาก 1609.69 ล้านบาท ในปี 2565 ลดลงเหลือเพียง 295.41 ล้านบาทเท่านั้นในปี 2566 และงบ 6 เดือน ปี 2567 ก็เหลือเพียง 49.2 ล้านบาทเท่านั้น
ซึ่งหากมองแค่งบการเงินอย่างเดียวก็ส่งผลต่อราคาหุ้น THG อย่างมากแล้ว และก็ยังส่งผลต่อ RAM ด้วยที่ถือหุ้นสูงถึง 24.59%
จะเป็นอย่างไรต่อกับ หุ้น THG
จากข่าวที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่า THG ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีผลต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถืออีกด้วย อย่างในมุมของความน่าเชื่อถือนั้น หาก THG ต้องการออกหุ้นกู้เพิ่มจากที่ได้เครดิต AAA และได้รับรองจากสถาบันชั้นนำก็อาจทำให้ เรตติ้งดรอปลงและอาจส่งผลถึงภาระหนี้และภาระทางการเงินที่หนักขึ้น
และอาจมีอีกหลาย ๆ มุมที่ต้องรอตรวจสอบความแน่ชัดของข่าวอื้อฉาวนี้ว่าจริงแท้ขนาดไหน หรือมีเรื่องอะไรที่ซุกซ่อนและยังไม่ปรากฏต่อสาธารณอีกบ้าง เรียกได้ว่าในมุมภาพลักษณ์ เครดิต การเงิน และการบริหาร THG กำลังเจอศึกหนักในการกู้ชื่อเสียงกลับมา
ในทางกลับกันหากเรามองดูที่ธุรกิจจริงๆ THG มีเตียงจดทะเบียนแล้วกว่า 1,460 เตียง มีโรงพยาบาลในเครือในกรุงเทพ 5 แห่ง และต่างจังหวะอีก 5 แห่ง มีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศทั้ง เมียนมา และ เวียดนาม มีโปรเจค Wellness และมีการกระจายการลงทุนอื่น อย่างบริการผู้ป่วยและเครื่องมือแพทย์
อีกทั้งยังมีแพลนที่จะดันบริษัทในเครือ IPO เข้าบริษัทอีกด้วย หมายความว่า THG ก็ยังมีการพัฒนาลงทุนต่อเนื่อง และยังมีคุณภาพในการรักษาที่ดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์และอาจกระทบถึงความสามารถในหาเงินทุนเพิ่มในอนาคตอีกด้วย
THG จะเป็นเหมือน STARK มั้ย?
ในกรณีของ Stark นั้น บริษัทไม่ส่งงบการเงินสิ้นสุดปี 2565 ก่อนที่เรื่องราวจะกลายเป็นกรรมการบริษัทแจ้งลาออกและนาย ชนินทร์หนีออกนอกประเทศไป ทำให้เกิดผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและหุ้น STARK ก็ถูก SP และออกจากตลาดไป ถึงแม้จะถูกฉ้อโกงแต่บริษัทก็ยังคงดำเนินงานอยู่ภายใต้การกำกับของ กลต.
ซึ่งตัว THG เองสิ่งที่ต่างคือ THG เป็นฝ่ายตรวจพบแล้วแจ้งต่อ กลต. เองไม่ได้นิ่งเฉยและไม่ได้ส่งรายงานเหมือน STARK อีกทั้งหัวใจของธุรกิจโรงพยาบาลนั้นแข็งแรง สิ่งที่น่าเป็นกังวลคือธุรกิจที่กำลังขยับขยายและลงทุนเพิ่มนั้นจะไปได้ดีมั้ย และหลังจากผลกระทบครั้งนี้ได้ข้อสรุปแล้วจะมีผลต่อภาพลักษณ์และการเงินของบริษัทขนาดไหน เพราะถ้าการเงินและการหาแหล่งเงินทุนสะดุด การลงทุนที่กำลังขยับขยายก็อาจสะดุดตามไปด้วยจึงเป็นสิ่งที่กังวล
ในมุมของนักลงทุนที่เป็น VI ควรศึกษาและติดตามข่าวหรือรอให้เรื่องราวสรุปชัดเจนก่อน เพราะการที่เราจะช้อนซื้อหุ้นในราคาถูกนั้น เราควรจะดูพื้นฐานและความเสี่ยงประกอบไปด้วย ในเมื่อข่าวสารต่างๆและความเสี่ยงของ THG นั้นยังไม่ปรากฏชัดเจน จึงควรเฝ้าระวังและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนในการลงทุน
อ่านเพิ่ม